การก่อความวุ่นวาย การก่อจลาจลย่อยๆ ของ พันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 ที่ผ่านมานี้ เป็นความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์อย่างทีี่่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับ นักรบผู้เจนสงครามอย่าง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หรือสหายศึกอื่น ๆ เช่น พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี เป็นต้น
จุดผิดพลาดของ "ยุทธการไทยคู่ฟ้า" ของ พธม. ครั้งนี้คือ การบุกเข้ายึดสถานีโทรทัศน์ NBT ซึ่งทำให้ถูกมองว่าเป็นการคุกคามสื่ออย่างรุนแรง และภาพการบุกยึด ก็ได้เผยแพร่ออกไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว สมกับยุคนี้เป็นยุคดิจิตอล ทำให้ พธม. เสียชื่อเสียงและความนิยมอย่างรุนแรง เพราะไม่ใช่ภาพของคนที่ชุมนุมอย่างสงบ และต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ตามที่อวดอ้างแต่อย่างใด
ผมประเมินว่า แผนการขั้นต้นของ พธม. คือ การยึุด NBT เพื่อเชื่อมสัญญาณของ สถานีโทรทัศน์เคเบิ้ลทีวี ASTV เข้ากับเครือข่ายของ NBT หลังจากบุกยึดที่ทำการของ NBT ได้แล้ว
และหาก พธม.สามารถเชื่อมสัญญาณ ASTV ได้ ผมคาดว่า กำลังส่วนใหญ่ของ พธม. จะเคลื่อนเข้ามาที่ NBT ทันที เพื่อตรึงไม่ให้เจ้าหน้าที่ใช้กำลังเข้าสลาย และเมื่อ ASTV สามารถออกอากาศได้ทั่วประเทศ โดยผ่าน NBT ก็จะบีบให้รัฐบาลจำต้องใช้กำลังเข้าปราบปรามสลายม็อบ หรือยึดสถานี NBT คืน ซึ่งก็จะเข้าทางของ พธม. ทันที คือ มีการนองเลือดเกิดขึ้น ซึ่งสถานการณ์ต่้อเนื่องคือ จะมีการบีบให้นายสมัคร สุนทรเวช ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
แผนการเหมือนกับพฤษภาทมิฬ 2535 เด๊ํะเลย ไม่มีความซับซ้อนอะไรทั้งสิ้น
แต่ผมคาดว่า พธม. หรือแกนนำของ พธม. คงไม่ได้ประเมินว่า ยุคนี้เป็น "ยุคดิจิตอล" การยึดอาคาีรสถานี้โทรทัศน์ได้นั้น ใช่ว่าจะสามารถเผยแพร่ภาพทีวีต่อไปได้ เพราะหากมันง่ายดายขนาดนั้น ผมว่ายุคนี้ก็ไม่ใช่ยุคดิจิตอล และเพราะยุคนี้แม้แต่จะเปิดคอมพิวเตอร์ฺเครื่องหนึ่งที่ไม่ใช่ของตนเองมันก็มีรหัส จนยากที่คนนอกจะเจาะผ่านเข้าไปได้โดยง่าย
และผมไม่เชื่อว่า พธม. จะมีมือหนึ่งทางด้านการสื่อสาร หรือเก่งแฮ้กข้อมูลอยู่ด้วย
และผมก็คิดว่า ช่วงที่คุณจักรภพ เพ็ญแข เป็น รมต.ประจำำสำนักนายกฯ คุมกรมประชาสัมพันธ์ คงได้มีการทำแผนการต่อต้านการทำรัฐประหารไว้ ดังนั้น เมื่ออาคารถูกยึด ก็สามารถแพร่ภาพต่อไปได้ โดยใช้รถโมบาย ทำให้การออกอากาศของ NBT หยุดชะงักไปไม่นานเท่านั้น
การบุกยึด NBT แม้จะทำสำเร็จ แต่ก็ไม่บรรลุเป้าหมายทางยุทธศาสตร์คือ "การเชื่อมสัญญาณ ASTV" ก็เลยทำให้การเคลื่อนไหวอื่น ๆ เช่น การยึดทำเนียบรัฐบาล การยึดกระทรวงต่างๆ ของรัฐบาล เป็นการยึดได้แค่ "ตึกเปล่า" เหมือนกับการ ยึดเมืองเปล่า" อย่างที่การทำสงครามในอดีตต่างๆ เคยมีตัวอย่างมาแล้วเท่านั้น การยึดเมืองเปล่า ตึกเปล่า ไม่ได้ทำให้ได้เปรียบในการสงครามขึ้นมาแต่อย่างใด
แต่ยุทธการไทยคู่ฟ้า ได้ผลักดันให้ แกนนำ พธม. รวมทั้งนักรบศรีวิชัยจำนวนมาก ทำผิดกฎหมายหลายมาตรา ซึ่งกลายเป็นชนัฎติดหลัง และเป็นสาเหตุให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจตีโต้ ออกหมายจับ 9 แกนนำของกลุ่มพันธมิตร ในข้อหา "เป็นกบฎในราชอาณาจักร" ได้อย่างเต็มที่
นี่คือ การก้าวพลาดอย่างสำคัญ
เพราะแม้ว่า ฝ่าย พธม. จะนำแกนนำทั้งเก้าคนไปไว้ในวงล้อมของสตรี และมีการป้องกันอย่างเต็มที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าไปจับได้
แต่ผมไม่คิดว่านั่นจะเป็นสิ่งสำคัญอะไร เพราะ "หมายจับเก้าแกนนำในข้อหากบฎในราชอาณาจักร" ได้กลายเป็น "ยันต์กันผี" กักขังให้แกนนำพันธมิตร จำต้องกักตัวเองอยู่ในพื้นที่แคบๆ ของทำเนียบรัฐบาล ไม่มีเสรีภาพในการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด มีสภาพเหมือนกับการถูกขังไว้ในทำเนียบนั่นเอง
จะขังไว้ที่ลาดยาว หรือขังไว้ที่ทำเนียบรัฐบาล ก็ไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก
ออกมาเมื่อไหร่ ก็โดนตะครุบตัวเมื่อนั้น ตำรวจไม่จำเป็นต้องรีบร้อนหรือบุ่มบ่ำแต่ประการใดทั้งสิ้น เพียงแต่ล้อมไว้ รอคอยโอกาส สับเปลี่ยนกำลังให้สดชื่นเข้าไว้ พธม. การ์ดตกเมื่อไหร่ ก็ชาร์จเข้าล็อกแกนนำทันที พธม. จะต้องการ์ดไว้ได้นานเท่าใด
ผมคิดว่า แม้ พธม. จะประกาศตั้งผู้นำรุ่นที่สอง ไว้สำหรับการเคลื่อนไหวต่อไป แต่ผมไม่คิดว่าการเคลื่อนไหวของ พธม. จะมีน้ำหนักอะไรอีกแล้ว การบุกยึด NBT ทำให้ พธม. เสียมวลชนไปจำนวนมาก และได้ข้อหากบฏ กลับมาแทน
ตอนนี้ 9 แกนนำ ก็มีโทษตามกฎหมายหนักถึงขึ้นประหารชีวิตทีเดียว คดีคงต่อเนื่องอีกยาวนาน ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนแต่อย่างใด
บางคนคิดว่า พธม. อาจมีแผนการที่ล้ำลึกมากกว่านี้ จนเราคาดไม่ถึงก็ได้
ผมคิดว่าพวกเราประเมินคนเหล่านี้สูงเกินไป ผมไม่คิดว่าจะมีใครที่มีความสามารถเกินมนุษย์ปกติโดยทั่วไปอย่างมาก จนสามารถวางแผนลึกลับซับซ้อน จนไม่มีใครคาดถึงได้ เพราะนั่นมันนิยายมากเกินไป
เราต้องประเมินอย่างง่ายๆ ว่า แกนนำของกลุ่ม พธม.นี้ ต่อสู้ทางการเมืองมาอย่างยาวนานแล้ว ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2551 เมื่อนับเวลาถึงวันบุกยึด NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 ก็เป็นเวลาถึง 90 วัน
คนที่อยู่ในสนามรบเป็นเวลานาน ต้องต่อสู้ ต้องตื่นตัว ถูกกระตุ้นและเครียดอยู่ตลอดเวลา เมื่อเป็นระยะเวลาที่นานมาก ก็จะเกิดความล้า การใช้ดุลยพินิจต่างๆ ก็จะบกพร่อง และไม่สามารถประเมินสถานการณ์ได้อย่างรอบด้าน เพราะความล้าของสมองที่ต้องทำงานอย่างยาวนาน และตึงเครียดอยู่ตลอดเวลา ต้องขึ้นเวทีปราศรัย เพื่อตรึงมวลชนตลอด ทำให้ความเครียดสะสมที่เกิดขึ้นนี้ กระทบต่อดุลยพินิจในการตัดสินใจได้
เคยมีการบันทึกไว้เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สองว่า ทหารที่ถูกล้อมหรือต้องต่อสู้อยู่ตลอดเวลาเกิน 40 วัน จะมีความเครียดทางสมอง และเกิดอาการจิตหลอนต่างๆ ขึ้น
ผมก็คิดว่า แกนนำ พธม. ก็เป็นคนธรรมดา ย่อมไม่สามารถหลีกเลี่ยงเงื่อนไขทางกายภาพเหล่านี้ได้
ผมจึงไม่ได้คิดว่าคนเหล่านี้จะมีแผนการลึกลับอะไร มากกว่าที่ผมประเมินไว้แล้ว เพราะไม้ตายจริงๆ คือ การเชิญชวนทหารออกมาทำรัฐประหาร หากทำไม่สำเร็จ ก็ไม่มีทางบรรลุเป้าหมายได้
พธม. ประเมินคนลี้ยงแมว ที่ดื้อดึงเหมือนแมว อย่างนายสมัคร สุนทรเวช ต่ำไป
แทนที่จะได้ชัยชนะอย่างที่ชอบประกาศกันจน เสพติดชัยชนะจอมปลอมเหล่านั้น ก็กลายเป็นกบฎในราชอาณาจักร ที่รออยู่ว่าเมื่อไหร่จะโดนชาร์จจับตัวไปเท่านั้น
นี่จึงกลายเป็น จุดเปลี่ยนของสงครามอย่างชัดเจน