บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2554

แก๊ส-กระสุนยาง ผบ.ตร.ฮึ่ม ขู่พธม.บุกทำเนียบ

ที่มา ข่าวสด

'เทือก'ยื่นศาล ให้สั่งเลิกม็อบ 'ธิดา'ย้ำไม่ร่วม ชายแดนเครียด เขมรเคลื่อนทัพ




พร้อม- พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ตรวจเยี่ยมแถวตร.ปราบจลาจลที่อารักขาทำเนียบ ทั้งสาธิตวิธีมัดแขนผู้ก่อจลาจล โดยผบ.ตร.ประกาศให้ตร.ใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางได้ทันที หากม็อบพันธมิตรฯบุกทำเนียบ

'จำลอง' กร้าวใส่รัฐบาลอย่าคิดขอคืนพื้นที่การชุมนุม ลั่นถ้าอยากจะไล่ให้ไปไล่เขมรแทน 'ธิดา' ย้ำไม่มีทางที่เสื้อแดงจะไปร่วมขบวนกับกลุ่มพันธมิตร เพราะคน ละแนวทางกัน ยกเว้นในอนาคตพันธมิตรจะเป็นนักปชต.แบบคนเสื้อแดง 'เทพไท' ชี้เหลืองกับแดงผนึกกำลังกันไม่ได้ เพราะเป็นน้ำกับน้ำมัน ด่าศิษย์เก่าปชป. ที่ไปร่วมไล่มาร์ค ให้คิดถึงบุญคุณกันบ้าง เผยเช็กข่าววงในแล้ว มั่นใจไม่มีปฏิวัติ 'มาร์ค' ให้สัมภาษณ์สื่อนอก ยอมรับสัมพันธ์ไทย-เขมรมีปัญหา "เสธ.อ้าย" ประธานมูลนิธิเตรียมทหารฯ ฟันธง มีปฏิวัติแน่นอน ผบ.ตร.สั่งเตรียมพร้อมบุกทำเนียบเมื่อไหร่จับเมื่อนั้น

พันธมิตรชุมนุมบางตา

เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยา กาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถนนราชดำเนินนอก ว่า บรรยากาศในช่วงเช้า ตั้งแต่เวลา 08.30 น. ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ก็ยังคงปักหลักอยู่ภายในเต็นท์ของตัวเองหลายร้อยคนอย่างสงบ บางรายก็มานั่งตัดผมอยู่ในเต็นท์กองทัพธรรม ส่วนบนเวทีปราศรัยใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางสะพานก็เป็นการจัดรายการข่าวเช้า มีเนื้อหาเกี่ยวกับประเด็นการวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติภารกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะกรณีการช่วยเหลือ 7 คนไทย ที่ถูกจับกุมในประเทศกัมพูชา มีผู้ชุมนุมนั่งฟังหน้าเวทีบางตา ส่วนใหญ่จะทยอยมาร่วมชุมนุมในช่วงเย็นเพื่อฟังแกนนำพันธมิตรปราศรัย นอกจากนี้ เป็นการสลับจัดรายการธรรมะของกลุ่มสันติอโศก ส่วนการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณทำ เนียบรัฐบาล มีกำลังตำรวจปราบจลาจลหลายร้อยนาย พร้อมโล่ กระบอง เข้ามาประจำการอยู่โดยรอบทำเนียบทั้งภายในและภายนอก เพื่อป้องกันผู้ชุมนุมบุกเข้ามายึดเหมือนครั้งที่ผ่านมา

แกนนำเปิดแถลง-จวก'มาร์ค'เละ

จากนั้นเวลา 10.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชา ธิปไตย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ และนายประพันธ์ คูณมี ตั้งโต๊ะแถลงข่าวบริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการ โดยนายปานเทพ แถลงเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เร่งแก้ไขปัญหาข้อพิพาทกับประเทศกัมพูชากรณีเขตแดน และปลดธงชาติกัมพูชาบริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ซึ่งพันธมิตรฯ ได้เรียกร้องมาแล้ว 2 วัน แต่ยังไม่มีการดำเนินการ และเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ แสดงความรับผิดชอบ หากในวันที่ 1 ก.พ.นี้ ศาลกัมพูชาพิพากษาลงโทษนายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ทั้งที่เรามีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าคนไทย 7 คน ถูกจับกุมในพื้นที่ประเทศไทย

'จำลอง'กร้าว-อย่าหวังสลายม็อบ

นายปานเทพกล่าวต่อว่า การที่ทางการกัมพูชาไม่ยอมนำธงชาติของกัมพูชาลงจากวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ว่ามีนัยสำคัญคือ เป็นการทำให้แผนที่มาตรา 1:200,000 ที่กัมพูชายึดถืออยู่ ครบสมบูรณ์ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะต้องรับผิดชอบและระบุมาให้ชัดเจนว่าจะใช้เวลากี่วันในการแก้ปัญหา ในเรื่องนี้ และขณะนี้เหลือเวลาอีก 4 วันในการตัดสินคดีของนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ หากมีอะไรเกิดขึ้นรัฐบาลจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม การที่พันธมิตรฯ ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกเอ็มโอยู 2543 เพื่อให้ทหารสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มกำลัง โดยใช้วิธีการทางทหารผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ พร้อมยืนยันการชุมนุมครั้งนี้ เพื่อผลักดันให้รัฐบาลปกป้องดินแดน ไม่มีสิ่งใดแอบแฝง และไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง

ด้านพล.ต.จำลอง กล่าวเสริมว่า ส่วนกรณีที่รัฐบาลประกาศจะขอคืนพื้นที่จากกลุ่มพันธมิตรฯที่ยึดสะพานมัฆวานรังสรรค์ เพื่อให้การจราจรผ่านไปมาได้สะดวกนั้น ขอให้รัฐบาลเลิกความคิดนี้เสีย และก็ไม่ต้องกังวลว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะบุกยึดทำเนียบหรือไม่ ขอยืนยันตามเดิมว่าการยกเลิก MOU 43 เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่จะเป็นการแสดงให้เห็นถึงแสนยานุภาพทางทหารของไทย

'จตุพร'อย่าบล็อกแดงร่วมเหลือง

วันเดียวกัน เวลา 11.00 น. บริเวรหน้าประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มประชาชนไทยหัวใจรักชาติ นำโดยนายทศพล แก้วทิมา ม.ล.วัลวิภา จรูญโรจน์ นายโชคพิสิฐ วรพัฒนชัย และนางมาลีรัฏฐ์ เอี้ยวสกุล แกนนำกลุ่มประชาชนไทยหัวใจรักชาติ เปิดแถลงข่าวชี้แจงกรณี นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เรียกร้องให้คนเสื้อเหลืองและคนเสื้อแดงมาร่วมกันชุมนุมขับไล่รัฐบาล โดยนายทศพล แถลงยืน ยันว่า เป็นเพียงความคิดของนายไชยวัฒน์คนเดียว ไม่ได้เป็นของมติกรรมการเครือข่ายฯ แต่เครือข่ายฯ ก็เห็นด้วยกับแนวคิดของนายไชยวัฒน์ และเห็นว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นั้น ไม่มีสิทธิที่จะมาบล็อกไม่ให้คนเสื้อแดงมาร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาลกับคนเสื้อเหลือง เพราะนายจตุพร ไม่ได้เป็นเจ้าของมวลชนเสื้อแดง หรือเป็นผู้นำแต่เพียงผู้เดียว ยังมีแนวร่วมคนเสื้อแดงหลายคนที่มีความคิดอยากอภิวัฒน์ประเทศ เช่นเดียวกับพวกเรา ดังนั้น คนเสื้อแดงมีสิทธิที่จะคิดและตัดสินใจด้วยตัวเอง

นายทศพลกล่าวต่อว่า ในส่วนความเคลื่อน ไหวของกลุ่มเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติหลังจากนี้ ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ จะมีการประชุมกรรมการบริหารเครือข่ายทั้งหมด เพื่อกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหว และการช่วยเหลือนายวีระ สมความคิด ในกรณีการขอประกันตัวให้ออกมาจากเรือนจำกัมพูชาโดยเร็ว เพราะขณะนี้เราเกิดความไม่มั่นใจว่านายวีระจะมีความปลอดภัยอีกหรือไม่ เนื่องจากมีความพยายามสกัดขัดขวางจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ให้ทีมที่ปรึกษากฎหมายของเครือข่ายฯ เข้าไปหาหลักฐานเพิ่มในจุดที่นายวีระ ถูกจับ และไม่ให้เข้าเยี่ยมนายวีระ เป็นครั้งสอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้จัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเอกสารให้ตามความเหมาะสมแล้ว

ตร.ซ้อมรับมือเหลืองบุกทำเนียบ

จากนั้นเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว รอง ผบช.น. เดินทางมาตรวจเยี่ยมกำลังพลที่มาดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณทำเนียบรัฐบาล พร้อมทั้งสั่งให้มีการฝึกซ้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉินหากมีกลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้ามายึดทำเนียบ โดยการฝึกดังกล่าวได้ใช้พื้นที่บริเวณหน้าประตู 1 มีกำลังปจ.กว่า 500 นาย พร้อมโล่ กระบอง มารับการฝึกในครั้งนี้ ขณะเดียวกับบริเวณหัวมุมทำเนียบ ด้านถนนพิษณุโลก ก็มีกลุ่มประชาชนไทยหัวใจรักชาติ ต่างพากันตกใจที่เห็นกำลังตำรวจตั้งแถวอยู่จำนวนมาก โดยได้ช่วยกันยกหลักเขต 47 จำลองที่สร้างขึ้นมาเอง นำมาตั้งอยู่กลางสะพานด้านถนนพิษณุโลก และยืนสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด ไม่มีเหตุ การณ์รุนแรงเกิดขึ้น ใช้เวลาซ้อมประมาณ 20 นาที จึงเสร็จสิ้น ด้านกลุ่มผู้ชุมนุมก็กลับไปยังที่ตั้งของตัวเอง

'ธิดา'ย้ำแดงกับเหลืองต่างกัน

ส่วนทางด้านท่าทีของกลุ่มคนเสื้อแดงในกรณีถูกทาบทามให้ร่วมขับไล่รัฐบาล วันเดียว กันนี้ นางธิดา โตจิราการ แกนนำนปช. เปิดเผยว่า ยืนยันว่าตนหรือแกนนำเสื้อแดง ไม่เคยมีการพูดคุยกับแกนนำพันธมิตร หรือนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ใดๆ ทั้งสิ้น อาจเป็นไปได้แค่ว่านายไชยวัฒน์ไปเจอกับใครบางคนในเรือนจำ เรื่องที่จะไปชุมนุมหรือต่อสู้ร่วมกันต่างๆ กรณีนี้จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อกลุ่มอื่นมีแนวทางเดียวกันกับกลุ่มคนเสื้อแดง แต่เท่าที่ดูจากจุดยืนของพันธมิตรฯแล้ว ไม่น่าจะร่วมมือกันทางการเมืองได้กับคนเสื้อแดง เรียกว่ายังอยู่กันคนละขั้ว ยกเว้นก็แต่ในอนาคต พันธมิตรจะเป็นนักประชาธิปไตยเหมือนอย่างคนเสื้อแดง ถึงจะอาจเป็นไปได้ และขอปฏิเสธอีกครั้งว่าตนหรือแกนนำนปช. ไม่เคยหารือใดๆ กับฝ่ายพันธมิตร

'เทพไท'ไม่เชื่อแดงจะร่วมเหลือง

ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรี ธรรมราช ในฐานะโฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติออกมาเคลื่อน ไหวขับไล่รัฐบาลว่า ไม่อยากจะให้กลุ่มที่เคยเคลื่อนไหวหรือมีแนวความคิดในทางเดียวกัน มาสร้างความแตกแยกในหมู่กลุ่มผู้สนับสนุน การใช้วิธีการชุมนุมโดยการกดดัน ไม่มีประ โยชน์ใดๆ ที่จะแก้ปัญหาบ้านเมืองได้ การใช้วิธีการพูดคุยทำความเข้าใจน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด และการปฏิบัติต่อประเทศเพื่อนบ้านก็ควรจะใช้วิธีทางการทูต ดีกว่าการใช้กองกำลังไปกดดัน ถ้าหากเกิดสงครามขึ้นก็จะเป็นความสูญเสียของทั้งสองประเทศ

นายเทพไทกล่าวว่า การเรียกร้องของแกนนำผู้ชุมนุมให้ใช้ทหารกดดันประเทศกัมพูชา ขับไล่คนกัมพูชา ถือว่าเป็นการปฏิบัติการทางการทหาร ซึ่งสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการปะทะด้านกำลังทหาร ซึ่งถือเป็นหนทางสุดท้ายที่ประเทศไทยควรจะเลือก ในขณะนี้ยังมีช่องทางทางการทูตที่จะพูดคุยเจรจา โดยยึดเอาประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลักจะดีกว่า ส่วนที่แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติออกมาประกาศจะจับมือกับคนเสื้อแดงเพื่อขับไล่รัฐบาล ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ เพราะเชื่อว่ามวลชนของทั้งสองฝ่ายไม่ยอมรับ จุดยืนของทั้งสองกลุ่มต่างกันเหมือนน้ำกับน้ำมัน ที่ไม่สามารถผสมกันได้ แต่ที่แกนนำบางคนออกมาพูดเรื่องนี้ น่าจะเป็นการแสดงออกเพื่อความสะใจของตัวเองมากกว่า จึงอยากจะให้แกนนำพันธมิตรและคนไทยหัวใจรักชาติ ได้ใคร่ครวญไตร่ตรองให้ดี ว่าการเอาศัตรูมาเป็นมิตรและผลักมิตรให้เป็นศัตรู จะสร้างความเสียหายให้กับกระบวนการต่อสู้ภาคประชาชนของกลุ่มพันธมิตรฯหรือไม่

เหน็บส.ส.เก่ายุม็อบเกลียดปชป.

ส่วนที่แกนนำหลายคนเคยอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์และออกมาวิพากษ์วิจารณ์นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และพรรคประชาธิปัตย์อย่างหนักนั้น นายเทพไทกล่าวว่า คนเหล่านั้นได้ลาออกจากสมาชิกพรรคไปก่อนหน้านี้ เพื่อไปเคลื่อนไหวในแนวทางการเมืองภาคประชาชน ไม่ได้มีความขัดแย้งใดๆ กับพรรค การไปเคลื่อนไหวทางการเมืองภาคประชาชน อาจมีอิสระมากกว่าการเคลื่อนไหวกับพรรคการเมือง ซึ่งมีข้อบังคับและมติของพรรคควบคุมอยู่ แต่การออกไปของสมาชิกพรรคหลายคนที่ผ่านมา บางคนอาจจะเห็นด้วยหรือสนับสนุนแนวทางของพรรค แต่บางคนอาจจะขัดแย้งและมีพฤติกรรมทำลายพรรค ก็เป็นเรื่องของจิตสำนึกของแต่ละบุคคล ว่ามีความสำนึกในข้าวแดงแกงร้อนของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่

นายเทพไทกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันการเมือง เปรียบเสมือนบ้าน อาจจะมีสมาชิกในบ้านออกจากบ้านไป โดยไม่ได้กลับมาปาบ้านหรือเผาบ้านตัวเอง หรือบางคนอาจจะออกไปแล้วมาทำลายล้างบ้านของตัวเอง เป็นเรื่องที่สังคมจะต้องพิจารณาพฤติกรรมของบุคคลนั้นๆ ขณะนี้ในสภาผู้แทนราษฎรมีส.ส.จำนวน 80 เปอร์เซ็นต์ที่เคยเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์และเคยอยู่พรรคประชาธิปัตย์มาแล้ว และก็จากไป พรรคไม่รู้สึกไหวหวั่นใดๆ ดังนั้นสมาชิกพรรคกลุ่มนี้ที่ออกไปเคลื่อนไหว ก็อยากจะให้พูดถึงข้อเท็จจริงที่พาดพิงมายังพรรคหรือคนของพรรคมากกว่าการกล่าวโดยไม่มีเหตุผล เพื่อหวังผลทางการเมืองหรือขึ้นบนเวทีปราศรัยพูดด้วยความมันปากหรือคึกคะนองก็ย่อมจะไม่มีผลกับตัวเอง เป็นการทำร้ายตัวเองมากกว่า

นปช.อย่ากุข่าวรัฐประหาร

นายเทพไทกล่าวถึงกรณีส.ส.เพื่อไทยและแกนนำกลุ่มนปช. ออกมาระบุว่าจะมีการทำรัฐ ประหาร ว่า อยากจะถามถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงในการกระพือข่าวดังกล่าว เพราะจะไม่เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายใดทั้งสิ้น ถ้าหากมีการรัฐประหารจริงก็คงไม่มีข่าวคราวรั่วไหลออกมาถึงหูของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มนปช.ว่าจะมีการปฏิวัติในวันที่ 10 ก.พ. ใช้เวลา 4 ชั่วโมง และใช้กำลังจำนวน 3,000 นาย ซึ่งล้วนแต่เป็นการพูดเองทั้งสิ้น ส่วนการที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุชื่อว่ามี พล.อ. (ด) เป็นผู้วางแผนรัฐประหาร น่าจะเป็นการใส่ร้ายให้สมอ้างตามที่ตัวเองปูกระแสการรัฐประหาร โดยพุ่งเป้าไปที่ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ซึ่งเป็นเสนาธิการทหารบก ไม่น่าจะอยู่ในฐานะที่จะทำการรัฐประหารได้ และพล.อ.ดาว์พงษ์เป็นนายทหารประชาธิปไตยคนหนึ่ง การออกข่าวเป็น การดิสเครดิตพล.อ.ดาว์พงษ์มากกว่า เพราะคนเหล่านี้เจ็บแค้นกับการปฏิบัติหน้าที่ของพล.อ.ดาว์พงษ์ที่เป็นตัวหลักในการกระชับพื้นที่ของคนเสื้อแดงในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553

ลั่นเช็กแล้วไม่มีปฏิวัติแน่นอน

นายเทพไทกล่าวว่า ถ้าตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบแล้วไม่มีเหตุผลใดที่จะนำมาเป็นข้ออ้างในการยึดอำนาจ เพราะ 1.รัฐบาลเองก็ไม่มีจุดอ่อนในการบริหารประเทศ 2.ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับกองทัพมีความแนบแน่นมากกว่าทุกยุคทุกสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล 3.ส่วนตัวในฐานะเป็นนักศึกษาวปรอ. และเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับผู้บัญชาการกองพล 5 กองพลที่มีส่วนสำคัญกับการรัฐ ประหารทุกครั้ง ตรวจสอบไปยังเพื่อนร่วมรุ่นแล้วก็ยังไม่มีข้อมูลใดๆ หรือสัญญาณในการเคลื่อนไหว ดังนั้น ที่ส.ส.เพื่อไทยออกมาเรียกร้องให้ส.ส.ทั้งหมดร่วมมือการต่อต้านการรัฐประหารนั้น ก็อยากจะให้ส.ส.เพื่อไทยกลับไปดูพฤติกรรมคนของตัวเอง ว่ากำลังสร้างเงื่อนไขให้มีการรัฐประหารหรือไม่

โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อว่า ถ้าส.ส.เพื่อไทยและกลุ่มนปช. หยุดเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อทำลายประทศ ก็จะเป็นการต่อต้านการรัฐประหารโดยปริยาย จึงไม่จำเป็นต้องออกมาเรียกร้องหาความร่วมมือจากส.ส.ทั้งหมดแต่ประการใด ขอให้คนที่ออกมาปูดข่าว หยุดสร้างกระแส เพราะพูดไปประชาชนก็เหม็นขี้ฟันเปล่าๆ ขอยืนยันว่า บ้านเมืองขณะนี้กำลังเดินไปด้วยดี การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้สูงถึง 7.8 เปอร์เซ็นต์ เกินกว่าที่ประมาณการเอาไว้ ถ้าหากยังมีการสร้างกระแสในลักษณะดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและการลงทุนของประเทศ ก็ถือว่าเป็นการทำลายชาติบ้านเมืองทางอ้อม

'เสธ.อ้าย'ยันมีปฏิวัติแน่

วันเดียวกัน พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานคณะกรรมการศิษย์เก่า ร.ร.เตรียม ทหาร และประธานเตรียมทหารรุ่น 1 ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ "ลับลวงพราง" ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 ถึงกระแสข่าวการปฏิวัติ ว่า คิดว่ามีแน่นอน ยืนยันว่ามีแน่นอน แต่ไม่ทราบว่าจะเกิดขึ้นวันที่เท่าใด หรือเมื่อใด เพราะความยุ่งวุ่นวายเกิดจากนักการเมือง เหมือนคนเป็นโรคไม่ผ่าตัดก็เรื้อรัง นักการเมืองหน้าเก่าๆ เรื่องเก่าๆ ทุจริต ข่มเหงรังแกข้าราชการและประชาชนซ้ำแล้วซ้ำเล่า

"ต้องรักษา ต้องผ่าตัด ปล่อยให้เรื้อรังไม่ได้ ต้องล้างไพ่ไปเลย แล้วทหารก็ต้องดูแลสักระยะ การปฏิวัติจำเป็นต้องทำ เพื่อชาติบ้านเมือง ไม่ต้องห่วงว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลัง เพราะการเมืองไม่มีถอยหลังหรือเดินหน้า การเมืองมันเป็นเรื่องผลประโยชน์ แล้วเป็นผลประโยชน์ของใคร ถ้าเป็นของชาติก็ดี เป็นของประชาชนก็ดี แต่ของตัวเองไม่ดี ดังนั้น เมื่อปฏิวัติแล้วจะต้องจัดให้เข้าระบบ เพื่อชาติและประชาชน" พล.อ.บุญเลิศกล่าว

มั่นใจทหารพาชาติพ้นวิกฤต

เมื่อถามว่า มั่นใจแค่ไหนหากผู้นำทหารชุดนี้จะก่อการปฏิวัติ พล.อ.บุญเลิศกล่าวว่า ดูรูปมวยแล้วน่าจะปฏิวัติแล้วไปต่อได้ โดยเฉพาะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ที่ตนเองเชียร์ท่านอยู่ เพราะว่าสิ่งที่ตรงใจตนมากคือท่านออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะเราเป็นทหารรักษาพระองค์ คนที่เป็นศิษย์เก่าเตรียมทหารต้องมีความจงรักภักดี แต่คนรอบข้างหรือคนที่เกี่ยวข้องอาจคิดไม่ดี และหรือไม่แสดงความจงรักภักดีและปกป้อง อย่างพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในฐานะศิษย์เก่าเตรียมทหาร ก็ควรจะหันมาดูตัวเอง ว่าทำถูกต้องหรือไม่ เขาควรอยู่เฉยๆ รับรู้ความผิดพลาด แล้วมาเริ่มต้นใหม่ น่าจะยังไม่สาย แต่ถ้าคิดว่าตัวเองทำถูกต้องก็ทำต่อไป

แขวะ'ทักษิณ'ไม่จงรักภักดี

เมื่อถามว่า แนวคิดที่จะปลดพ.ต.ท.ทักษิณออกจากศิษย์เก่าเตรียมทหาร ตท.10 นั้น พล.อ.บุญเลิศกล่าวว่า ยังไม่ถึงขั้นนั้น เพราะตนต้องหารือคณะกรรมการทั้งหมดก่อน ตนรู้สึกผิดหวังกับพ.ต.ท.ทักษิณ รู้สึกผิดหวังกับอาการที่ตัวเขาและพวกเขาแสดงในทางที่ไม่จงรักภักดี สำหรับการปฏิวัติต้องมีคณะปฏิวัติ ไม่ใช่โดยแค่ 1-2 คน จะทำอะไรก็ต้องปรึกษาหารือกันทั้งคณะ ไม่ใช่ฟังแค่คนสองคน และต้องเห็นแก่บ้านเมืองเป็นหลัก อย่าเห็นแต่เรื่องส่วนตัว จะไปไม่รอด เพราะมีบทเรียนมาแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพล.อ.บุญเลิศเป็นประธานมูลนิธิศิษย์เก่าร.ร.เตรียมทหาร เป็นประธานเตรียมทหาร รุ่น 1 โดยมีเพื่อนร่วมรุ่น อาทิ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมน ตรี พล.อ.สำเภา ชูศรี อดีตผบ.สส. พล.อ.ธวัช เกษอังกูร อดีตปลัดกลาโหม พล.ร.อ.ทวีศักดิ์ โสมาภา อดีตผบ.ทร. พล.อ.วัธนชัย ฉาย เหมือนวงศ์ อดีตรองผบ.ทบ. เป็นต้น นอกจากนี้ พล.อ.บุญเลิศยังดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการราชตฤณมัยสมาคม และเคยร่วมปฏิวัติ วันที่ 26 มี.ค.2520 ที่นำโดย "เสธ.หลาด"พล.อ. ฉลาด หิรัญศิริ รอง ผบ.ทบ.ขณะนั้น

'ปู่ชัย'มั่นใจทหารไม่โง่ปฏิวัติ

ด้านนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยระบุว่าอาจจะมีการปฏิวัติรัฐประหาร โดยพลเอก "ด" ว่า พรรคเพื่อไทยเป็นคนประโคมข่าว ก็มีแต่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรค เพื่อไทย และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส. สัดส่วน เท่านั้น คนอื่นไม่เห็นมีใครพูด ตนเชื่อว่าสถานการณ์วันนี้ทหารเขาไม่โง่ปฏิวัติกันแล้ว เรื่องอะไรเขาจะเหนื่อย เขาอยู่คุมรัฐบาลไม่ดีกว่าหรือ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสทางการเมือง มองว่าวันนี้หรือในอนาคตข้างหน้า ยังมีโอกาสที่จะเกิดปฏิวัติหรือไม่ นายชัยกล่าวว่า จะวันไหนก็ไม่มีปฏิวัติ ถ้าเป็นยุคปัจจุบันนี้ เมื่อถามว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร หรือนปช. จะเป็นตัวเร่งให้เกิดการปฏิวัติขึ้นหรือไม่ นายชัยกล่าวว่า ไม่มี ตรงนี้เป็นเพียงการระบายอารมณ์ของ 2 ฝ่าย เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจของตัวเอง ให้มีบทบาทสำคัญ ให้สังคมรับรู้

"พวกนี้อยากทำลายเศรษฐกิจของประเทศ ขอความกรุณาว่าจะทำอะไรก็ขอให้เป็นเรื่องส่วนตัว อย่าทำให้บ้านเมืองวุ่นวายจะดีที่สุด เพราะตอนนี้เศรษฐกิจเดินไปข้างหน้าอยู่แล้ว" นายชัยกล่าว

'มาร์ค'รับไทยมีปัญหากับเขมร

ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอพี ที่เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ระหว่างการร่วมประชุม Word Economic Forum ถึงข้อเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรในการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ให้รัฐบาลยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-กัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก หรือ MOU ปี 2543 เพื่อยุติข้อขัดแย้งชายแดน ให้ถอนตัวออกจากการเป็นภาคีองค์การยูเนสโก และให้ผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่ข้อพิพาท ว่า ยอมรับว่า ความสัมพันธ์กับกัมพูชายังคงน่าเป็นห่วง สิ่งที่ดีที่สุดคือ ต้องแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในวิถีทางที่สงบ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันเอาไว้ และต้องให้แน่ใจว่าจะสามารถปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติเอาไว้ได้ ดังนั้นสิ่งที่สามารถทำได้ในตอนนี้คือการอธิบายให้กลุ่มพันธมิตรเข้าใจว่าข้อเสนอดังกล่าวเป็นวิธีที่ดี เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ให้การสนับสนุน แต่ตนก็จะเลือกวิธีที่ดีที่สุด ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

'พนิช'รุดแจงพธม.-ปรับข้อมูล

ด้านนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ว่า ทางพรรคไม่ได้ขอร้องให้ไปเจรจาอะไร แต่เป็นหน้าที่ของตนในฐานะคนที่อยู่ในพื้นที่ ซึ่งคุณแซมดิน เลิศบุศย์ ก็เป็นคนในพื้นที่บึงกุ่ม และไปเผชิญชะตากรรมกันมา นอกจากนี้ ยังได้มีโอกาสไปคุยและกราบท่านโพธิรักษ์ อธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่กัมพูชา และหวังว่าจะเอาจุดยืนของรัฐบาลไปอธิบายให้เข้าใจ ทำข้อ มูลให้ตรงกัน

เมื่อถามว่า ขณะนี้ยังพบว่ากลุ่มพันธมิตรใช้ข้อมูลขัดกับรัฐบาลอยู่ และยืนยันว่าจะชุมนุมต่อ นายพนิชกล่าวว่า ถือเป็นเอกสิทธิ์ที่สามารถทำได้ โดยในกลุ่มพันธมิตรเองก็มีอยู่หลายกลุ่มที่เป็นกลุ่มย่อยๆ ซึ่งต้องทำความเข้าใจกับทุกกลุ่ม แต่ในแต่ละกลุ่มรัฐบาลสามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้ เช่น วันพฤหัสฯ ที่ผ่านมาในการประชุมกรรมาธิการวิสามัญ ที่ดูเรื่องบันทึก 3 ฉบับ ก็มีการตกผลึกชัดเจนว่าจุดยืนของคณะกรรมการคือไม่ยอมรับในแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ซึ่งหากมีโอกาสก็จะทำความเข้าใจกับทุกกลุ่มเพื่อทำความเข้าใจ

"แน่นอนว่าไม่อยากให้มีการนำข้อมูลต่างๆ ซึ่งมีอีกหลายข้อมูลที่อาจยังไม่ตรงกันมาพูดคุยกันอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ หวังว่าจะมีการปรับข้อมูลให้ตรงกัน ไม่เชื่อว่ามีใครคิดจะขายชาติ เพราะทุกคนก็อยากปกป้องแผ่นดินไทย ปกป้องอธิปไตยของไทย แต่ข้อมูลบางเรื่องยังไม่ตรงกันเท่านั้น วันนี้ต้องเอาข้อมูลความจริงมาคุยกัน ตนก็มีหน้าที่ทำความเข้าใจในฐานะประชาชน ส.ส. กรรมาธิการวิสามัญ หรือในฐานะคนที่ไปในพื้นที่มา ได้สัมผัสกับสิ่งที่คนกัมพูชาคิด เช่น การยึดแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ซึ่งตนไม่เคยยอมรับและยืนยันว่าต้องใช้แผนที่ 1 ต่อ 5 หมื่น หรือกรณีเอ็มโอยูปี 2543 ก็ต้องคุยว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร จะปรับได้หรือไม่ หรือใช้แนวทางเจรจาเพื่อแก้ปัญหา อาจไม่จำเป็นต้องยกเลิก" นายพนิชกล่าว

ยอมรับเบรกม็อบไม่ได้

ต่อข้อถามว่า จะมีการข้อร้องให้ยุติการชุมนุมก่อนหรือไม่ นายพนิชกล่าวว่า การขอคงไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือทำความเข้าใจเอาข้อมูลและจุดยืนไปให้ดู การพูดคุยกันเป็นเรื่องสำคัญ การชุมนุมก็เป็นสิทธิ ถ้าไม่มีความรุนแรง และหากไม่ไปละเมิดเรื่องกระบวนการยุติธรรมของใคร เพราะอาจไปกระทบรูปคดีของคนไทยที่ยังต้องช่วยเหลือกลับมา รัฐบาลยังต้องการให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ต่อเนื่อง

ต่อข้อถามว่า กังวลว่าประเด็นการโจมตีของกลุ่มพันธมิตรจะกระทบต่อคดีของนายวีระ นางราตรีหรือไม่ นายพนิชกล่าวว่า ตนเป็นห่วงทั้งสองคน แต่การปราศรัยบนเวทีนั้นคงห้ามไม่ได้ แต่ไม่อยากให้กระทบต่อรูปคดี หรือความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา เพราะต้องยอมรับว่า สถานการณ์ของ 2 คนไทยต้องใช้การเจรจา จึงไม่อยากทำอะไรให้คดีนี้มีความสับสนหรือความยากขึ้น

ชี้มัวทะเลาะกันเขมรได้เปรียบ

"หลังจากการลงพื้นที่ยอมรับว่าต้องหาข้อยุติ มิฉะนั้นเรื่องก็จะไม่จบ ซึ่งต้องหาวิธีให้ใช้ข้อมูลที่มีพื้นฐานตรงกัน ซึ่งเชื่อว่าแต่ละฝ่ายก็มีข้อมูลอยู่ อาจยังไม่ตรงกันบางจุด แต่ควรนำมาหารือพูดคุยกัน เพราะวันนี้หากเรามัวแต่พูดโจมตีกัน ทางกัมพูชาก็เอาข้อมูลที่เรามีอยู่ไปใช้ต่อสู้ในเวทีอื่นๆ ขณะนี้ควรก้าวข้ามเรื่องของพื้นที่ไป และร่วมกันเตรียมพร้อมเพื่อเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน รัฐบาลอยู่แล้วก็ไป แต่ปัญหายังคงเป็นปัญหาเดิม ทุกภาคส่วนที่มีข้อมูลก็ต้องร่วมมือกันทำให้เรื่องนี้จบ ซึ่งไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลก็ต้องถูกถามถึงการแก้ปัญหานี้ แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ก็จะยึดว่าเราไม่ยอมรับเรื่องแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ถือเป็นจุดยืนที่จะใช้ในอนาคตเช่นกัน วันนี้ผู้ใหญ่หลายคนก็เข้าใจถึงจุดยืนดังกล่าว แต่ข้อมูลอาจแตกต่างกันไปบ้าง ก็เป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจกัน" นายพนิชกล่าว

และว่า ตนยินดีไปให้ข้อมูล และยังมีอีกหลายคนไปให้ข้อมูล ถ้าตนสามารถช่วยเพื่อทำให้เกิดความเข้าใจได้ก็ยินดี คงไม่ถึงขนาดไปขอให้ยุติ แต่ไปให้ข้อมูลให้ตรงกัน คงไม่ถึงเจรจา เพราะในกลุ่มพันธมิตรขณะนี้ก็มีถึง 3-4 กลุ่ม แต่เรื่องสำคัญคือทำให้สิ่งที่รัฐบาลต้องการถ่ายทอดเกิดความเข้าใจที่ตรงกัน

'เทือก'ลั่นพธม.ไม่ควรปิดถนน

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐ มนตรี เปิดเผยถึงกรณีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งมีการปราศรัยว่าหากรัฐบาลจะเจรจาหลังจากนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับจากดาวอส สหพันธรัฐสวิส คงสายเกินไป ว่า ก็ต้องใช้ความพยายามไปเรื่อยๆ รัฐบาลมีหน้าที่ต้องอดทนและนายกฯ ประสงค์จะพูดคุยกับทุกฝ่าย เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย ส่วนกรณีที่พันธมิตรมีทีท่าว่าจะไม่ญาติดีกับรัฐบาลนั้นก็ไม่เป็นไร แต่อยากให้ฟังเหตุผลบ้าง ต่อข้อถามถึงสถาน การณ์การชุมนุม นายสุเทพกล่าวว่า ขณะนี้ ผบ.ตร.พยายามเจรจา เพื่อให้กลุ่มพันธมิตรเปิดเส้นทางการจราจร เนื่องจากพบว่าในช่วงกลางวันมีปริมาณผู้ชุมนุม ประมาณ 200-300 คนเท่านั้น ส่วนช่วงกลางคืนมีประมาณ 2,000 คน ดังนั้น ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปิดถนนทั้งสาย เพราะทำให้ประชาชนไม่สามารถใช้เส้นทางตามปกติได้ ซึ่งมีการเจรจาแล้ว แต่ยังไม่ได้ผล ต่อข้อถามว่า หากสถานการณ์ยืดเยื้อจะทำอย่างไร นายสุเทพกล่าวว่าจะไม่ลดความพยายามและขอดูสถานการณ์ 2-3 วัน อยากขอร้องว่าหากปริมาณผู้ชุมนุมมีจำนวนเท่าปัจจุบันก็ไม่ควรปิดถนน และใช้ถนนเพียงซีกใดซีกหนึ่งเท่านั้น เพื่อให้การจราจรเป็นไปได้ตามปกติ

เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้ในการใช้กฎหมายจัดการหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า หากประชาชนเกิดความเดือดร้อนก็มีความเป็นไปได้ว่าจะมีการฟ้องศาลปกครอง ซึ่งก็ต้องรอให้ถึงช่วงเวลาดังกล่าว และระหว่างนี้เจ้าหน้าที่ก็จะทำหน้าที่ในการเจรจา แต่ไม่อยากให้คาดคั้นกลุ่มผู้ชุมนุม เพราะช่วงกลางวันแดดร้อน เดี๋ยวจะกลายเป็นการท้าทาย แต่อย่างไรก็ตาม การปิดถนนถือว่าไม่สมควรทำ

ชี้เงื่อนไข'จำลอง'เข้าใจยาก

ผู้สื่อข่าวถามถึงสถานการณ์ชายแดนซึ่งมีกระแสความห่วงใยสถานการณ์จากต่างประเทศ นายสุเทพกล่าวว่า จะไม่ทำอะไรให้ชายแดนเกิดความตึงเครียด โดยการรักษาสถานการณ์ปัจจุบันเอาไว้ ไม่ต้องกังวล การอยู่กับเพื่อนบ้านก็ต้องรักษาบรรยากาศไม่ให้มีปัญหาต่อกัน

ต่อข้อถามถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรเรียกร้องให้รัฐบาลจัดการกับปัญหาชายแดนและให้นำธงที่ประดับบนวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระลง นายสุเทพกล่าวว่า ต้องค่อยๆ แก้ปัญหากันไป ไม่อยากให้แสดงท่าทีที่บังคับข่มขู่ประเทศเพื่อนบ้าน ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา คิดว่าปัจจุบันนายฮุนเซน ก็ถูกสื่อและประชาชนในประเทศวิจารณ์และตำหนิเช่นกัน อยากส่งข้อความไปถึงนายฮุนเซนว่าสถานการณ์ปัจจุบันสิ่งที่กลุ่มพันธมิตรพูดก็ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเดียวกัน และจากการสอบถามแม่ทัพภาคที่ 2 ธงดังกล่าวเป็นเพียงธงสัญลักษณ์ ที่ติดเวลา มีงานวัด เป็นเหมือนธงศาสนา ไม่อยากให้กังวลใจ ส่วนการที่พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เรียกร้องให้จัดการปัญหาชายแดนนั้นคงเป็นเรื่องเข้าใจยาก

สื่อเขมรตีข่าวเคลื่อนกำลังทหาร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสถานการณ์ตามแนวชายแเดนไทย-กัมพูชา วันเดียวกันนี้ มีรายงานว่าชาวเขมรฝั่งปอยเปต เริ่มแตกตื่นกับกระแสข่าวลือต่างๆ ที่ดังหนาหู เพราะเกรงว่าจะเกิดการรบกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา โดยหนังสือพิมพ์เดิมอัมปรึล ของกัมพูชา ได้รายงานข่าวการให้สัมภาษณ์ของนายเขียว กัญญาฤทธิ์ รมว.โฆษณา ระบุคำพูดว่า เรารู้ว่าไทยอยากรุกรานหลายแห่ง แต่สำหรับกัมพูชา หากพูดโดยรวม แนวพรมแดน 800 ก.ม.ของกัมพูชา ทหารเราพร้อมรบตลอดแนวชายแดนหากไทยอยากทำสงคราม ถ้าไทยอยากทำสงครามตามแนวชายแดน กองทัพกัมพูชาก็เตรียมพร้อมรักษาเขตแดน จะไม่ให้สูญเสียแม้แต่หนึ่งมิลลิเมตร ทั้งนี้ สื่อเขมร ยังรายงานคำกล่าวของนายเขียวอีกว่า ขณะนี้สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณพื้นที่ปราสาทพระวิหารกำลังตึงเครียด เพราะทหารไทยต้องการเข้ามาในพื้นที่วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ซึ่งฝ่ายไทยเคยถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ดังกล่าวเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2553 สำหรับฝ่ายกัมพูชาได้ตั้งเป้าหมายไม่ให้ทหารไทยเข้ามาในเขตแดนกัมพูชาได้อีก และได้รอคำสั่งจากผู้นำรัฐบาลกัมพูชาอย่างระมัดระวัง รถถัง รถหุ้มเกราะ จรวด และกำลังทหาร ฝ่ายกัมพูชาได้นำมาเตรียมพร้อมตอบโต้การรุกรานของไทย ดังนั้น ถ้ารัฐบาลไทยยังอยากส่งทหารเข้ามาในพื้นที่วัดแก้วฯ อีก ฝ่ายกัมพูชาจะใช้สิทธิ์ในการป้องกันตัว เพื่อไม่ให้ฝ่ายไทยสามารถกระทำตามความประสงค์ที่ไม่ดีได้สำเร็จ สื่อเขมร ยังระบุด้วยว่า ขณะนี้กองทัพกัมพูชา ได้สั่งเคลื่อนรถถัง และอาวุธหนักหลายชนิดขึ้นไปเตรียมพร้อมรับสถานการณ์บริเวณชายแดน ด้านตรงข้ามกับ จ.สุรินทร์ และ จ.ศรีสะเกษ หากมีการรุกรานดินแดน

ผบ.ตร.รุดตรวจทำเนียบฯ

เวลา 18.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยา กาศการชุมนุมของม็อบพันธมิตรฯ กับกลุ่มประชาชนไทยหัวใจรักชาติ ที่ปักหลักชุมนุมอยู่ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ และบริเวณประตู 4 ทำเนียบรัฐบาลมีประชาชนทยอยเดินทางมาร่วมชุมนุมตลอด โดยมีกำลังตำรวจปราบจลาจล พร้อมกระบองและโล่ ยืนรักษาการณ์อยู่ทั้งด้านในและด้านนอกทำเนียบรัฐบาล

ต่อมาเวลา 19.00 น. พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เดินทางมาตรวจเยี่ยมกำลังพลภายในทำเนียบฯ และเป็นประธานประชุมนายตำรวจระดับสูงเพื่อรับมือกับสถานการณ์ หากม็อบพันธมิตรบุกเข้าทำเนียบรัฐบาล พร้อมทั้งนำสายรัดแบบพลาสติกมาแจกจ่ายกำลังพล เพื่อใช้รัดข้อมือหากจับกุมผู้ชุมนุมที่บุกรุกเข้ามาในทำเนียบฯ

ลั่นใช้กระสุนยาง-แก๊สน้ำตา

พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ภารกิจหลักในวันนี้คือการรักษาศูนย์กลางอำนาจรัฐ คือทำเนียบรัฐบาลแห่งนี้ ห้ามไม่ให้ผู้ใดบุกรุกเข้ามาในสถานที่ราชการเด็ดขาด หากมีใครฝ่าฝืนปีนกำแพงรั้วเข้ามา 1-2 คน ให้จับกุมดำเนินคดีทันที โดยจับกุมอย่างละมุนละม่อม หรือหากบุกเข้ามาเป็นร้อยเป็นพันก็คงต้องปะทะกัน ตำรวจจำเป็นต้องใช้กระบอง แก๊สน้ำตา และกระสุนยาง ยกเว้นลูกกระสุนจริง เพราะคงไปใช้มือเปล่าจับคงไม่ได้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาที่ผู้ชุมนุมบุกยึดทำเนียบรัฐบาลได้ เพราะกำลังพลมีไม่เพียงพอ และอุปกรณ์ควบคุมฝูงชน รวมทั้งการฝึกฝนในการรับมือกับผู้ชุมนุมยังน้อย เพราะส่วนใหญ่ฝึกแค่ระดับกองร้อย แต่ระดับกองพันยังไม่เคยฝึก แต่ครั้งนี้ได้มีการฝึกมาแล้วและพร้อมรับสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว

พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่แกนนำพันธมิตรฯ ให้สัมภาษณ์ว่าการซ้อมของตำรวจในทำเนียบรัฐบาลเพื่อเตรียมมาสลายการชุมนุม ไม่เป็นความจริง ที่ซ้อมก็เพื่อไว้ป้องกันและรักษาสถานที่ราชการ คือทำเนียบรัฐบาลเท่านั้น ไม่ใช่ซ้อมไปสลายการชุมนุมตามที่เข้าใจ ทั้งนี้ ส่วนประชาชนที่เห็นว่าตัวเองได้รับความเดือดร้อนกรณีถูกปิดเส้นทางจราจร ก็สามารถดำเนินการฟ้องร้องได้ตามกฎหมาย

บนเวทียังปลุกระดมต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศบนเวทีปราศรัยของกลุ่มพันธมิตรฯ พล.ต.อ.มนัส ครุฑไชยันต์ อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ และเป็นรุ่นพี่ที่ร.ร.นายร้อย จปร. ของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้ขึ้นปราศรัยสนับสนุนชุมนุมเรียกร้องปกป้องอธิปไตยของชาติ และการเรียกร้องให้ยกเลิก MOU 2543 รวมถึงการช่วยเหลือ 2 คนไทยที่ยังอยู่ในประเทศกัมพูชา โดยระบุว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ นี้ ทำเพื่อชาติบ้านเมือง แม้จะมีเสียงบ่นจากประชาชนในเรื่องรถติด ขอยืนยันว่าเป็นเรื่องที่จำเป็น คนที่มาร่วมชุมถือเป็นวีรบุรุษผู้กล้า ผู้เสียสละ ขอเชิญชวนประชาชน โดยเฉพาะเพื่อนตำรวจ ทหาร ทุกรุ่น มาร่วมชุมนุมกันเพื่อทำงานให้ประเทศชาติ ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างเรากับกัมพูชานั้น ยืนยันว่าต้องยกเลิกบันทึกความตกลงหรือ MOU ปี2543 เพราะเป็นบันทึกที่มัดมือมัดเท้า ทหาร ตำรวจ ข้าราชการของไทยไม่ให้ดำเนินการใดๆ กับพื้นที่พิพาท ขณะนี้ผู้นำประเทศกัมพูชา ซึ่งตนเองขอเรียกว่า "จิ้งจอกเจ้าเล่ห์" ค่อยๆ คืบคลานเข้ามายึดดินแดนของเรา ดังนั้น รัฐบาลไทยต้องรีบจัดการเรื่องเขตแดนให้เร็ว และยื่นคำขาดให้ปล่อยตัว 2 คนไทย

พล.ต.อ.มนัส กล่าวต่อว่า กรณีที่มีกระแสข่าวการปฏิวัติที่ออกมาหนาหูในขณะนี้ ตนเองมั่นใจว่า ทหารจะอดทนถึงที่สุด แต่หากบ้านเมืองเสียหาย ล่มจม ทหารจะทนไม่ได้ แม้จะถูกสั่งให้ทำก็ทำไม่ได้ เพราะถูกสอนให้มีวินัย แต่ถ้าเมื่อไรที่ชาติบ้านเมืองล่มจม เสียหาย มีปฏิวัติอย่างแน่นอน แม้ผู้ใหญ่ไม่ทำ ทหารเด็กๆ ก็จะทำเอง ซึ่งพล.ต.จำลอง ก็เคยทำมาแล้วในช่วงที่เรียกว่า เมษาฮาวาย ขอเรียกร้องให้เพื่อน จปร.ทั้งหลายสมัครสามัคคีกันปกป้องบ้านเมือง ปกป้องแผ่นดินและเกียรติยศศักดิ์ศรี

'มหา'ท้าไล่พธม.ไม่สำเร็จ

ต่อมาพล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายปานเทพ พัวพงศ์พันธุ์ โฆษกพธม. และนายประพันธ์ คูณมี ร่วมแถลงข่าวอีกครั้ง ยืนยันว่า ธงเขมรที่วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ไม่ใช่ธงงานวัด แต่เป็นธงแสดงกรรมสิทธิ์ในพื้นที่ เพราะว่าทางกัมพูชาได้เตรียมเส้นทางในการเดินทางเข้าสู่วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการเดินทางไปยังปราสาทเขาพระวิหารได้ โดยไม่ต้องผ่านไทย ดังนั้น จึงไม่ยอมลดธงชาติกัมพูชาอย่างเด็ดขาด การที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ออกมาระบุว่า ธงชาติที่ปักที่วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ เป็นแค่ธงประดับงานวัดนั้น ขอปฏิเสธว่าไม่ใช่ แต่เป็นการแสดงถึงสัญลักษณ์กรรมสิทธิ์ในพื้นที่ เป็นการบิดเบือน เพราะวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ อยู่ในพื้นที่ประเทศไทย อีกทั้ง กัมพูชาได้แถลงข่าวยืนยันแล้วว่าวัดและพื้นที่ดังกล่าวเป็นของกัมพูชา

พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า กรณีที่นายสุเทพ เตรียมฟ้องศาลปกครองเพื่อให้พันธมิตรฯ เปิดการจราจรรอบทำเนียบฯ นั้น เห็นว่า นายสุเทพ อยากจะฟ้องศาลก็ทำไปแต่อย่ามาขู่ นายสุเทพ ควรจะใช้อำนาจกระบวนการยุติธรรมกับทางกัมพูชามากกว่า ไม่ใช่มาใช้กับคนไทยด้วยกัน หากจะสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ยืนยันว่าไม่สำเร็จ เพราะไล่เมื่อไรก็จะกลับมาอีก

เผยยอดผู้ชุมนุมแค่ 2 พันคน

ขณะที่ นายประพันธ์ คูณมี กล่าวถึงกรณีนายพนิช ได้ทำความเข้าใจกับกลุ่มย่อยของพันธมิตร 2-3 กลุ่ม ว่า ตนยืนยันว่ายังไม่ได้มีการประสานมากับทางกลุ่มพันธมิตรฯ แต่ยินดีรับประชาชนที่มีความเห็นตรงกัน ทั้งนี้ การที่นายพนิช ระบุว่าการชุมนุมนั้นไม่ควรกล่าวโจมตีถึงกระบวนการยุติธรรมของศาลเขมร พันธมิตรฯ ยืนยันไม่ได้กล่าวโจมตีศาลเขมร แต่มองว่าคนไทยที่ถูกจับไม่ควรต้องขึ้นศาล เพราะถูกจับในแผ่นดินไทย นอกจากนี้ ในวันที่ 30 ม.ค. กลุ่มพันธมิตรฯ ในนครลอสแองเจลิส สหรัฐ จะมีการชุมนุมเพื่อประท้วงที่บริเวณหน้าสถานทูตไทยในนครลอสแองเจลิสด้วย

ต่อมานายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ ได้นำภาพถ่ายทางดาวเทียมที่อยู่ในแผนบริหารจัดการพื้นที่ปราสาทพระวิหารที่กัมพูชาเตรียมจะยื่นในการประชุมกรรมการมรดกโลกที่ประเทศบาห์เรน โดยนายเทพมนตรี แถลงว่า หลักฐานนี้แสดงเส้นพรมแดนในแผนที่ 1 : 200,000 จะกินพื้นที่เขาสัตตโสม ปราสาทพระวิหารและภูมะเขือ แต่กลับเป็นสิ่งที่นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปกปิด ห้ามเผยแพร่ แต่ตนนำมาจากกัมพูชาจึงนำมาเผยแพร่ได้ ส่วนวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระนั้น ต่อไปจะต้องถูกรื้อทิ้ง แต่กัมพูชาต้องเอาไว้ก่อน เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำให้เสมือนว่าทหารของเราจะไปฆ่าพระ ซึ่งเป็นแผนของกัมพูชาที่ต้องการให้ศาสนิก ชนทั่วโลกประณามเรา ทั้งนี้ เมื่อนำหลักฐานใหม่นี้รวมกับหลักฐานของฝ่ายไทย อาจทำให้ไทยได้ตัวปราสาทพระวิหารคืนโดยไม่ต้องฟ้องศาลโลก เพราะไทยได้เคยขอสงวนต่อสหประชาชาติไว้เมื่อวันที่ 6 ก.ค.2505

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าส่วนผู้ชุมนุม ทางเจ้าหน้าที่ตํารวจได้ประเมินว่าในวันนี้มีผู้ชุมนุมอยู่ในพื้นที่ทั้ง 2 กลุ่ม ประมาณ 2,200 คน

'สนธิ'ขึ้นเวที-ขู่แฉรัฐบาล

เวลา 21.00 น. วันเดียวกัน นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประ ชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่กล่าวโจมตีการบริหารงานของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีที่บริหารงานล้มเหลวอย่างรุนแรง อาทิ ปัญหาการซื้อขายตำแหน่งตำรวจ ที่ต้องจ่ายให้กับพรรคประชาธิปัตย์อย่างน้อย 2-3 ล้านบาท แล้วแต่ว่าจะขอไปประจำที่พื้นที่ไหน รวมทั้งปัญหาสินค้าราคาแพง ฯลฯ นอกจากนี้ นายสนธิ ยังกล่าวถึงประเด็นที่ทาง ผบ.ตร. พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี จะรื้อฟื้นคดียิงตนเองขึ้นมาทำใหม่ ก็เพราะว่าสำนวนคดีดังกล่าวมีชื่อคนในรัฐบาลนี้เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย และอีก 2 วัน จะนำเอาหลักฐานการโกหกรัฐบาลนี้มาเปิดเผย และรัฐบาลชุดนี้มีจุดขายเพียงแค่ความหล่อ และความกะล่อนของนายอภิสิทธิ์ เท่านั้น

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่พล.ต.อ. วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. สั่งตำรวจเตรียมพร้อมหากผู้ชุมนุมปีนเข้าทำเนียบฯ ใช้กระสุนยาง และแก๊สน้ำตายิงได้ทันทีนั้น ยืนยันว่าไม่บุกเข้าไปแน่นอน เพราะทำเนียบฯ ในตอนนี้ไม่ใช่ทำเนียบประชาชน แต่เป็นทำเนียบเขมรจะบุกเข้าไปทำไม

ผบ.ตร.ย้ำคุมม็อบห้ามเกียร์ว่าง

ตร.ใต้วอนย้ายออกนอกพื้นที่


วันที่ 29 ม.ค. ที่รัฐสภา นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานกล่าวเปิดการปาฐกถา โครงการสัมมนาการเสริมสร้างและเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจในทางการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมปาฐกถาในหัวข้อ "บทบาทรัฐสภาในการสนับสนุนการพัฒนาประชาธิปไตย" แก่ข้าราชการตำรวจ รุ่นที่ 9 จังหวัดชลบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส จำนวน 705 คน เข้าร่วมสัมมนา โดยมีพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เข้าร่วมด้วย

นายชัยกล่าวว่าขณะนี้มีการเสนอร่างพ.ร.บ.เกี่ยวกับการชุมนุม จำนวน 3 ฉบับ โดย 2 ฉบับแรกอยู่ในระเบียบวาระแล้ว คือร่างพ.ร.บ.จัดระเบียบการชุมนุมในที่สาธารณะ และร่างพ.ร.บ.การส่งเสริมการใช้สิทธิชุมนุมในที่สาธารณะ อีก 1 ฉบับ คือร่างพ.ร.บ.การบริหารการใช้สิทธิในที่ชุมนุม กฎหมายนี้จะเป็นเครื่องมือในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการควบคุมการชุมนุม หลังจากนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับจากประชุมเศรษฐกิจโลกที่เมืองดาวอส สหพันธรัฐสวิส อยากให้ผบ.ตร.หารือกับนายกรัฐมนตรีให้รีบผ่านกฎหมายเหล่านี้

"กฎหมายดังกล่าวมีเนื้อหาสาระสำคัญว่าเวลาใครจะจัดม็อบต้องแจ้งรายละเอียดให้เจ้าพนักงานทราบว่าจะชุมนุมเรื่องอะไร ใช้สถานที่ไหน และใช้เวลาชุมนุมกี่วัน สถานที่ต้องห้ามในการชุมนุม อาทิ ใกล้วัด ใกล้สถานที่ราชการ ใกล้โรงเรียน กฎหมายฉบับดังกล่าวจะทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้สะดวกขึ้น และควบคุมสถานการณ์ได้มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน" นายชัยกล่าว

ด้านพล.ต.อ.วิเชียร กล่าวตอนหนึ่งในระหว่างการสัมมนาว่า ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเน้นการบังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการดูแลการชุมนุมในช่วงที่มีความขัดแย้งสูงที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจะโดนตำหนิทั้งขึ้นทั้งล่องเวลามีม็อบเสื้อแดงมาชุมนุมก็โดนว่า เมื่อมีม็อบเสื้อเหลืองมาชุมนุมก็โดนว่า หากกฎหมายการชุมนุมในที่สาธารณะมีผลบังคับใช้ตำรวจจะต้องปฏิบัติหน้าที่ใช้อำนาจที่มีอยู่ให้ดี ไม่ควรจะมีเกียร์ว่าง

ในช่วงท้ายวิทยากรเปิดโอกาสให้ผู้สัมมนาซักถาม ปรากฏว่ามีตำรวจชั้นผู้น้อยลุกขึ้นสะท้อนปัญหาการทำหน้าที่ของตำรวจ โดยสอบถามนายตำรวจระดับสูง รวมถึงนักวิชาการว่าไม่ว่ารัฐ บาลชุดไหนหรือนายกฯคนไหนรับตำแหน่งก็บอกว่าจะเข้ามาแก้ปัญหาหนี้สินครู หนี้สินเกษตร กร แต่ไม่เห็นมีนายกฯคนไหนบอกว่าจะแก้ปัญหาหนี้สินให้ตำรวจ

"วันนี้ตำรวจชั้นผู้น้อยมีหนี้สินกันทุกคน คนเหล่านี้ไม่เครียดกันหรือ แต่พวกเราก็ต้องออกไปปราบโจร อยากให้พวกท่านเมตตาตำรวจชั้นผู้น้อยทั่วประเทศที่มีหนี้กันทั้งนั้น อยากให้รัฐบาลและนักวิชาการมาแก้ปัญหาตรงนี้ให้ก่อน เพราะพวกผมมั่นใจว่าถ้าให้ตำรวจปลอดหนี้ บ้านเมืองจะเข้าสู่ความสงบสุขได้ เพราะเราจะมีขวัญและกำลังใจทำงานมากขึ้น" นายตำรวจชั้นผู้น้อยกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำถามดังกล่าวทำให้บรรดาตำรวจชั้นผู้น้อยปรบมือเห็นด้วยลั่นห้องประชุม ขณะที่บรรดานายตำรวจชั้นผู้ใหญ่มีสีหน้าเคร่งเครียด นอกจากนั้นมีตำรวจชั้นผู้น้อยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แสดงความน้อยใจที่ไม่ได้รับการเหลียวแลจากตำรวจชั้นผู้ใหญ่ รวมถึงที่ผ่านมาทำเรื่องขอย้ายออกนอกพื้นที่หลายครั้งแต่ถูกปฏิเสธ จนต้องสมัครใจอยู่ในพื้นที่ต่อไปทั้งที่มีสิทธิ์ขอย้ายได้ เพราะอยู่ในพื้นที่มาหลายปี ส่วนเพื่อนตำรวจที่ไม่ได้ย้ายก็ต้องเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบ

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker