วาทตะวัน สุพรรณเภษัช
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเพื่อนสนิทและคนรู้จักสามสี่รายมาถามผมว่า
“จะมีปฏิวัติ หรือเปล่า?”
มันน่าแปลกตรงที่ มีข่าว “ปฏิวัติ” แพร่ออกมา ทั้งๆที่สถานการณ์น้ำท่วมหมดไปแล้ว และรัฐบาลกำลังเร่งซ่อมแซมประเทศ เรียกความสดใส ให้กลับคืนมาสู่บ้านเมืองของเรา
การดำเนินการของรัฐบาลนายกฯปู ก้าวหน้าจนสื่อเขารายงานน่าชื่นใจ ว่า
นักลงทุนในเขตอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ต้องเสียหายเพราะเหตุ
อุทกภัย เกิดความ ‘มั่นใจ’ ขึ้นมาทันที เพราะแทนที่พวกเขาจะต้องลงทุน ไปกู้เงินดอกเบี้ยต่ำจากธนาคารออมสิน มาสร้างเขื่อนยาวรวมกันนับร้อยๆกิโลเมตร ทุกแนวเขตอุตสาหกรรม เพื่อปกป้องทรัพย์สินของตัวเอง ด้วยเกรงว่า
อุทกภัยจะ ซ้ำรอยเดิม!
การกู้เงินจากธนาคารของพวกนักอุตสาหกรรม คงจะไม่ทันการ แต่รัฐบาลนายกฯปู กลับแสดงความใจกว้าง ลงทุนสร้างให้เอง ซึ่งจะแล้วเสร็จเรียงกันมา ตั้งแต่กรกฏา สิงหา ไปถึงกันยายนเดือนสุดท้ายโน่น ถึงน้ำจะมาก็ไม่กลัว เพราะพอรับมือกันไหว
นี่เป็นการตัดสินใจ แก้ไขสถานการณ์ฉับพลันทันที แบบนักบริหารที่มี...ประสบการณ์!
ตอนนี้มีรายงานว่า โรงงงานอุตสาหกรรมที่ประสพภัยน้ำท่วมเปิดดำเนินการเต็มกำลังแล้ว ราว 30% นอกนั้นยังดำเนินการได้ไม่เต็มร้อย แต่กำลังเพิ่มเติมส่วนที่ขาดให้เต็มอัตราการผลิตเดิม
ส่วนโรงงานที่ยังไม่ได้ซ่อมแซม เพราะอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทประกันภัย คาดว่าจะเรียบร้อยไม่นาน ก็จะเปิดดำเนินการได้ แต่ที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่ง และผู้คนต่างคาดกันผิดหมด นั่นก็คือ
โรงงานที่ย้ายฐานการผลิต มีเพียง 1 แห่งเท่านั้น!
นี่คงทำความผิดหวัง ให้ไอ้พวกสื่อตรงข้ามรัฐบาล ที่ชอบออกข่าวเขย่าขวัญ สร้างความกังวลให้กับชาวบ้านตลอดมา ว่า...
นักลงทุนจะย้ายหนี ไปต่างประเทศ!
ที่น่ายินดีอีกเรื่องหนึ่งคือ ตอนนี้ตลาดหุ้นไทยได้รับอานิสงส์ จากการที่ต่างชาติเขามีความเชื่อมั่น ในรัฐบาลของนายกฯปู เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ถึง 800 ล้านดอลลาร์ เป็นอันดับสองในภูมิภาค รองจากสิงคโปร์เท่านั้น
เห็นกันหรือยังล่ะ!?
ที่โดดเด่นมากคือ รัฐบาลของนายกฯปูนี้ คือความสามารถในการคลี่คลายสถานการณ์ ความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านที่รั้งติดกัน ซึ่งรัฐบาลชุดเก่าได้สร้าง และทิ้งปัญหาเอาไว้ จนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา
ชายแดนด้านเขมร ได้มีการถอนทหารเรียบร้อย ส่วนเรื่องที่ยังค้างคา ก็เจรจากันไป
สำหรับชายแดนทางด้านพม่า ด่านสำคัญอย่าง ‘แม่สอด’ ที่ ปิดมา 2 ปี ในยุครัฐบาลกาลีนั้น แค่นายกฯปูเข้ารับตำแหน่ง แค่สามเดือนเท่านั้น ด่านเปิดเรียบร้อยแล้ว คนไทยชายแดนหน้าตามีเลือดฝาด แจ่มใสไปตามๆกัน
การค้าขายระหว่างกันที่ด่านสำคัญนี้ น.ส.พ. “ไทยรัฐ” ประมาณการว่าไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี นอกจากนั้น ยังมีการพิจารณาระหว่างสองประเทศ ถึงการเปิดด่านตามช่องทางอื่นๆอีกด้วย
ชาวบ้านร้านตลาดตามแนวชายแดน พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ช่างแตกต่างจากตอนไอ้พรรคกาลี มันบริหารบ้านเมืองยิ่งนัก เพราะไอ้รัฐบาลเวรตะไลนั่น มันทำให้บ้านเมืองของเรา
ต้องตกที่นั่งร้อนระอุ มิได้สร่างซาเลยทีเดียว!
นี่เป็นผลงานชัดเจน ของรัฐบาลนายกปู แต่ก็น่าแปลกที่ผลงานดีมากๆทางด้านต่างประเทศ แต่รัฐบาลของนายกฯปู...
กลับเผยแพร่ความสำเร็จนี้ น้อยเหลือเกิน!
พี่น้องประชาชนคนไทย ไม่ค่อยทราบกัน กลับไปจำความหวาดกลัวนโยบายอัปรีย์ของรัฐบาลพรรคกาลีได้ เพราะเป็นที่รู้กันไปทั่วว่า ไอ้รัฐบาลโลซกนั้น มันเอาแต่...
“ทะเลาะกับเขมร เขม่นพม่า ด่าญวน กวนส้นตีนลาว”
รัฐบาลของนายกฯปู สามารถทำให้ชายแดนของประเทศ ที่รุ่มร้อนมานานหลายปี กลับสู่ความสงบสุขได้ ภายในระยะเวลาแสนสั้น
ผู้คนอนุโมทนา!
เมื่อทำสิ่งดีๆอย่างนั้นแล้ว รัฐบาลเองต้องรู้จักคัดเอาผลงานดีๆ ไปป่าวประกาศให้ผู้คนเขารู้กันให้ทั่ว แต่นี่กลับนิ่งเงียบ ปล่อยให้ไอ้พวกกาลี มันตีกินเอาข้างเดียว
แค่ให้นายกฯปู ไปเดินตลาดแม่สอด คุยกับพ่อค้าแม่ขาย ไต่ถามสารทุกข์สุขดิบ เท่านี้สื่อก็ตีข่าวกันกระฉ่อนแล้ว
แนะนำกันไว้...แค่นี้แหละ!!
ข่าวปฏิวัติ แพร่ออกมา ตั้งแต่มีผู้นำค่ายโพกผ้าเหลือง ออกมายุยงให้ทหารปฏิวัติ ซึ่งชาวบ้านเขาไม่สนใจ เพราะอยู่คนละข้างกับรัฐบาล พูดไปก็ไลฟ์บอย แต่ดันมีทหารยศพลเอก ที่เกษียณอายุไปแล้ว ดันทะลึ่งไปพูดยุให้ทหารปฏิวัติอีก
เลยเป็นประเด็น!
นายทหารคนที่ว่า คือ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ เมื่อครั้งเป็นนายทหารหนุ่ม ดำรงตำแหน่งผบ.พัน ทหารราบ พล.ร 9 อยู่ที่เคยพยายามก่อการปฏิวัติ เมื่อ 26 มีนาคม 2520 โดยมี พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ อดีตรองผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้นำ
การปฏิวัติครั้งนั้นล้มเหลว...กลายเป็น ‘กบฏ’ ไป!
พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ ถูกประหารชีวิต ด้วยการยิงเป้า นายทหารและพลเรือน ที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดที่เหลือ ถูกจำคุกทั้งหมด
พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ ที่วันนี้ออกมาเรียกร้องให้มีการปฏิวัติ ในวันนั้นโดนใส่กุญแจมือไพล่หลัง ถูกส่งตัวไปเข้าเรือนจำ
สีหน้า...ซีดเผือด!
สามสิบห้าปีจากการก่อกบฏครั้งแรก บัดนี้ พล.อ.บุญเลิศฯ กลายเป็นทหารชรา แต่ความคิดอุบาทว์ดักดานถึงการปฏิวัติรัฐประหารของแก กลับไม่เปลี่ยนแปลง ยังคิดว่าทหารเท่านั้น ที่แก้ปัญหาบ้านเมืองได้ จนถูกแจ้งความกล่าวหา ว่า
ยุยงให้ทหาร...ทำปฏิวัติ!
พล.อ.บุญเลิศฯ ทำให้ผมคิดถึง ‘ตั๊กแตน’ ในแอฟริกาใต้ ตามภาพ ที่นักดึกดำบรรพ์วิทยา เพิ่งยืนยันไม่กี่วันมานี้เอง ว่า
‘ตั๊กแตน’ พันธ์นี้ เกิดมาในโลกก่อนไดโนเสาร์ ซึ่งบัดนี้สูญพันธ์ไปนานแล้ว แต่...
ไอ้สัตว์พันธ์นี้ ยังอยู่ และเป็น Earth's oldest animal ด้วย!
ความคิดเรื่องการปฏิวัติ ของอดีตกบฏอย่างบุญเลิศฯ มันช่างสูญพันธ์ยากเย็น เหมือน ‘ตั๊กแตน’ จริงๆ
ผมไม่รู้ว่าตาเฒ่าบุญเลิศฯ อดีตทหารกบฏ แกอยากให้ทหารรุ่นหลังๆ ถูกส่งเข้าเรือนจำเหมือนตัวเอง หรืออย่างไรกัน?
ไม่อยากสอนคนแก่ ที่ใกล้จะเข้าโลงแล้ว แต่ต้องส่งเสียงเตือนกันเบาๆ เพราะไม่อยากให้คนเขานินทาแก ว่า
“ไอ้กบฏเฒ่าคนนี้...มันคงเพี้ยนไปแล้ว!”
ผมเองเงี่ยหูฟังข่าวปฏิวัติมาตลอด เลยต้องทั้งฟังและอ่านจากสื่อตรงข้ามรัฐบาล ซึ่งตอนนี้สะดวก เพราะมีการแบ่งค่ายกันอย่างชัดเจน
ใครเป็นพวกใคร อยากดูทีวี ฟังวิทยุค่ายไหน อ่านหนังสือพิมพ์อะไร สะดวกมาก
ได้ยิน นายคำนูญ สิทธิสมาน ส.ว.ลากตั้ง พูดผ่านสื่อ ASTV เมื่อวันเสาร์ต้นเดือนนี้ ว่า
พรรคประชาธิปัตย์เองนั้น จะมาบอกว่า รัฐบาลควบคุมสื่อไม่ได้ เพราะขณะนี้ มีสื่อฟรีทีวีอย่างน้อยสามช่อง ที่สนับสนุนพรรคโลซกตกกระป๋องนี้อยู่
นายคำนูญฯบอกว่า
“ไม่อยากบอกว่าช่องไหนบ้าง เพราะเพื่อนฝูงกันทั้งนั้น”
นายคำนูญฯคงไม่ต้องบอก เพราะคนที่ติดตามการเมือง ก็พอรู้ว่าช่องไหน หรือวิทยุคลื่นไหน แม้แต่ผู้ดำเนินรายการ หรือโฆษก-โฆษกีตัวไหน ที่ยังสนับสนุนพรรคดักดานอยู่
สมัยนี้ผู้คนเขาโง่ที่ไหนล่ะ แค่พูดออกมานิดเดียว หรือแม้แต่จะพยายามทำ ‘เนียน’ แล้วก็ตาม เขาก็ยังจับได้ว่า
“ตัวเองน่ะ เลือกอยู่ข้างไหน!?”
คนไทยเดี๋ยวนี้...ฉลาดจะตาย!
ตัวผมพยายามอ่าน และตรวจสื่อตรงข้ามรัฐบาล ว่า จะมีบทวิเคราะห์เกี่ยวกับการปฏิวัติรัฐประหารหรือไม่ ไปเห็นบทความของ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ในเว็บผู้จัดการ ต้องรีบคลิกเข้าไปอ่าน เพราะแกตั้งชื่อเอาไว้น่ากลัว ว่า
“กลิ่นปฏิวัติโชยมา!?”
อ่านไปจนจบ ไม่รู้ว่ากลิ่นปฏิวัติโชยมาจากไหน ใครเป็นผู้ปล่อยกลิ่น เหม็นรุนแรงแค่ไหนก็ไม่บอก เพราะทั้งคอลัมน์ไม่มีแม้แต่คำว่า
“กลิ่น” หรือ “ปฏิวัติ” ด้วยซ้ำไป!
หัวเรื่องกับเนื้อหาไม่ตรงกัน ไอ้ที่ปรากฏในคอลัมน์กลายเป็นเรื่องซ้ำๆซากๆ ที่นายปานเทพฯเอง เคยพูดเป็นแผ่นเสียงตกร่องมาหลายครั้งหลายหน นอกจากไม่มีอะไรใหม่แล้ว ผมยังไม่เห็นว่า บทความของแกนั้น...
ไปเกี่ยวอะไรกับการปฏิวัติ หรือกลิ่นปฏิวัติตรงไหนเลย!!?
อยากให้ท่านผู้อ่าน รวมทั้งคนที่คิดจะปฏิวัติ ลองหันไปดูสภาพของผู้ก่อการปฏิวัติรัฐประหารรายล่าสุด คือ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ที่ผมให้ฉายาว่า
“ไอ้บัง กบฏ”
อีตาคนนี้เคยมีอำนาจสูงสุดในประเทศไทย และได้ประโยชน์เต็มๆจากการปฏิวัติรัฐประหาร ที่เห็นชัดเจนก็มาในรูปทรัพย์สินเงินทอง แต่หากจะถามว่า
พี่น้องประชาชน ให้ความยกย่อง นับถือเขาหรือไม่?
คำตอบคือ...เปล่าเลย!
หลังจากที่หมดอำนาจวาสนา จากหัวหน้าคณะปฏิวัติและ ผบ.ทบ. ต้องตกกระเป๋อง กลายเป็นข้าราชการบำนาญแล้ว เขาได้ตั้งพรรคการเมืองชื่อ “พรรคมาตุภูมิ” ขึ้นมา
มีการเปิดตัวพรรคการเมืองอย่างใหญ่โต ที่ทำการพรรคโก้หรูอยู่กลางเมือง ใกล้กับพรรคการเมืองของ “มังกือ-เมืองสุพรรณ” ของนายห้าสั้น
(คนลือกันว่า นายบรรหาร บั่นหำ พยายามทำตัวเป็น “มังกร” แต่เป็นได้แค่ “มังกือ” ดันเอา “มังกร” ไปตั้งเพื่ออวดบารมี ซึ่งเป็นสิ่งเกินตัว เลยเกิดระเบิดและไฟไหม้ปี้ป่น ผู้คนทั้งเจ็บ ทั้งล้มตาย ไปเยอะแยะ!)
มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า พรรคของ “ไอ้บัง กบฏ” จะกลายเป็นพรรคการเมืองสำคัญ เพราะเชื่อว่า
จะได้คะแนนเสียง จากพี่น้องคนไทย ที่เป็น ‘มุสลิมะ’ หรือผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งให้การสนับสนุน แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จ
หิ้วกะร่องกะแร่ง กะเล่อกะล่า เข้าสภา ได้แค่สองคน!!
จึงถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า
เป็นการตอกตะปู ฝังแนวความคิดที่จะมี “พรรคมุสลิม” ไปด้วย!!!
ไม่น่าเชื่อว่า พรรคของ “ไอ้บัง กบฏ” ได้ทั้งจำนวน ส.ส.และคะแนนเสียง น้อยกว่าพรรคที่มี “หัวหน้าซ่องกะหรี่” ชื่อดัง เป็นโต้โผเสียด้วยซ้ำไป!!!
มันน่าขายหน้านัก!
นี่หากไม่ได้คะแนนเสียง จากผู้สมัคร ส.ส.เขต ที่ภาคใต้มาอนุเคราะห์ อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหารหรือ “บังสี่จิ๋ม” คนนี้ ไม่มีวันเข้ามานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ ในสภา อย่างแน่นอน
ที่น่าประหลาดใจ อย่างยิ่งก็คือ
ผู้สมัครที่พรรคของ “ไอ้บัง กบฏ” ส่งลงในนามพรรค ที่จังหวัดลพบุรี ซึ่งเป็นถิ่นของนายพลสนธิฯเอง เพราะเคยอยู่มาตั้งแต่เป็นนายทหารผู้น้อย จนไต่เต้าเป็นผู้บัญชาการกองพล และผู้บัญชาการหน่วยสงครามพิเศษ เป็นเวลานับสิบๆปีทีเดียว ซึ่ง
เจ้าตัวมั่นใจนักหนาว่า
ผู้สมัครพรรคของตนที่จังหวัดลพบุรี ต้องได้คะแนนพอที่จะเข้ามาเป็น ส.ส. อย่างนอนมานั้น
แต่...ปรากฏว่า
แม้กระทั่งหน่วยเลือกตั้ง ที่ วัดตองปุ ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ใกล้หน่วยสงครามพิเศษ ที่ซึ่งนายพลสนธิฯ เคยเป็นเจ้านายอยู่นานนั้น
มีคนเลือกพรรคของ “ไอ้บัง กบฏ” เพียง 4 เสียง หรือ....
สี่คะแนน...เท่านั้น! …555
ท่านผู้อ่านคงเดาได้ว่า แม้แต่หน่วยที่เป็นเสมือน “บ้าน” ของนายพลสนธิฯ ยังแสดงออกขนาดนั้น นั่นแสดงว่า
ทหารหน่วยรบพิเศษนั้น คิดอย่างไรกับอดีตผู้บังคับบัญชา ของพวกเขา!?
ไม่ต้องมาถามนะว่า ประชาชนคนธรรมดา คิดอย่างไรกับอดีตหัวหน้าคณะปฏิวัติคนนี้!!
ขอบอกต่อไปอีกด้วย ว่า
สิ่งที่แสลงใจ สำหรับผู้บังคับบัญชาทหาร เป็นอย่างมาก ก็คือ การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา มีการสั่งการไปถึงผู้ใต้บังคับบัญชาทุกหน่วย ให้เลือกพรรคดักดาน โดยผู้บังคับบัญชาทหาร หวังจะประสานประโยชน์ เกื้อกูลกันต่อไปกับรัฐบาลเก่า และกีดกั้นทักษิณกับพวกพ้อง ไม่ให้กลับเข้ามามีอำนาจอีกครั้ง แต่...
ผลที่ออกมาคือ หน่วยเลือกตั้งใกล้หน่วยทหารนั้น พรรค “เพื่อไทย” ชนะเรียบทุกหน่วย
หรือใครว่าไม่จริง?
อย่ามาแก้ตัวนะว่า นี่เป็นเพราะ…
ทหารแตงโม มีมากกว่า...ทหารสลิ่ม!!!
อยากจะบอก คนที่คิดจะก่อการรัฐประหาร โดยเฉพาะที่เคยเป็น ผบ.ทบ. มีอำนาจสูง อย่าง จอมพล.ป.พิบูลสงคราม ต้องหนีออกจากแผ่นดินไทย ไปตายต่างประเทศ
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ตายลง เมียโผล่มาเป็นร้อยเป็นพัน จนถูกยึดทรัพย์
จอมพลถนอม กิตติขจร จอมพลประภาส จารุเสถียร ซ้ำรอยจอมพล สฤษดิ์ฯ เพราะถูกยึดทรัพย์ เพียงแต่ไม่มีเรื่องอื้อฉาวแค่นั้น
พล.อ.สุจินดา คราประยูร กระเด็นตกจากอำนาจ เพราะถูกกล่าวหาว่า สั่งทหารไปฆ่าประชาชน กลางถนนราชดำเนิน ทุกวันนี้ต้องนั่งกอดเข่าเจ่าจุก เป็นตาแก่อยู่ที่บ้าน
อย่างนี้เป็นตัวอย่าง ที่พึงจำกันไว้!
ประชาชนเรียนรู้แล้วว่า หากบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย พวกเขาจะได้รับ...ประโยชน์ มีสิทธิ มีเสียง และมีศักดิ์ มีศรี
การก่อการปฏิวัติรัฐประหาร มีแต่ทำให้บ้านเมืองทรุดโทรมลง สถาบันทหารถูกดูหมิ่นเกลียดชัง แถมยังทำให้สถาบันอื่นๆพลอยบิดเบี้ยว ชำรุดเสียหายไปด้วย เพราะผู้คนคลางแคลง และตั้งข้อสงสัยต่างๆนานาซึ่งไม่เป็นมงคลเลย
ขอให้จำใส่กะโหลก กันไว้ด้วย ว่า
หากมีการปฏิวัติรัฐประหาร และหลังจากนั้นแล้ว เมื่อบ้านเมืองกลับมา สู่โหมดของการเลือกตั้ง
พรรคทักษิณ...ก็จะชนะอีก!
ประวัติศาสตร์ก็จะซ้ำรอย เดิม วนไปวนมาอย่างนี้ ไม่มีที่สิ้นสุด บ้านเมืองของเราถอยหลังไปทุกที เพื่อนบ้านอื่น กระทั่งพม่า ยังหันเข้าหาระบอบประชาธิปไตย มีแต่ไทยเราเท่านั้นในภูมิภาคนี้ ที่ดันถอยหลังเข้าคลอง
ถ้ารัฐประหารไม่สำเร็จ เพราะพี่น้องประชาชนชาวไทย ลุกขึ้นมาต่อต้าน และคณะผู้ก่อการกลายเป็น ‘กบฏ’ ไป นั้น
ผู้ที่ทำรัฐประหาร ก็จะ ‘หมดสิ้น’ ทุกอย่างในชีวิต!
ฉะนั้น ถ้าขุนทหารสายสลิ่ม หรือสายสองสลึงคนไหนที่เงี่ยนนัก-เงี่ยนหนา หากใจกล้าพอ
จงลุกขึ้น...ทำปฏิวัติเลย!
อย่ามัวแต่เบ่งกล้าม ทำหน้าตาขึงขัง บูดเบี้ยว อวดศักดา ข่มขู่ชาวบ้านอยู่เลย
พูดกันตรงๆ แบบคนไทย หัวใจนักเลง ว่า
“มึงอยากปฏิวัติ ทำเลยซีวะ...ไม่ต้องมา ‘ขู่’ กู!”
รับรองว่า
นอกจากประเทศต่างๆ ทั้งมหาอำนาจ และชาติประชาธิปไตยทั่วโลก จะต่อต้าน คัดค้านจนถึงที่สุดแล้ว
พี่น้องประชาชน ผู้คนในบ้านนี้เมืองนี้ จะต้องลุกขึ้นมาต่อสู้ เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย ที่พวกเขาหวงแหนเอาไว้ ด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
เขาเหล่านั้น จะตะโกนกู่ก้อง พร้อมเพรียงกัน ว่า
“พวกกู ไม่กลัว พวกมึง!!!”
..................
ท้ายบท ชาวบ้านตาดำๆ ต่างโดนป้ายสี เรื่อง “ล้มเจ้า” มานมนานแล้ว แต่ถ้าใครอยากรู้ว่า กลุ่มไอ้-อีตัวไหน ที่เคย “ล้มเจ้า”และล้มได้สำเร็จมาแล้วด้วย
ไปอ่านได้เลย ในคอลัมน์...
“ใครกันแน่ที่...ล้มเจ้า!?” (http://www.vattavan.com/detail.php?cont_id=301)
ขนาดเขียนแบบยั้งๆมือ ยังมีผู้อ่านเกือบ...หมื่นคน!!!
(คอลัมน์ประจำสัปดาห์ “ไอ้พวก ‘เงี่ยน’ ปฏิวัติ...พวกกู ไม่กลัว พวกมึง!!!” ออนไลน์วันเสาร์ ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2555)