เมื่อเทียบปริมาณผู้ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในวันก่อนกับวันนี้
น่าใจหายทีเดียว
เมื่อครั้งก่อนตอนที่ "ม็อบพันธมิตร" เผชิญหน้ากับรัฐบาล "ทักษิณ ชินวัตร-สมัคร สุนทรเวช-สมชาย วงศ์สวัสดิ์"
ปริมาณผู้ชุมนุมในหลักหมื่นถึงหลายหมื่นคนเป็นเรื่องธรรมดาอย่างยิ่ง
จะเคลื่อนขบวนไปทางไหนก็สั่งการผ่าน "เอเอสทีวี" มวลชนก็จะเคลื่อนไปที่นั้นทันที
กลุ่มพันธมิตรฯเป็นผู้เปิดมิติใหม่ของการชุมนุม เพราะเป็น "ม็อบทีวีดาวเทียม"
มีการถ่ายทอดสดตลอดการชุมนุม และสั่งการมวลชนผ่านทีวี
แต่วันนี้นับตั้งแต่ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี และเกิดภาวะ "น้ำแยกสาย ไผ่แยกกอ" กับกลุ่มพันธมิตร
"ม็อบพันธมิตร" กลับลดปริมาณลงอย่างน่าใจหาย
ตอนที่ชุมนุมที่หน้ารัฐสภา คนที่เข้าร่วมมีเพียงหลักร้อย สูงสุดแค่พันเศษ
"สนธิ ลิ้มทองกุล" จึงตัดสินใจนัดชุมนุมใหญ่ครั้งใหม่ในวันที่ 25 มกราคม 2554 โดยมีการโหมประโคมผ่านเอเอสทีวี และสื่อในเครือผู้จัดการ ล่วงหน้า
ทุกคนจับตามองว่าปริมาณคนที่ร่วมชุมนุมจะมากแค่ไหน
สุดท้าย ปริมาณคนเข้าร่วมในวันแรกสูงสุดประมาณ 5,000 คน และเริ่มร่อยหรอลงเรื่อยๆ
จนกลายเป็นภาระของช่างกล้อง "เอเอสทีวี" ที่ต้องหลบมุม ไม่ถ่ายภาพมวลชนหน้าเวที
ความหวังของแกนนำพันธมิตรฯอยู่ที่ช่วงคืนวันศุกร์ ต่อเนื่องถึงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์
เขาหวังว่าคนต่างจังหวัด และคนกรุงเทพจะเข้าร่วมชุมนุมในหลักหมื่นเหมือนเดิม
คำถามที่น่าสนใจก็คือ ทำไมปริมาณ "ม็อบพันธมิตร" จึงลดน้อยถอยลงอย่างน่าใจหายเช่นนี้
และบางที "คำตอบ" ที่ได้รับจะช่วยคลายปริศนาที่คนสงสัยกันมานาน
ใครอยู่เบื้องหลัง "ม็อบพันธมิตร" ในการล้มรัฐบาลทักษิณ-สมัคร และสมชาย
ใครอยู่เบื้องหลังการขนคนเข้าร่วม "ม็อบพันธมิตร"
"ปัจจุบัน" คือ คำตอบของ "อดีต" ได้เป็นอย่างดี
.................
สาเหตุที่ทำให้ "ม็อบพันธมิตร" ลดพลังลงมาจากเหตุผล 3 ประการ
ประการแรก ประเด็นเรื่อง "กัมพูชา" ที่ชูขึ้นมาในช่วงเวลานี้มี "น้ำหนัก" น้อยเกินไป
ยากระตุ้นที่ใช้มาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อใช้บ่อยขึ้นก็ย่อมมีประสิทธิภาพน้อยลง
กระแส "ชาตินิยม" ที่เคยถูกกระตุ้นอย่างรุนแรงและได้ผลตั้งแต่เรื่องปราสาทพระวิหารเมื่อครั้งรัฐบาล "สมัคร สุนทรเวช" จึงไม่ได้ผลในวันนี้
และข้อเสนอ 3 ข้อของกลุ่มพันธมิตรแรงเกินไป
ประการที่สอง คู่ชกของ "ม็อบพันธมิตร" คือ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"
ไม่ใช่ "ทักษิณ-สมัคร-สมชาย"
ถ้าบอกว่า "ม็อบพันธมิตร" หรือ "ม็อบเสื้อแดง" นั้นเกิดจาก "ความโกรธ-ความเกลียด"
"อภิสิทธิ์" นั้นอาจเรียก "ความโกรธ-ความเกลียด" จาก "คนเสื้อแดง" ได้
แต่ไม่มีแรงดึงดูดที่แรงพอสำหรับ "คนเสื้อเหลือง"
ประการที่สาม มวลชนที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ไม่ขยับ
ที่ชัดเจนคือมวลชนจากภาคใต้อยู่ในระดับนิ่งสนิท
มวลชนของ "พันธมิตร" ในอดีตนั้นประกอบด้วย 3 ส่วน คือ 1.กลุ่มสันติอโศก 2.คนที่ชื่นชม "สนธิ" และ 3. มวลชนของ "ประชาธิปัตย์"
ณ วันนี้มวลชนของกลุ่มพันธมิตรฯยังเหลือถึง 2 กลุ่ม คือ "สันติอโศก" และกลุ่มที่นิยม "สนธิ"
ขาดไปเพียงกลุ่มเดียว คือ มวลชนของ "ประชาธิปัตย์"
ขาดไป 1 กลุ่ม เหลือ 2 กลุ่ม แต่ปริมาณคนกลับหายไปกว่าครึ่ง
นั่นเป็น "คำตอบ" ว่ามวลชนส่วนใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรฯในอดีตนั้นมาจากไหน
และเป็น "คำตอบ" ว่าพลังมวลชนที่ล้มรัฐบาล "ทักษิณ-สมัคร-สมชาย" มาจากไหน