คอลัมน์ เหล็กใน
สมิงสามผลัด
ประกาศลั่นห้ามม็อบพันธมิตรและม็อบคนไทยหัวใจรักชาติบุกเข้ายึดทำเนียบเด็ดขาด
อดให้นึกถึงตอนม็อบพันธมิตรยึดทำเนียบหนก่อน ไม่ได้
นายอภิสิทธิ์คนนี้ล่ะ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านนำส.ส. ประชาธิปัตย์ไปให้กำลังใจพันธมิตรถึงหลังเวทีปราศรัยที่สะพานมัฆวานฯ
ก่อนที่ม็อบเหลืองจะบุกยึดทำเนียบไม่นาน
เหมือนกับตอนที่ม็อบพันธมิตรบุกล้อมรัฐสภา 7 ตุลาก็เช่นกัน
ท่าทีของนายอภิสิทธิ์ก็สนับสนุนการเคลื่อนไหวนอกสภา ของส.ส.ประชาธิปัตย์ที่ร่วมหัวจมท้ายกับพันธมิตร
แถมยังอภิปรายในสภาจนกลายเป็นวาทะแห่งทศวรรษ
"จะหนึ่งคน หรือแสนคน รัฐบาลก็ต้องฟัง"
ที่เขียนแบบนี้ไม่ใช่ว่าสนับสนุนการยึดทำเนียบ
แต่ต้องการให้เห็นความ 2 มาตรฐานของนายอภิสิทธิ์!
อะไรที่เป็นประโยชน์ก็ใช้มาตรฐานหนึ่ง
เมื่อต้องเสียประโยชน์ก็ใช้อีกมาตรฐาน
พอโดนจับผิดก็จะอ้างว่ามันคนละสถานการณ์กัน!?
ต้องยกนิ้วให้เป็นสุดยอดนายกฯ จริงๆ
แต่อีกฝ่ายก็ใช่ย่อย มาตรฐานพอๆ กัน
จากเดิมกอดกันกลม ผลักดันกันจนได้เป็นรัฐบาล
แต่พอถึงวันที่ผลประโยชน์ไม่ลงตัว!?
คำหวานๆ ที่เคยยกยอ กลายเป็นคำก่นด่า สาปแช่ง
ขนคนออกมาขับไล่กันแบบง่ายดาย
ยึดวิธีแบบเดิมๆ ที่เคยใช้ ยึดที่นั่นยึดที่นี่
เป้าหมายคือการล้มรัฐบาลให้ได้แค่นั้นพอ
แต่ที่รับไม่ได้เลยคือแนวคิดสุดโต่ง ย้อนยุค
หาทางออกให้ประเทศชาติแบบพิลึกพิลั่น
ปลุกกระแสคลั่งชาติ-กู้ชาติ
หวังให้เกิดสงครามระหว่างประเทศ
โดยไม่คำนึงถึงผลเสียใหญ่หลวงที่จะเกิดตามมา!
ล่าสุดยังเกิดข่าวลือกันกระหึ่มเมือง
มีแผนเตรียมผลักดันให้เกิดการปฏิวัติ-รัฐประหารขึ้นอีกรอบ
หวังล้มรัฐบาลอภิสิทธิ์ ล้างไพ่ใหม่อีกหน
เหมือนกับตอนที่รัฐประหาร 19 กันยา 49 โค่นรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร
แปลกใจจริงๆ คิดกันได้แค่นี้เองหรือ?
โค่นล้มคนเก่า ผลักดันคนใหม่ขึ้น
คนใหม่ทำไม่ถูกใจก็โค่นล้มอีก
หนีไม่พ้นจริงๆ วงจรอุบาทว์
แต่ก็ยังโชคดีที่คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการ แบบนี้
ไม่เอาด้วยกับการปลุกกระแสคลั่งชาติพิลึกพิลั่น
ผู้ชุมนุมเลยโหรงเหรงบางตา
ที่สำคัญไม่มีใครอยากให้บ้านเมืองเสียหายและบอบช้ำไปกว่านี้