บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2552

คนจนรัก คนรวยเกลียด

ที่มา เดลินิวส์

เห็นรัฐบาล “อภิสิทธิ์ 1” ใช้ นโยบาย “แจกแหลก” ให้แก่ “คนจน” เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศ เห็น ตัวเลขรายรับที่รัฐบาลจะได้ไม่ถึงเป้าจากการเก็บภาษีสรรพสามิตและภาษีสรรพากร เห็น สภาพที่ย่ำแย่ของ เหล่ารัฐวิสาหกิจทั้งหลายแล้ว อดสงสัย ไม่ได้ว่า รัฐบาล “อภิสิทธิ์ 1” จะเอาเงิน ที่ไหน มาใช้สำหรับ นโยบาย “แจกแหลก” ที่ประกาศออกมาแล้วนั้น

และแล้วก็ต้อง ร้อง “อ๋อ” เพราะตรงตามที่คาดเดาไว้ทุกประการนั่นคือ ที่ไหนจะขูดรีดรายรับมาได้ จะต้องทำ และสิ่งหนึ่งที่ “กรณ์ จาติกวณิช” รมว.คลังประกาศออกมาแล้วคือ เดินหน้า ร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดิน และ สิ่งปลูกสร้าง และ ร่าง พ.ร.บ.ภาษีมรดก เพื่อเก็บ ภาษีจาก “คนรวย” มาแบ่งสันปันส่วนให้ “คนจน”

แม้ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรีจะบอกว่าเรื่องนี้ต้องดูให้รอบคอบและกินเวลานานกว่าจะดำเนินการได้ แต่มาถึงจุดนี้ เชื่อได้เลยว่า รัฐบาล “อภิสิทธิ์ 1” กำลังสร้างสภาวะที่เรียกว่า “คนจนรัก คนรวยเกลียด” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

มีคำถามว่า “คนจน” และ “คนรวย” แตกต่างกันตรงไหน

คำตอบก็คือ “คนรวย” นั้น หมั่นออม เพื่อเก็บหอมรอมริบไว้ให้ลูกหลาน พวกนี้จะใช้จ่ายอย่างประหยัด เข้าขั้นขี้เหนียว เพราะ ถ้าไม่ขี้เหนียวจะไม่รวย

“คนรวย” เป็นพวก มีปากมีเสียงในสังคม ขี้หมั่นไส้ แต่ โอกาสจะเปิดให้แก่เขาเสมอเพราะมีเงิน

และลักษณะสำคัญของ “คนรวย” คือ ชอบขับไล่รัฐบาล ถ้าไม่ถูกใจ ถ้ามีอะไรมาทำให้ตัวเดือดร้อน จะรวมตัวกันขับไล่รัฐบาลได้ง่าย ๆ เลยทีเดียว ว่ากันว่า กลุ่ม “เสื้อเหลือง” มี “คนรวย” รวมพลอยู่ด้วยจำนวนไม่น้อย เพราะ “คนรวย” หมั่นไส้ “ทักษิณ ชินวัตร”

ส่วน “คนจน” ออมไม่เก่งเพราะไม่รู้ว่าจะออมอย่างไร เมื่อไม่ออม จึงขยันใช้จ่ายไปวัน ๆ จนอยู่แล้ว จึงจนมากขึ้นไปอีก

ในสังคมไทยเรานั้น มี “คนจน” มากกว่า “คนรวย” แถว “ภาคเหนือ” กับ “ภาคอีสาน” จะมี “คนจน” ค่อนข้างมาก

รู้กันดีว่า “คนจน” มักจะ มีความจงรักภักดีสูง นักการเมืองผู้ใดแจกเงินแจกทองให้ “คนจน” จะรักมากเป็นพิเศษ ดูอย่าง “ทักษิณ” เป็นตัวอย่างจะเห็นภาพชัด

“คนจน” ที่ไม่ทำตัวแบบ “คนจน” คือใช้จ่ายน้อย ๆ ขยันประหยัดหลาย ๆ คนได้ กลายเป็น “คนรวย” ได้ในชั่วพริบตาเลยทีเดียว

“คนจน” นั้นตั้ง “รัฐบาล” แต่ “คนรวย” ล้ม “รัฐบาล” นี่คือสัจธรรมที่เห็น ๆ อยู่ในประเทศไทยเรา

ระยะหลังมานี้ พรรคประชาธิปัตย์ เริ่มนำเอา นโยบาย “ประชานิยม” มาใช้มากขึ้น เพราะรู้ดีว่า “คนจน” มีมากกว่า “คนรวย” และต้องเอาใจ “คนจน” ไว้ก่อน ด้วยแต่ดั้งแต่เดิมมาว่า พรรคนี้ เจาะภาคอีสานและภาคหนือ ไม่ได้ จึงปากแห้งมาหลายปี ด้วยไม่ได้เป็นรัฐบาลกับเขาเลย ซึ่งความผิดพลาดนี้จะผิดพลาดอีกไม่ได้เป็นอันขาด เพราะเป็นพรรคการเมือง ถ้าไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล มัน ทรมานใจ ขนาดไหน พรรคประชาธิปัตย์รู้ดีอยู่แก่ใจ

นอกจากจะเอาใจคนอีสานและคนเหนือแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ยังต้อง ซื้อใจกลุ่มคนเสื้อแดง ให้ได้ ต้องการ เอาชนะใจ พรรคที่คัดค้านพรรคประชาธิปัตย์และสนับสนุน “ทักษิณ ชินวัตร” และ ต้องทำอะไรก็ได้ ที่ไม่เหมือนเก่าก่อน เป็น “ลุค” ใหม่ ของพรรค ประชาธิปัตย์โดยแท้

แนวคิดการเก็บ ภาษีที่ดิน และ ภาษี มรดก จึงผุดขึ้นมาในสมองของ “กรณ์” และ “อภิสิทธิ์” ในบัดดล

ไม่แคร์เหล่ามวลมหาเศรษฐีที่เป็น นักการเมืองทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นตระกูลดัง ๆ เช่น ศิลปอาชา โสภณพนิช ล่ำซำ บริพัตร เกี่ยวข้อง เทพบุตร พันธุ์วิชาติกุล เทียนทอง ภัทรประสิทธิ์ เทือกสุบรรณ หาญสวัสดิ์ อยู่บำรุง ตันเจริญ สุวรรณฉวี ชาญนุกูล นาคาศัย ขจรประศาสน์ นามบุตร เสนเนียม สาลีรัฐวิภาค หรือแม้แต่ จาติกวณิช และ เวชชาชีวะ เองก็ล้วนได้รับผลกระทบทั้งสิ้น

เซียนพนัน จึง ลงขันเล่นกัน ว่า แนวคิดนี้นั่นคือ เก็บภาษีมรดก และ ภาษีที่ดิน จะสำเร็จหรือไม่ ถ้าสำเร็จ ฝันของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะ เรียกคะแนนเสียง จาก “คนจน” จะเป็นจริงหรือไม่

และสำคัญที่สุด เหล่า “คนรวย” ทั้งหลายจะยัง เทคะแนน ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ เหมือนเดิม หรือไม่ เพราะแค่โพล่งออกมาขั้นต้น “คนรวย” ทั้งหลายก็เริ่มเกลียดพรรคประชาธิปัตย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“คนรวย” นั้น ถ้าเขาไม่ขี้เหนียว เขาไม่รวยหรอกครับ จริงไหมล่ะ จึงขอพูดอีกครั้งหนึ่ง ดัง ๆ มา ณ โอกาสนี้.

อนุภพ

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker