ดูจากลักษณะของบั้งไฟพญานาคในคลิปนี้แล้วคิดว่าใกล้เคียงกับการยิงกระสุนส่องวิถีมาก
คลิปบันทึกภาพบั้งไฟพญานาคจากทางฝั่งไทย
ภาพแบบขยาย ดูเส้นสีส้มจากๆที่ลากขึ้นจากซ้ายล่างแทยงขึ้นขวาบน
ที่มา ห้องหว้ากอ เว็บพันทิป
ปริศนาบั้งไฟพญานาคอาจจะคลี่คลายลงแล้ว เมื่อชาวลาวที่บุกไปพิสูจน์ต้นตอพบว่า เกิดจากการยิงปืนขึ้นฟ้าในวันออกพรรษาของชาวลาว ไม่ใช่ปาฏิหาริย์อิทธิฤทธิ์ดังที่่เข้่าใจกันมานานแต่อย่างใด
จากเฟซบุ้ค https://www.facebook.com/photo.php?fbid=4209659277649&set=a.1315679849972.2041152.1169970930&type=1
แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า
"#พิสูจน์บั้งไฟพญานาค
วันนี้พวกเราพากันไปพิสูจน์บั้งไฟพญานาคมา สถานที่ก็อยู่ฝั่งลาวเรานี่แหละ แต่ไม่ขอระบุสถานที่นะ เอาเป็นว่า อยู่ฝั่งเรา
ก็ ไปกันตั้งแต่บ่าย ๒-๓ โมง เพื่อจะได้ไม่ต้องแย่งที่ใคร เพราะกลัวคนเยอะ ไปถึงแล้วก็ปรากฎว่าไม่ค่อยมีคน มีแต่ชาวบ้าน ก็เลยได้เลือกสถานที่ตามใจ แล้วก็นั่งรอจนถึงค่ำ
ฝั่ง ลาวเราไม่มีอะไรมาก เป็นงี้แหละ แต่ฝั่งไทยคนเยอะ เยอะพิลึกพิโล เยอะเอาจริงเอาจัง เขาก็ไปนั่งรอ นั่งจองสถานที่กันตั้งแต่กลางวันจนถึงค่ำ
ตก ค่ำมาก็นั่งรอจนเดือนโผล่ดินขึ้นฟ้า พวกเราก็นั่งดู นั่งสังเกตไปเรื่อยๆ จนถึงเวลาหนึ่ง ได้ยินเสียงเฮ จากฝั่งไทย แล้วก็เสียง โฮ ดังต่อมา เพราะว่าเขาเห็นบั้งไฟพญานาคปรากฎขึ้น พวกเราก็มองหาดู แต่ก็ไม่เห็น แล้วก็เงียบไปอีกระยะหนึ่ง จากนั้นฝั่งไทยก็พากันร้องเฮโฮกันอีก เป็นแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง
ในขณะที่ทีมพวกเรากำลังสิ้นหวัง คิดว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นบั้งไฟศักดิสิทธิ์ (!?) แล้วก็ปรากฎว่ามีเสียงโฮดังขึ้นอีกจากฝั่งไทย!!! แล้ว ในวินาทีนั้นเอง เป็นวินาที่แรกที่ข้าพเจ้าได้เห็นบั้งไฟพญานาคลอยพ้นบริเวณขึ้นฟ้า!! สีของมันเป็นสีชมพูเข้ม อาจเข้าขั้นสีแดงเลยก็เป็นได้ มันเคลื่อนที่ไม่ไวนัก และไม่ช้านัก มันลอยขึ้นฟ้าแล้วก็ดับไป
นั่น เป็นวินาทีที่ตื่นเต้นมากสำหรับคณะของพวกเรา ซึ่งบางคนก็เห็น บางคนก็ไม่เห็น แต่สำหรับข้าพเจ้าที่เห็นนั้น แปลกใจมาก เพราะมันเป็นอย่างที่เขาเล่ากันมา
หลัง จากบั้งไฟลูกนั้นแล้ว พวกเราก็นั่งตั้งหน้าตั้งตารอคอยต่อไป และพยายามดูไปที่ผิวน้ำแต่ก็ไม่ปรากฎเห็น ได้ยินแต่เสียงโฮ่จากฝั่งไทย ไม่รู้เขาร้องโฮ่อะไร เห็นมีแต่พากันยิงพลุไฟ แล้วก็จุดประทัด และอันที่ปวดหัวที่สุดนั่นคือมีการลอยโคมไฟขึ้นฟ้า ทำให้สับสนว่าอันไหนเป็นบั้งไฟ อันไหนเป็นโคมไฟกันจริงๆ!!
หลัง จากผ่านไปร่วมชั่วโมง พวกเราก็เห็นบั้งไฟพญานาคปรากฎขึ้นอีก แต่ครั้งนี้กลับอยู่เลียบแม่น้ำทางขวามือ ซึ่งข้าพเจ้าก็มีโอกาสได้เห็นอีกครั้ง!!
นั่งดูไปพอสมควร ปรากฎว่า เราก็ได้ยินเสียงปืนยิงดังขึ้นจากทางซ้ายมือ พอเหลียวไปเท่านั้นแหละเห็นบั้งไฟพญานาคลอยขึ้นฟ้า!!! แล้วก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีก แต่ไม่เห็นบั้งไฟขึ้น ส่วนฝั่งไทยนั้นหรือ? ก็โฮนั่นแหละครับพี่น้อง!!
พวก เรานั่งสังเกตอยู่พอสมควร จึงรู้กันว่า บั้งไฟพญานาคมันชอบจะขึ้นอยู่ทางเลียบแม่น้ำฟากขวามือ ก็เลยพากันไปดู มันเป็นต้นโพธิ์ หรือต้นไทร หรือต้นอะไรซักอย่าง ขนาดใหญ่ ปกคลุมทั่วบริเวณนั้น ลองสอบถามเด็กชาวบ้านก็บอกว่าเป็นเขตที่ผู้ใหญ่ไม่ให้เข้า เพราะมันอันตราย โดยเฉพาะในยามกลางคืน บางคนก็ว่าเป็นเขตดินของวัด บางคนก็ว่ามีศาลเจ้า หรือศาลอะไรต่างๆ อยู่ในนั้น ซึ่งขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้นสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น!!!
มี ลูกไฟลอยขึ้นมาจากในป่าแห่งนั้นที่พวกเรากำลังดูอยู่!! มันเป็นลูกไฟสีแดงลอยขึ้นมา ความไวมันเป็นแบบลูกไฟที่พวกเราเห็น และเข้าใจว่าเป็น "บั้งไฟพญานาค" ในตอนแรกนั่นเอง
เด็ก น้อยแถวนั้นบอกว่า อยู่นี้เห็นตลอด บางคนเห็นถึง ๑๗ ลูกแล้ว พวกเราจึงตั้งหลักกันสังเกตการณ์อยู่นั้น ซึ่งก็สังเกตเห็นคนอยู่ในป่านั้น (ซึ่งป่านั้นเป็นแหล่งที่มีน้ำล้อมรอบ ไม่สามารถข้ามไปได้หากไม่มีเรือ) เขาก็เดินไปเดินมา แล้วก็เหลียวมาดูคณะของพวกเรา จากนั้นก็หายไปในป่า แล้วก็ออกมาอีก เป็นแบบนี้อยู่สองสามรอบ จากนั้นก็มีลูกไฟปรากฎออกมาจากในป่าอีก และแน่นอน... ฝั่งไทยก็ร้องโฮขึ้น...
หลัง จากนั้น หนึ่งในทีมงานที่ไปกับคณะของพวกเราเดินมาหา แต่ระหว่างทางปรากฎว่าพบกับใครก็ไม่รู้จัก เดินสวนทางมาแล้วบอกว่า "ระวังตัวให้ดี" แล้วก็เดินผ่านไป
พวก เรารู้แบบนั้นก็ไม่สบายใจ คิดว่าน่าจะมีอะไรแล้วล่ะ แต่ก็ยังอดรออยู่ต่อไป ซึ่งก็ไม่เห็นอะไรอีกเลย ฝั่งไทยก็เลิกโฮ ฝั่งลาวก็เงียบ เราก็งง จากนั้นก็เห็นคนพายเรือไปยังที่ป่านั้น แล้วก็มีคนในป่าเดินไปหาเรือแล้วก็หายไป
ยืนรออยู่นานพอสมควร แล้วก็คุยกันไปเรื่อยๆ ขณะที่กำลังคุยกันนั้นเอง เสียง ปืนก็ดังขึ้นจำนวน ๑๐ ลูกติดต่อกัน พวกข้าพเจ้าเห็นลูกไฟสีแดงที่เรียกและเชื่อกันว่ามันคือ "บั้งไฟพญานาค" ลอยมาจากทางหลังของพวกเรา และเสียงนั้นก็เช่นกัน มันดังมาจากหลังของพวกเรา!!! มีคนยิงปืนอยู่งทางหลังเรานี้เอง พอได้สติแล้ว ข้าพเจ้าก็เรียกให้สหายที่ไปด้วยกันรีบออกจากที่นั้นทันที เพราะไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เมื่อคนที่ยิงบั้งไฟพญานาคนั้น อยู่ใกล้ขนาดนี้ ซึ่งก็แน่นอน สิ้นเสียงปืนลูกที่ ๑๐ แล้ว เสียงโฮจากฝั่งไทยก็ดังขึ้นตามมา
ถ้าเปรียบเป็นการแสดง นี้คงเป็นการแสดงที่เรียกได้ว่า The Best Performance!"
แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า
"#พิสูจน์บั้งไฟพญานาค
วันนี้พวกเราพากันไปพิสูจน์บั้งไฟพญานาคมา สถานที่ก็อยู่ฝั่งลาวเรานี่แหละ แต่ไม่ขอระบุสถานที่นะ เอาเป็นว่า อยู่ฝั่งเรา
ก็ ไปกันตั้งแต่บ่าย ๒-๓ โมง เพื่อจะได้ไม่ต้องแย่งที่ใคร เพราะกลัวคนเยอะ ไปถึงแล้วก็ปรากฎว่าไม่ค่อยมีคน มีแต่ชาวบ้าน ก็เลยได้เลือกสถานที่ตามใจ แล้วก็นั่งรอจนถึงค่ำ
ฝั่ง ลาวเราไม่มีอะไรมาก เป็นงี้แหละ แต่ฝั่งไทยคนเยอะ เยอะพิลึกพิโล เยอะเอาจริงเอาจัง เขาก็ไปนั่งรอ นั่งจองสถานที่กันตั้งแต่กลางวันจนถึงค่ำ
ตก ค่ำมาก็นั่งรอจนเดือนโผล่ดินขึ้นฟ้า พวกเราก็นั่งดู นั่งสังเกตไปเรื่อยๆ จนถึงเวลาหนึ่ง ได้ยินเสียงเฮ จากฝั่งไทย แล้วก็เสียง โฮ ดังต่อมา เพราะว่าเขาเห็นบั้งไฟพญานาคปรากฎขึ้น พวกเราก็มองหาดู แต่ก็ไม่เห็น แล้วก็เงียบไปอีกระยะหนึ่ง จากนั้นฝั่งไทยก็พากันร้องเฮโฮกันอีก เป็นแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง
ในขณะที่ทีมพวกเรากำลังสิ้นหวัง คิดว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นบั้งไฟศักดิสิทธิ์ (!?) แล้วก็ปรากฎว่ามีเสียงโฮดังขึ้นอีกจากฝั่งไทย!!! แล้ว ในวินาทีนั้นเอง เป็นวินาที่แรกที่ข้าพเจ้าได้เห็นบั้งไฟพญานาคลอยพ้นบริเวณขึ้นฟ้า!! สีของมันเป็นสีชมพูเข้ม อาจเข้าขั้นสีแดงเลยก็เป็นได้ มันเคลื่อนที่ไม่ไวนัก และไม่ช้านัก มันลอยขึ้นฟ้าแล้วก็ดับไป
นั่น เป็นวินาทีที่ตื่นเต้นมากสำหรับคณะของพวกเรา ซึ่งบางคนก็เห็น บางคนก็ไม่เห็น แต่สำหรับข้าพเจ้าที่เห็นนั้น แปลกใจมาก เพราะมันเป็นอย่างที่เขาเล่ากันมา
หลัง จากบั้งไฟลูกนั้นแล้ว พวกเราก็นั่งตั้งหน้าตั้งตารอคอยต่อไป และพยายามดูไปที่ผิวน้ำแต่ก็ไม่ปรากฎเห็น ได้ยินแต่เสียงโฮ่จากฝั่งไทย ไม่รู้เขาร้องโฮ่อะไร เห็นมีแต่พากันยิงพลุไฟ แล้วก็จุดประทัด และอันที่ปวดหัวที่สุดนั่นคือมีการลอยโคมไฟขึ้นฟ้า ทำให้สับสนว่าอันไหนเป็นบั้งไฟ อันไหนเป็นโคมไฟกันจริงๆ!!
หลัง จากผ่านไปร่วมชั่วโมง พวกเราก็เห็นบั้งไฟพญานาคปรากฎขึ้นอีก แต่ครั้งนี้กลับอยู่เลียบแม่น้ำทางขวามือ ซึ่งข้าพเจ้าก็มีโอกาสได้เห็นอีกครั้ง!!
นั่งดูไปพอสมควร ปรากฎว่า เราก็ได้ยินเสียงปืนยิงดังขึ้นจากทางซ้ายมือ พอเหลียวไปเท่านั้นแหละเห็นบั้งไฟพญานาคลอยขึ้นฟ้า!!! แล้วก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีก แต่ไม่เห็นบั้งไฟขึ้น ส่วนฝั่งไทยนั้นหรือ? ก็โฮนั่นแหละครับพี่น้อง!!
พวก เรานั่งสังเกตอยู่พอสมควร จึงรู้กันว่า บั้งไฟพญานาคมันชอบจะขึ้นอยู่ทางเลียบแม่น้ำฟากขวามือ ก็เลยพากันไปดู มันเป็นต้นโพธิ์ หรือต้นไทร หรือต้นอะไรซักอย่าง ขนาดใหญ่ ปกคลุมทั่วบริเวณนั้น ลองสอบถามเด็กชาวบ้านก็บอกว่าเป็นเขตที่ผู้ใหญ่ไม่ให้เข้า เพราะมันอันตราย โดยเฉพาะในยามกลางคืน บางคนก็ว่าเป็นเขตดินของวัด บางคนก็ว่ามีศาลเจ้า หรือศาลอะไรต่างๆ อยู่ในนั้น ซึ่งขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้นสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น!!!
มี ลูกไฟลอยขึ้นมาจากในป่าแห่งนั้นที่พวกเรากำลังดูอยู่!! มันเป็นลูกไฟสีแดงลอยขึ้นมา ความไวมันเป็นแบบลูกไฟที่พวกเราเห็น และเข้าใจว่าเป็น "บั้งไฟพญานาค" ในตอนแรกนั่นเอง
เด็ก น้อยแถวนั้นบอกว่า อยู่นี้เห็นตลอด บางคนเห็นถึง ๑๗ ลูกแล้ว พวกเราจึงตั้งหลักกันสังเกตการณ์อยู่นั้น ซึ่งก็สังเกตเห็นคนอยู่ในป่านั้น (ซึ่งป่านั้นเป็นแหล่งที่มีน้ำล้อมรอบ ไม่สามารถข้ามไปได้หากไม่มีเรือ) เขาก็เดินไปเดินมา แล้วก็เหลียวมาดูคณะของพวกเรา จากนั้นก็หายไปในป่า แล้วก็ออกมาอีก เป็นแบบนี้อยู่สองสามรอบ จากนั้นก็มีลูกไฟปรากฎออกมาจากในป่าอีก และแน่นอน... ฝั่งไทยก็ร้องโฮขึ้น...
หลัง จากนั้น หนึ่งในทีมงานที่ไปกับคณะของพวกเราเดินมาหา แต่ระหว่างทางปรากฎว่าพบกับใครก็ไม่รู้จัก เดินสวนทางมาแล้วบอกว่า "ระวังตัวให้ดี" แล้วก็เดินผ่านไป
พวก เรารู้แบบนั้นก็ไม่สบายใจ คิดว่าน่าจะมีอะไรแล้วล่ะ แต่ก็ยังอดรออยู่ต่อไป ซึ่งก็ไม่เห็นอะไรอีกเลย ฝั่งไทยก็เลิกโฮ ฝั่งลาวก็เงียบ เราก็งง จากนั้นก็เห็นคนพายเรือไปยังที่ป่านั้น แล้วก็มีคนในป่าเดินไปหาเรือแล้วก็หายไป
ยืนรออยู่นานพอสมควร แล้วก็คุยกันไปเรื่อยๆ ขณะที่กำลังคุยกันนั้นเอง เสียง ปืนก็ดังขึ้นจำนวน ๑๐ ลูกติดต่อกัน พวกข้าพเจ้าเห็นลูกไฟสีแดงที่เรียกและเชื่อกันว่ามันคือ "บั้งไฟพญานาค" ลอยมาจากทางหลังของพวกเรา และเสียงนั้นก็เช่นกัน มันดังมาจากหลังของพวกเรา!!! มีคนยิงปืนอยู่งทางหลังเรานี้เอง พอได้สติแล้ว ข้าพเจ้าก็เรียกให้สหายที่ไปด้วยกันรีบออกจากที่นั้นทันที เพราะไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เมื่อคนที่ยิงบั้งไฟพญานาคนั้น อยู่ใกล้ขนาดนี้ ซึ่งก็แน่นอน สิ้นเสียงปืนลูกที่ ๑๐ แล้ว เสียงโฮจากฝั่งไทยก็ดังขึ้นตามมา
ถ้าเปรียบเป็นการแสดง นี้คงเป็นการแสดงที่เรียกได้ว่า The Best Performance!"
เ้รื่องนี้น่าจะตรงกับITVนำเสนอมาแล้วครั้งหนึ่งว่า ที่แท้บั้งไฟพญานาคคือการยิงกระสุนส่องแสงขึ้นฟ้า...แต่บรรดาชาวไทยที่มุ่ง ไปที่"ความเชื่อถือศรัทธา"มากกว่าพิสูจน์ข้อเท็จจริงก็ยังถกแถลงกันต่อไป ว่า"...ไม่เชื่ออย่าลบหลู่"...