บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555

จักรภพ เพ็ญแขไว้อาลัยพิชัย วาศนาส่ง

ที่มา Thai E-News




แถลงการณ์ของ นายจักรภพ เพ็ญแข 
เรื่อง อาจารย์พิชัย วาศนาส่ง ถึงแก่กรรม
วันอาทิตย์ที่ ๘ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕
    เมื่อได้ทราบข่าวว่า อาจารย์พิชัย วาศนาส่ง ผู้มีพระคุณของผมถึงแก่กรรมลง ความรู้สึกตกใจและเศร้าใจยังมีไม่เท่าความรู้สึกสูญเสียอันใหญ่หลวง ทั้งต่อบ้านเมืองและส่วนตัว เพราะอาจารย์พิชัยเป็นผู้ที่บำเพ็ญตนอย่างสม่ำเสมอในการให้ความรู้ ความคิด และเตือนสติผู้คนในสังคมไทยมาตลอดไม่ว่าในยุคสมัยใด โดยผ่านสื่อทุกแขนงต่างๆ อย่างมือครูเท่านั้นจะทำได้ คุณูปการของอาจารย์พิชัยมีมากมายเกินกว่าจะเอ่ยอ้างในที่นี้ได้หมดสิ้น ถือเป็นหน้าที่ของศิษยานุศิษย์ที่จะได้สนองคุณอาจารย์ด้วยการเผยแพร่ต่อไปทั้งในโอกาสนี้และในภายภาคหน้า
    เด็กคนหนึ่งที่อาจารย์หยิบขึ้นมาอบรมสั่งสอนอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยและโดยไม่หวังผลประโยชน์ใดๆ ตอบแทนแม้เพียงน้อยนิด คือตัวผมเอง ผมจึงขอกราบเรียนอาจารย์ที่ผมทั้งรักและเคารพ ณ บัดนี้โดยหวังว่าให้ท่านได้รับรู้ผ่านญาณวิถีอย่างใดอย่างหนึ่งว่า ผมจะนำทุกสิ่งที่ได้รับจากท่านอาจารย์มารับใช้สังคมและมวลชนอย่างเต็มกำลังศรัทธา ถึงการประยุกต์ใช้ในทางการเมือง อาจต้องผ่านความขัดแย้งและมีอุปสรรคในเส้นทางบ้าง 
ผมขอยืนยันว่าผลสุดท้ายจะเป็นไปตามที่ท่านอาจารย์หวัง นั่นคือเมืองไทยที่เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ เป็นอารยะ และมวลชนมีอิสรภาพที่จะใช้ชีวิตตามใจปรารถนาโดยไม่เป็นที่เดือดร้อนต่อใคร ผมจะไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวังครับ
    ขอให้อาจารย์พักผ่อนให้สบายเถิด สุคติรอรับท่านอยู่แล้วแน่นอนไม่มีทางเป็นอื่น เพราะท่านเป็นผู้ปฏิบัติธรรมโดยไม่เคยมีวิจิกิจฉาใดๆ ตราบจนวาระสุดท้ายแห่งชีพชนม์.
                                กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยดวงใจของผม
                                
                                        เอก... จักรภพ เพ็ญแข
**********
เรื่องเกี่ยวเนื่อง:กูรูผู้ยิ่งใหญ่"พิชัย วาศนาส่ง" role model"จักรภพ เพ็ญแข"อย่าเป็นน้ำล้นถ้วย

เช้าวันที่ 8เม.ย.2555 คนไทยเราต้องสูญเสียกูรู และครูผู้ยิ่งใหญ่ ผู้รอบรู้ทั้งในด้านศาสตร์ และศิลป์ทั้งใน และต่างประเทศ อาจารย์"พิชัย วาศนาส่ง"อดีตสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ.2549 ในวัย 82 ปี ด้วยโรคชรา  


อาจารย์พิชัยเกิดเมื่อวันที่ 2 ก.ค.2472 เป็นบุตรคนโตของนายโปร่งและนางเจริญ วาศนาส่ง จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ โดยเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ และยังศึกษาตำราต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ตลอดเวลา

  
ส่งผลให้อาจารย์พิชัยไดัรับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัย ถึง  2 ครั้ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยา ลัยสาขานิเทศศาสตร์ พ.ศ.2545 ในวัย 73 ปี และมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช สาขาสื่อสารมวลชน พ.ศ. 2546 ในวัย 74 ปี
ในสมัยหนุ่ม ๆ หลังเรียนจบการศึกษาใหม่ ๆ ท่านได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งรัฐและเอกชน ให้ร่วมงานรับผิดชอบในตำแหน่งหน้าที่ต่างๆ อาทิ สถาปนิกการรถไฟแห่งประเทศไทย หัวหน้าฝ่ายศิลปกรรมไทยทีวีสีช่อง 4 (บางขุนพรหม) ฯลฯ นอกจากนี้ยังเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษารัฐมนตรีด้านการคลังและต่างประเทศหลายครั้ง 
โดยอาจารย์พิชัยถือว่าเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงจากการจัดรายการโทรทัศน์ วิเคราะห์ข่าวต่างประเทศ ปัจจุบัน ยังมีผลงานประจำ เขียนบทความให้กับนิตยสาร ต่วย′ตูน พลอยแกมเพชร และคอลัมน์ "ข้างครัว" ในนิตยสารสารคดี
และได้รับการเชิดชูเกียรติ รางวัลโทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 20 และรางวัลบุคลากรผู้ทรงคุณค่าในวงการกีฬา ของสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย  
ในช่วงชีวิตที่อยู่ในแวดวงสื่อสารมวชน การจัดรายการโทรทัศน์ อาจารย์พิชัยได้สร้าง และปลุกปั้นลูกศิษย์ขึ้นมาโด่งดังมากมายหลายคน เช่น รศ.ประทุมพร วัชรเสถียร ,นายจักรภพ เพ็ญแข และโอวาท พรหมรัตนพงศ์ ฯลฯ
โดยเฉพาะศิษย์อย่างนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตโฆษกรัฐบาลในยุคพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ซึ่งเคยโชติช่วงสุด ๆ ในแวดวงการเมืองไทย และล้มลุกคลุกคลานสุด ๆ  จนต้องลี้ภัยทางการเมืองจากประเทศไทยไปกว่า 3 ปี ได้เคยให้สัมภาษณ์ถึงอาจารย์พิชัยไว้หลายต่อหลายครั้งว่า
  
ก่อนที่จะมาทำงานกับอาจารย์พิชัย ตอนเรียนอยู่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี 2 อาจารย์ประทุมพร วัชรเสถียร ถือเป็นอาจารย์คนแรกที่เปิดประตูให้มาทำรายการวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศ สัปดาห์ละครึ่งชั่วโมง ที่วิทยุจุฬาฯ ทำแบบสมัครเล่นเรื่อยมา หลังจากนั้นขยายมาทำรายการสารคดีเกี่ยวกับประเทศต่าง ๆ สั้น ๆ ชื่อรายการ "โลกของเรา" ที่ช่อง 11 เมื่อเรียนปี 4 ทางสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา(กศน.) ทาบทามให้เป็นวิทยากร และผู้ดำเนินรายการเด็ก คือ "รายการเสาร์สโมสร"
"ช่วงนั้นอาจารย์พิชัยส่งคนมาทาบทาม บอกว่าฟังวิเคราะห์ของเราในรายการของวิทยุจุฬาฯแล้วสนใจเด็กคนนี้ ให้มาคุยหน่อย อาจารย์ประทุมพรถือเป็นผู้มีพระคุณในการเปิดโอกาส อาจารย์พิชัยเป็นผู้มีพระคุณในการทำให้รู้ว่า คนเราต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต อาจารย์พิชัยลบภาพมายาให้ผมมาก ท่านบอกว่าการเรียนไม่ต้องเรียนถึงขั้นปริญญาโท ปริญญาเอก แล้วติดยึด อยู่ตรงนั้นว่า ฉันจบปริญญาเอกแล้วฉันเก่งที่สุด ไม่ต้องหาความรู้เพิ่ม ต้องเหนือทุกคน ถ้าคิดแบบนั้นจะเป็นการฆ่าตัวเอง 
อาจารย์พิชัย กลับพิสูจน์ว่า ปริญญาตรีของอาจารย์พิชัยใบเดียว แล้วอ่านหนังสือไม่หยุด เดินทางไม่หยุด พูดคุยกับคนไม่หยุด ทำให้อาจารย์กลายเป็นคนที่มีความเด่นด้านการเรียนรู้ จักรภพบอกว่า สิ่งสำคัญที่ได้จากอาจารย์พิชัย คือ อย่าเชื่อว่าตัวเองมีความรู้  เชื่อเมื่อไหร่จบ เป็นการปิดทางตัวเอง เพื่อที่จะไม่หาความรู้ต่อ 
อาจารย์บอกว่า พอคนเป็น"น้ำล้นแก้ว" หนังสือก็ไม่อยากอ่าน ฟังใครคุยก็หมั่นไส้เขา ดูรายการอะไรต่าง ๆ ก็นึกในมุมอื่นหมด ไม่เป็นมุมในการรับแล้ว คือ มีทัศนคติต่อต้านเสียแล้ว เพราะน้ำมันล้นแก้ว ทำให้ผมรู้ว่า ชีวิตแปลว่า "การพัฒนาตัวเองอย่างไม่สิ้นสุด" 
นั่นเป็นหนึ่งในบทสัมภาษณ์ที่สะท้อนภาพของความเป็น"ครู"ของอาจารย์พิชัยได้ อย่างชัดเจน ในวาระอาจารย์พิชัยครบรอบ 80 ปี ท่านได้เปิดตัวหนังสือเกี่ยวกับประวัติชีวิตของท่าน ชื่อ "ข้างครู" ซึ่งเขียนโดยคุณปวีณา สิงห์บูรณา หลานสาวของท่านเป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวของลุงพิชัยไล่เรียงตั้งแต่ พิชัยวัยเยาว์, เรื่องในบ้าน, ชีวิตการเมือง,  สถาปนิก นักคิด นักสร้าง, แวดวงธุรกิจ, เพลงเพลินใจกับ Classic Pichai, นกน้อยในไร่ส้ม, ครูคือเรือจ้าง, กูร์เม (Gourmet) และสุดท้าย จาก "ข้างครู" สู่ "ข้างคุณลุง"
  
ซึ่งอาจารย์พิชัย เองได้กล่าวประโยคหนึ่งในหนังสือข้างครูกับบทครูคือเรือจ้าง เมื่อถูกถามว่าอายุแปดสิบมีตำแหน่งหน้าที่การงานมากมาย แต่จริงๆ แล้วชอบอะไรและอาชีพใดมากที่สุด อาจารย์พิชัยตอบว่า "ชอบเป็นครู เพราะชอบความรู้ ชอบเรียนรู้ ชอบถ่ายทอด และถ้าถ่ายทอดให้เข้าใจ คนเราก็จะไม่มีอะไรติดข้างอยู่ในหัวให้ต้องคิดค้นหาอีก" คือความในใจที่อาจารย์พิชัยบอกแก่ผู้ถ่ายทอดเรื่องราว 
"ทุกวันนี้เวลาหัวค่ำทุ่มสองทุ่มผมจะนอนแล้ว ตีหนึ่งผมจะตื่นขึ้นมาดูข่าวจากทั่วโลกโดยสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม มีหลายสถานีที่ผมหาความรู้ได้ ตอนเช้าผมก็จะรู้ ก็เหมือนกับสมัยพระพุทธองค์ประทับอยู่ตอนดึกก็ลุกขึ้นมามองดูโลก คิดอยู่ตลอดเวลา พอตอนเช้าก็นึกออกว่าจะเอาอะไรไปเทศน์เอาอะไรไปพูด ต้องมองโลกให้กว้าง"นั่นเป็นสิ่งที่อาจารย์พิชัยปฏิบัติเป็นกิจวัตรเสมอมา 
  
ขณะเดียวกันอาจารย์พิชัยได้เคยให้สัมภาษณ์กับ"คมชัดลึก"ถึงความห่วงใยที่มี ต่อประเทศชาติในยามนี้ว่า  "ประชาชนต้องไม่หูเบา ต้องดูมรรค 8 ให้เป็นฐาน ถ้าหากไม่ใช้มรรคตัดสินก็ไม่รู้ว่าใครมีมิจฉาทิฐิ หรือสัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปปะ หรือมิจฉาสังกัปปะ สัมมาอาชีวะ หรือมิจฉาอาชีวะ ก็มีคู่กัน คนจบปริญญาเอกมีอยู่ทั่วบ้านทั่วเมือง 
ทำไมบ้านเมืองถึงยุ่ง เพราะสัมมาทิฐิกับสัมมาสังกัปปะไม่มี เอาวิชามาเป็นเครื่องในการหากินเอาเปรียบคนอื่นเขาสังคมเดี๋ยวนี้ไม่ได้ดู ว่าใครดีใครชั่ว แต่เชื่อการชักจูงจากคนที่เขามาพูดให้เราฟังว่าคนนั้นดีอย่างนี้ คนนี้ดีอย่างนั้น ใครพูดที่มีลอจิกดีก็เชื่อว่าเป็นไปตามที่เขาบอก มันจะแดงเหลืองหรืออะไรก็ไม่รู้ วันนี้ผมใส่เหลือง แต่ผมไม่ไปยุ่งกับอะไรทั้งนั้น แต่ผมยุ่งกับสัจธรรมเท่านั้นเอง"
ในวันนี้แม้สังขารของอาจารย์พิชัยจะลาจากโลกนี้ไป ความรู้ คำสั่งสอน และสิ่งดีงามมากมาย ซึ่งท่านถ่ายทอดให้แก่รุ่นลูกหลานไว้ แม้จะมีทั้งลูกศิษย์ที่ได้นำสิ่งดีงามเหล่านั้นไปใช้ และมีทั้งลูกศิษย์ที่ไม่นำสิ่งเหล่านั้นไปใช้  แต่"ความดี"ย่อมไม่มีวันตาย และจะไม่มีวันเลือนหายไปจากความทรงจำของเราทุกคนแน่นอน......

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker