บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2551

“เหา” บนหัวประชาธิปัตย์?

ไม่แปลกหรอกที่ ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน จะชวนสังคมตั้งคำถามถึงการ “อยู่รอด” ของพรรคประชาธิปัตย์ได้ในทุกสถานการณ์
รอด...ทั้งที่ถ้าเป็นสถานการณ์เดียวกัน แต่เปลี่ยนตัวละครเป็นพรรคอื่นๆ เช่น พรรคชาติไทย พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคพลังประชาชน ฯลฯ ก็คงจะโดนเอาคอขึ้นเขียงหายใจพะงาบๆ น่าเสียวไส้อย่างที่เห็นกันอยู่
ความตงิดใจมันจึงไม่ได้ตงิดอยู่ในใจ ร.ท.กุเทพ คนเดียว...แต่ประชาชนอีกไม่น้อยก็รู้สึกสงสัยกันไปด้วย...
ไม่ได้เคลือบแคลงสงสัยองค์กรใดๆ ที่มีส่วนในการตัดสินชะตากรรม เพราะประเดี๋ยวจะหาว่า “ละเมิด...”
เอาเป็นว่าสงสัยเรื่องบุญทำกรรมแต่งก็แล้วกัน ชะรอยพรรคประชาธิปัตย์จะบุญวาสนาดี จึงได้แคล้วคลาดอยู่เสมอ เพียงแต่บุญบารมีอาจยังไม่แรงจั๋งหนับ รัฐบาลที่ (เขา) ว่าจะ (ให้) เป็นได้ ได้เป็น จึงกลับยังไม่ได้เป็นมาหลายปีแล้ว...
ว่ากันตามภาษาบุญภาษากรรม ก็เพราะ “จิต” ยังมี “ตัวถ่วง”
เจ้าความกลัว ความหวาดระแวง หวาดผวาแม้กระทั่ง “เงา” ของคนที่ต้องจรลีไปเมืองฝรั่ง มันเป็นอกุศลจิตที่ทำให้คิดการณ์ใหญ่แต่ไปไม่ถึงฝั่งฝันสักคราครั้ง เพราะคิดกี่เรื่อง พูดกี่ครั้ง มันก็ติดอยู่แต่ที่ “เงา” ของคนคนนั้น สู้อยู่กับเงาของคนคนนั้น ไล่ตามอยู่กับเงาของคนคนนั้น...
ทั้งที่เจ้าตัวเขาก็ไปไหนไม่รู้แล้ว ภาษาโฆษก พปช. ก็ต้องบอกว่าสู้กับคนที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังเอาตัวรอดไม่ได้ ยิ่งสู้จึงยิ่งติดอยู่กับกรงขัง
ถึงขั้นละเมอ เพ้อ จินตนาการหลอกหลอนตัวเองไปว่า อาจมีความพยายามจากฝ่ายตรงข้ามระดมกำลังคนเข้ามาปั่นป่วน...
ทั้งที่เวทีที่มีการ ปลุกปั่น อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่านั้น ก็ตั้งอยู่กลางเมืองนั่นเอง ไม่เห็นต้องเสียเวลาไประแวงมดปลวกในหลืบรูไหน ไอ้ที่มันจะแจ้งถึงใจอยู่กับตาตรงหน้านั้น ทำไมไม่รู้สึกหวาดกลัวกันมั่ง...
หรือเพราะผลประโยชน์มันเข้าทาง ก็เลยเฉยเสียดีกว่า...
อย่าลืมว่า “แนวคิด” ของพันธมิตรฯ มันก็ไปกันไม่ได้กับ “พรรคการเมือง” ทุกๆ พรรค
เพราะสิ่งที่พันธมิตรฯ ต้องการคือ ล้มล้างระบอบประชาธิปไตย ล้มล้างการเลือกตั้ง เพื่อรื้อฟื้นระบบแต่งตั้งคัดสรรเข้ามาแทน...
อุดมการณ์ต่างกันเพียงนี้ เหตุใดประชาธิปัตย์กลับมองไม่เห็นว่ากลุ่มใดกันแน่ที่เป็น อันตราย กับตัวเอง
เหตุใดจึงยังยอมรับได้กับ ส.ส. คนหนึ่งในพรรค ที่ควรจะอยู่ข้างประชาธิปไตยรัฐสภา ปกป้องระบบการเลือกตั้ง (ซึ่งหัวหน้าพรรค ปชป. ก็ยังเคยยอมรับว่าแม้ได้คะแนนมายากแสนยาก แต่ก็เป็นสิ่งที่นักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยพึงกระทำ) แต่กลับชูหน้าชูตาอยู่กับคณะบุคคลที่มีแนวคิดเป็นปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตยได้
ใครจะว่าเป็นพวกบ้าประชาธิปไตยก็ว่าไป แต่ให้กลับไปเอาอำมาตยาธิปไตยหรือเผด็จการ ก็คงไม่มีเอาเหมือนกัน…
ความล้าหลังของการเมืองไทยที่ไม่เคยก้าวพ้น “อาถรรพ์” ไปได้สักที มันจึงโยนความผิดให้พวก “อำมาตย์” หรือกล่าวโทษ “กองทัพ” ที่ทำรัฐประหาร...แค่นั้นไม่ได้
เพราะจะว่าไป หากคนทั้งประเทศมีสำนึกประชาธิปไตยเพียงพอ กลุ่มคนที่กล่าวมาก็คงไม่สามารถยัดเยียดอุดมการณ์อื่นเข้ามาได้อย่างที่เป็นอยู่
ที่สำคัญบางครั้ง บางคน เขาก็กล้าประกาศเลยว่าเขาไม่นิยมชมชอบประชาธิปไตย แต่อยากให้บ้านเมืองกลับไปสู่ระบอบการปกครองแบบอื่นๆ ซึ่งอย่างน้อยที่สุดนี่คือความกล้าหาญ และไม่ใช่เกมการเมืองแบบหลอกล่อให้คนหลงผิดติดกับ
เพราะที่คนกำลังหลงผิดติดกับ คือพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ที่มีพฤติกรรมตรงข้ามกับอุดมการณ์ที่ควรจะมี จะเป็นนี่ต่างหาก
วันนั้นที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยตอบโต้ นายวุฒิพงษ์ เพรียบจริยวัฒน์ อดีต สนช. อย่างดุเดือดกลางสภา ด้วยเหตุที่ว่านายวุฒิพงษ์ซึ่งมาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐประหาร กล่าวดูถูกนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งนั้น...คนยังจำได้และยังชื่นชมว่านายอภิสิทธิ์ช่วยปกป้องหลักการ...
มาถึงวันนี้ คนเขาก็ยังหวังจะเห็นภาพแบบนั้นอีก ภาพที่แม้รู้ว่าตัวเองอาจจะยังไม่ชนะ อาจจะยังเสียเปรียบพรรคอื่นๆ แต่หากเป็นการยืนบนหลักการประชาธิปไตยแล้ว ก็จำเป็นต้องกระทำเพื่อคุณูปการต่อระบอบการเมืองการปกครองไทยสืบไปเบื้องหน้า
ที่สำคัญ ประชาชนหวังจะเห็นว่าประชาธิปัตย์น่าจะหลุดจากการตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของพรรคมัฆวานนครเสียที เพราะทุกวันนี้ประชาธิปัตย์มีแต่เสียกับเสีย กับภาพลักษณ์ที่ว่ายืนอยู่ข้างแก๊งนั่น
จะมีก็แต่พันธมิตรฯ เท่านั้น ที่ยิ่งเกาะกินสูบเลือดเนื้อกลุ่มอื่นๆ แล้วได้ดี
เพราะทำตัวเป็นเห็บแล้วอิ่มหนำ จึงยังต้องหาเรื่องชุมนุมจนทุกวันนี้ ทั้งที่ไม่มีประเด็นอะไรมาตั้งนานแล้ว

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker