บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอังคารที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2551

ญาติของป๋า!!!

คอลัมน์ : โต๊ะข่าวประชาทรรศน์

รักษาคุณภาพ “ปากไม่มีหูรูด” พูดจาส่งเดช...แล้วรับประกันซ่อมฟรีว่าไม่มีใครเกิน บุรุษผู้ปั้นน้ำเป็นตัวยอดชายนายคนนี้ไปได้?

ออกมาปั้นจิ้มปั้นเจ๋อคราใด...ก็พูดให้ “ขาวเป็นดำ” และ “ดำเป็นขาว” ได้อยู่เสมอ

ครั้งนี้อีกเช่นกัน “นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์” ผู้สวมสีเสื้อ ส.ส. ระบบสัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์...แต่ทำงานด้อยค่า ไม่คุ้มกับภาษีที่ชาวบ้านจ่ายให้ยาไส้แต่ประการใด

เพราะตลอดเวลาที่เข้าไปเป็น “ผู้แทน” นั้น...“นายสมเกียรติ” ได้จิ๊กและลักเวลาของการทำหน้าที่ ส.ส. ผู้ทรงเกียรติ...

ไปยืนอยู่แถวหน้าในการเป็น 1 ใน 9 กบฏ ของแกนนำพาลทะมิด ยึดทำเนียบรัฐบาลตาหน้าเฉย

ลืมคุณสมบัติการบำรุงสุขปลดทุกข์ให้แก่ชาวบ้านเสียงั้นแหละ

และอย่างที่บอกชิมลางเอาไว้กับมิตรรักแฟนเพลงเป็นกระสายยาเมื่อตอนต้นนั้น...

อันพฤติการณ์ของ “นายสมเกียรติ” ไม่ว่าจะเซด หรือตะแงวอะไรออกมาที

ล้วนแต่เข้ารกเข้าพง ไม่ถูกกาลเทศะเอาเสียทุกเรื่อง

และล่าสุดเปียกๆ แฉะๆ “นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์” ไปตู่เอาคำพูดของ “พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” ประธานองคมนตรี
และรัฐบุรุษ มาตีขลุมทึกทักอย่างไม่เป็นโล้เป็นพาย หนักข้อยิ่งขึ้นไปอีก???

ด้วยการส่งสัญญาณเป็นคุ้งเป็นแคว ทะแรดทะแหล เกินความเป็นจริง

โดยสมอ้างว่า “ฯพณฯ พล.อ.เปรม” ตั้งธง ตีธง ฟันธง ลงมาว่า “นายกรัฐมนตรี” ตั้งแต่อันดับที่ 24-25 และ 26 ต้องเข้าปิ้ง

สังเวยซังเต-นอนเปล คุกแน่นอน!!

และนายกรัฐมนตรี 3 คนดังว่า เป็นใครไม่ได้ นอกเสียจาก “พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร” “นายสมัคร สุนทรเวช” และนายกรัฐมนตรีคนใหม่ป้ายแดง “นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์”

ซึ่งการออกมาลักไก่ ตีปลาหน้าไซว่า 3 นายกรัฐมนตรีจะต้องกลายเป็น “นักโทษ” ในเรือนจำ ด้วยข้อหา “ซื้อเสียง” และ “ทุจริต” นั้น

อยากถามเป็นการบ้านไปถึง “นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์” ที่ตกเป็นผู้ต้องหาตัวจริงเสียงจริง ในการทำกบฏยึดทำเนียบรัฐบาลกันเสียหน่อย...

ท่านเอาพฤติการณ์ตรงไหนว่า “นายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ทุจริตและซื้อเสียง

เพราะ “นายกฯ สมชาย” ยังไม่ได้เซ็นชื่อแม้แต่แกร๊กเดียวในฐานะนายกรัฐมนตรี

ฉะนั้น จึงไม่น่ามีความมัวหมอง กระด่างกระดำ แม้แต่ปลายนิ้วก้อยเดียว???

เมื่อว่ากันถึง “พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” แล้ว...ท่านมักถูกคนหยิบชื่อเอาไว้ขายว่า สนับสนุนฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ จนดูอีนุงตุงนัง มั่วและวุ่นไปหมด

แต่ของแท้แน่นอนเสียยิ่งกว่าแช่แป้ง...เมื่อได้รับการยืนยันจาก “ท่านสังข์ทองเงาะป่า” คุณพี่สุรศักดิ์ มณีศรี นักการเมืองเก๋าลายครามแห่งเมืองสงขลา

ยืนยัน นั่งยัน นอนยันว่า “บิ๊กป๋า” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ กับ “ท่านนายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์” สืบสายเลือดวงศ์วานพงศ์เผ่าเดียวกันมาทั้งดุ้น

ใครที่ไม่ทราบ ขอความกรุณาได้สดับรับรู้เอาไว้ว่า...ถึง “บิ๊กป๋าเปรม” ได้ชื่อว่าเป็นตัวแทนแห่งสัญลักษณ์ “จ.สงขลา”

ขนาดที่ว่ามีขื่อ “สะพานติณสูลานนท์” เป็นจุดขายของ จ.สงขลา กันทีเดียวเชียว

แต่พื้นเพบ้านเกิด กำเนิดก่อเกิดเป็นตัวตนของ “พล.อ.เปรม” ท่านลืมตาดูโลกครั้งแรกที่ จ.นครศรีธรรมราช...

เมื่อโตขึ้นก็จับรถห้อตะบึงมาเรียนอยู่ที่ “สงขลา” จึงเกิดความผูกพัน สร้างชื่อเสียงขจรขจายให้กับ “จ.สงขลา” จนขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งของภาคใต้

คนส่วนใหญ่ที่ไม่รู้จึงโมเมว่า “ป๋าเปรม” เป็นคนสงขลานั่นปะไร!!

แต่ที่แท้แล้ว “ป๋าเปรม” เป็นคนเมืองนครฯ และมีความผูกพันเป็นญาติพี่น้องกับ “นายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์” อีกต่างหาก??

โดยทั้งนี้ “คุณพี่สุรศักดิ์ มณีศรี” ชายในร่างกำยำแต่ผิวดำเหมือน “เงาะป่า” ก็ไม่ปาน...แต่ภายในร่างกาย หัวใจเปรียบไปด้วยทองนพคุณไม่ผิดกับ “สังข์ทอง” ถอดรูปก็ว่าได้

ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า “นายกฯ สมชาย” เป็นญาติทางข้างฝ่ายคุณแม่ของ “พล.อ.เปรม”

นับกันแล้ว เป็นญาติที่มีสายเลือดเดียวกันอย่างไม่มีอะไรแปลกปลอม

เหมือนกับ “อดีตนายกฯ สมัคร สุนทรเวช” ก็เป็นญาติที่สนิทชิดเชื้อกับ “บิ๊กเปย” พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร 1 ในแกนนำปฏิวัติ 19 กันยายน...

หลังมีการอันดับนับญาติกันแล้ว “พล.อ.สพรั่ง” ก็ไม่ออกมาแอ็กชั่นแม้หนเดียว

จากที่ “พล.อ.เปรม” มีความเป็นญาติกับ “นายกฯ สมชาย” ดังนั้น...

เชื่อว่าคงทำให้สถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายลงไป ได้กระทงความ

แต่ที่เป็นห่วงก็พวกที่ไปลักเอาชื่อ “พล.อ.เปรม” มาหากิน

เอาคำพูดที่ “ป๋าเปรม” ไม่ได้พูด...เอามาโคลนนิ่ง สร้างความเสื่อมเสียให้กับป๋า

พวกนี้สมควรถูกด่าจริงไหมล่ะคุณ???

กะพรุนไฟ



'จำลอง' มึนบอกโห่ไล่นายกฯเรื่องปกติ

เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ที่กลุ่มพันธมิตรฯระบุว่าการเมืองใหม่ จะต้องปฏิรูปองค์กรอิสระ โดยเฉพาะ กกต.ที่ต้องออกแบบโครงใหม่หมด เนื่องจากถูกนักการเมืองแทรกแซงได้ง่ายว่า ไม่ทราบว่าจะออกแบบได้อย่างไร เพราะการที่พันธมิตรฯทำผิดกฎหมายโดยการบุกเข้าไปยึดครองทำเนียบ ต้องถามว่าทำถูกต้องหรือไม่ ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องการเมืองใหม่ ในส่วน กกต.ถ้าสภาฯเห็นว่า สมควรจะต้องมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงจริง เรายินดีสลายตัวไป เพราะไม่มี กกต.คนไหนยึดติดกับตำแหน่ง ส่วนที่แกนนำพันธมิตรฯ ระบุว่า มี กกต.2 คนไปรับเงินนักการเมือง ที่โรงแรมเรดิสัน เพื่อยื้อคดียุบพรรคนั้น เรื่องนี้ได้ดำเนินการฟ้องร้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ พร้อมพวก และหนังสือพิมพ์ในเครือข่ายของนายสนธิอีก 7 ฉบับเรียบร้อยแล้ว จากนี้ขอให้นำหลักฐานข้อเท็จจริงมาแสดงกันที่ศาล ทั้งนี้คงไม่มีใครโง่ไปรับเงินรับทองกันที่โรงแรม เรื่องนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับคดีที่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ที่ถูกศาลตัดสินจำคุก 2 ปี จากกรณีที่ไปกล่าวหานายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯกทม. ว่าไปรับเงินสินบนมา ดังนั้น เห็นว่า คดีนี้ต้องใช้บรรทัดฐานเดียวกัน และศาลอาจสั่งไม่ให้ประกันตัวจำเลยได้

“สดศรี” ลั่นสรุปคดี “วิฑูรย์” ต.ค.

นางสดศรีกล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าการพิจารณาสำนวนคัดค้านการเลือกตั้งของนายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.สัดส่วน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น กรณีถูกร้องเรื่องการแจกบัตรชมภาพยนตร์และปราศรัยหาเสียงในโรงภาพยนตร์นั้น หลังจาก กกต.มีมติให้ขยายเวลา 15 วัน เพื่อให้สอบพยานเพิ่มเติมตามที่ผู้ร้องเสนอนั้น ล่าสุดทราบว่าสอบพยานไป 2 ปาก ส่วนที่เหลือยังไม่ทราบว่าทำไมจึงไม่ได้สอบ ทางคณะอนุกรรมการสอบฯบอกว่าขณะนี้มีน้ำหนักเพียงพอแล้ว คาดว่าอนุกรรมการสอบฯ น่าจะยื่นเรื่องมาให้ กกต.ได้ในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม กกต.จะพิจารณาว่าสมควรตัดพยานที่เหลือหรือไม่ เมื่อถามว่า โดยส่วนตัวเห็นว่าสืบพยานเพียงพอแล้วหรือไม่ นางสดศรีตอบว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และเป็นเรื่องการเมืองด้วย และนายวิฑูรย์ก็เคยมายื่นหนังสือขอไม่ให้สืบพยานเพิ่ม เมื่อถามอีกว่า เกรงว่าเป็นเรื่องการเมืองและโยนมาให้ กกต.หรือไม่ นางสดศรีตอบว่า แน่นอน ตลอดเวลาที่ทำงาน กกต.มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องตลอด กกต.ต้องดูที่พยานหลักฐานที่สำคัญที่สุดว่า วีดิโอที่ถ่ายไว้ชัดเจน มีการหาเสียงในโรงภาพยนตร์จริงหรือไม่ มีการแจกตั๋วหนังหรือไม่ อย่างไรก็ดี คาดว่า กกต.จะพิจารณาเสร็จได้ภายในเดือน ต.ค.นี้แน่นอน ส่วนคดียุบพรรคอื่นๆที่มองว่ามีความล่าช้านั้น ไม่ใช่ความผิดของ กกต. เพราะได้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดไปแล้ว

อ่านรายละเอียดต่อ ไทยรัฐ


ปัญหาพรรคการเมืองไทย

กรุงเทพฯ 29 ก.ย.- กระแสการเมืองใหม่ที่กลุ่มพันธมิตรฯ กำลังโยนหินถามสังคม ทั้งระบบเลือกตั้ง, จำนวน ส.ส. ส.ว. รวมถึงคำถามที่ตามมาว่าการเมืองไทยจำเป็นต้องมีพรรคการเมืองหรือไม่ โจทย์เหล่านี้เป็นเพียงแค่การแสดงความเห็นและยังไม่เป็นรูปธรรม

แต่ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันคือระบบการเมืองตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบฯ ที่เกี่ยวข้องหลายๆ ประเด็น มีการนำต้นแบบมาจากประเทศเยอรมนี ด้วยเหตุนี้ กกต.จึงได้เชิญผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับพรรคการเมืองของเยอรมนี มาให้ความรู้ว่าพรรคการเมืองที่ดีควรเป็นรูปแบบใด ติดตามจากรายงาน.

ชมรายละเอียด สำนักข่าวไทย


สู้ยิบตา

สู้ยิบตา

27 กันยายน 2551

นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของไทยเป็นประชาธิปไตยเทียม ประชาชนจะแสดงออกได้มากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับความพึงพอใจและความเห็นชอบของคนเพียงคนเดียว ประชาธิปไตยของไทยได้ถูกครอบงำโดยอีกระบอบหนึ่งโดยสมบูรณ์เมื่อนายปรีดี พนมยงค์ ได้ลี้ภัยทางการเมืองไปอยู่ต่างประเทศ คนไทยได้ถูกสะกดให้ยอมรับการครอบงำนี้ด้วยสงครามข้อมูลข่าวสารหรือการโฆษณาชวนเชื่อที่จงใจยัดเยียดให้คนไทยเสพทางโทรทัศน์และวิทยุทั้งก่อนและหลังข่าว 2 ทุ่มมาตั้งแต่เกิดเริ่มจำความได้จนบางคนสิ้นอายุขัย จากคำว่า “ไม่” เริ่มกลายเป็น “ไม่แน่ใจ” แล้วก็กลายเป็น “ใช่และเทิดทูน” ไปในที่สุด มีน้อยคนที่จะรู้เท่าทันเล่ห์กลนี้ เช่นเดียวกับสาวกพันธมิตรฯ ที่มีต้นกำเนิดมาจาก ASTV จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนไทยผู้รักประชาธิปไตยจะปลดแอกตนเองออกจากระบอบครอบงำนี้ได้ ถ้าไม่สู้ยิบตาเยี่ยงชาวบ้านบางระจันบรรพบุรุษผู้ให้กำเนิดตำนานการต่อสู้ของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนของแท้เป็นครั้งแรกและยังคงเป็นเพียงครั้งเดียวของไทย

นาทีทองประชาธิปไตยของไทยเคยมีอยู่จริงเพียงช่วงสั้นๆ คือ เริ่มต้นตั้งแต่วันที่คณะราษฎร์สามารถยึดอำนาจและเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ พ.ศ.2475 ได้สำเร็จและสิ้นสุดลงเมื่อวันที่นายปรีดีฯ ได้เดินทางออกนอกประเทศเพื่อลี้ภัยทางการเมือง นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาประชาธิปไตยของไทยกลายเป็นเพียงภาพลวงตาที่สามารถหลอกได้เพียงคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ในสายตาของชาวต่างชาติ ประเทศไทยยังคงถูกปกครองด้วยระบอบเดิมเพียงแต่เปลี่ยนแปลงรูปแบบและวิธีการ การเรียกร้องประชาธิปไตยทุกครั้งที่ผ่านมา เป็นเพียงแผนการหนุนหลังของคนบางคนที่ต้องการทำให้ฝ่ายทหารอ่อนกำลังลงเพื่อปกป้องอำนาจการครอบงำการปกครองของตัวเองให้ยังคงอยู่เท่านั้น

อดีตสอนให้ผู้กำอำนาจครอบงำประเทศรู้และเข้าใจว่า การรักษาไว้ซึ่งอำนาจของตัวเองให้คงอยู่ต้องมีปืนของทหารเป็นพวก การมุ่งสร้างฐานอำนาจด้วยระบบอุปถัมภ์ข้าเก่าเต่าเลี้ยงในกองทัพจึงถูกดำเนินเรื่อยมาอย่างช้าๆ ตั้งแต่รัฐบาลปรีดีฯ สิ้นสุดลงต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลายาวนานกว่า 70 ปี ใครนามสกุลไม่คุ้นหูหรือไม่มีเส้นสายอย่าได้หวังว่าจะได้เจริญรุ่งเรื่องในหน้าที่การงาน ซึ่งมันได้ผลรัฐบาลใดๆ ก็ไม่สามารถสั่งทหารซึ่งเป็นเพียงเครื่องมือชิ้นหนึ่งของรัฐบาลประชาธิปไตยให้ทำการใดๆได้ แม้ว่าคำสั่งนั้นจะเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายทุกประการก็ตาม กองทัพไทยจึงเป็นเครื่องมือของผู้กำอำนาจครอบงำระบอบประชาธิปไตยไม่ใช่เครื่องมือของรัฐบาลไทย

ความเจริญของประเทศ ความฉลาด และความรู้คุณค่าสิทธิเสรีภาพของตัวเองคือก้างขวางคอชิ้นใหญ่การดำรงอยู่ของระบอบครอบงำ รัฐบาลใดมีแนวโน้มจะทำให้ประเทศไทยเจริญแบบก้าวกระโดดจึงถูกโค่นอำนาจลงด้วยการปฏิวัติเสียทุกครั้ง ครั้งล่าสุดคือรัฐบาลทักษิณฯ ของคนจน ทักษิณฯ คือนายกรัฐมนตรีคนที่สองที่กล้าประกาศกร้าวว่าคนจนในประเทศไทยจะหมดไป แต่ก็เป็นได้เพียงฝันครั้งที่สองของคนจน

สงครามนี้ต้องสู้ยิบตาอย่างชาวบางระจัน ตียันไว้ให้ได้เพื่อยืดเวลาให้ข้าศึกผู้เฒ่าอ่อนล้าสิ้นหวังจนยอมแพ้หรือตายไปเองเพราะสิ้นอายุขัย ชาวบางระจันยันไว้ได้ไม่นานนักเพราะกำลังมีน้อย แต่พวกเราชาวประชาธิปไตยซึ่งมีอยู่กว่าค่อนประเทศทำไมจะไม่ชนะ แต่ชนะไม่ง่ายเพราะฝ่ายตรงข้ามมีทหารค้ำอยู่ สงครามจึงยืดเยื้อจนทำให้หลายๆคนเกิดการท้อแท้เพราะไม่รู้ความเป็นไปของสงคราม เมื่อท้อแท้ก็จะท้อถอยและยอมแพ้ไปในที่สุด แม้รัฐบาลของประชาชนจะถูกถอดถอนจนหมดก็ไม่ใช่สาระสำคัญที่ทำให้เกิดการได้เปรียบหรือเสียเปรียบในการต่อสู้ครั้งนี้เลยแม้แต่น้อย กำลังใจและรู้เท่าทันสถานการณ์ต่างหากที่เป็นตัวชี้วัดผลแพ้ชนะของสงครามนี้ โปรดระลึกไว้เสมอว่า ถ้าท่านยอมแพ้แล้วใครจะสู้ ลูกหลานจะพ้นคำว่า “ไพร่” เพราะท่านไม่ใช่เพราะลูกหลานของเขา เรามาช่วยกันนับสองต่อจากบรรพบุรุษชาวบ้านบางระจันกันเถิด

จาก thaifreenews

ขอเสนอของ 24 อธิการบดี คือ การทำรัฐประหารยึดอำนาจคนรากหญ้า


บทความ โดย ลูกชาวนาไทย

ผมเห็นอธิการบดีมหาวิทยาลัย 24 แห่ง ออกมาเข้าชื่อกัน เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมา เพื่อรื้อระบบการเมืองแล้ว ผมรู้สึกสิ้นหวัง "คนที่ได้ชื่อว่านักวิชาการ เมืองไทยจริง ๆ ครับ เพราะข้อเสนออย่างนี้ ก็คือ ก็คือ การเอาอำนาจของประชาชน ไปมอบใส่มือให้ คณะกรรมการอิสระ นั่นเอง มันไม่ต่างจากการทำรัฐประหารแต่อย่างใด เพราะกรรมการพวกนี้ ก็คงจะร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ และรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นนี้ คงไม่พ้นที่จะ ลดทอนอำนาจของประชาชน ลงไป แล้วมีการตั้งองค์กรพิเศษ หรือ มีการ ตั้งผู้แทน เข้าไปในสภา โดยผู้แทนกลุ่มนี้คงไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนแต่อย่างใด อธิการบดีพวกนี้คือ แนวรบอีกปีกหนึ่งของพวกอำมาตยาธิบไตย ซึ่งใช้ พธม. เป็นแนวรบเพื่อหาเหตุในการทำรัฐประหารมาครั้งหนึ่งแล้ว ตอนนี้ใช้ข้อ้างเพื่อยุติความวุ่นวายทางการเมือง (ที่ตนเองอยู่เบื้องหลัง) เพื่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่



กรรมการอิสระที่ตั้งขึ้นมา ก็คงไม่แคล้วที่จะเลือกขึ้นมาจาก กลุ่มนักวิชาการ ซึ่งคนพวกนี้ก็เป็น ตัวแทนของพวกศักดินาอำมาตยาธิปไตยอยู่แล้ว แทบจะขานชื่อได้เลยว่าเป็นใครบ้าง คงไม่พ้น จากนักร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 18 ฉบับที่ผ่านมา เช่น บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประเวศ วะสี สุเมธ ตันติเวชกุล หรือมีชัย ฤชุพันธ์ เป็นต้น ซึ่งตอนนี้ก็มีการขานรับกันอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย เหมือนได้เตี้ยมกันมาแล้ว

เราแทบจะเห็น และเดาล่วงหน้าได้เลยว่า ข้อเสนอของกรรมการอิสระนี้ จะมีอะไรบ้าง

ผมไม่เชื่อว่า นักวิชาการในประเทศไทย หรือกรรมการอิสระทั้งหลายที่ตั้งขึ้นนี้ จะค้นพบ "ทฤษฎีการเมืองใหม่" ที่ทันสมัยที่สุดในโลก ไม่มีเคยมีนักวิชาการใด หรือ ปราชญ์ ปรัชญาเมธี คนใดในโลกนี้เคยค้นพบมาก่อน การเมืองใหม่ที่ว่านี้จะนำพาประเทศไทยให้่เจริญก้าวหน้าทันสมัยที่สุดในโลกไปได้ มันคงไม่พ้นระบอบการเมืองที่จะคงอำนาจของพวก ศักดินาอำมาตยาธิปไตยเอาไว้อย่างแน่นอน

โลกนี้ไม่มีประชาธิปไตยในรูปแบบใหม่ หรือระบบการเมืองที่เป็นการเมือง แบบยูโทเบีย อย่างแน่นอน ไม่มีสังคมในฝันที่พวกบ้าตำรวทั้งหลาย ร่ำร้องเรียกหาอย่างแน่นอน การเรียกร้องหาผู้ปกครองที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมในอุดมคตินั้นมันเป็นไปไม่ได้ เพราะอย่าลืมว่า ผู้ปกครองในอุดมคติที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมนั้น ควรจะเป็นผู้ปกครองที่ไม่มีทรัพย์สินและครอบครัวที่จะเป็นสาเหตุของความโลภ โกรธ หลงได้ เพราะสิ่งเหล่านี้ เป็นต้นเหตุของการสูญเสีย ธรรมะ ของผู้ปกครองไปในที่สุด




ผมเห็นแต่ผู้ปกครองทั้งหลายในโลก ที่โฆษณาว่าเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม แต่กลับมีทรัพย์สมบัติที่มากมายมหาศาลเป็นมหาเศรษฐีมีเงินหลาย Billions ด้วยกันทั้งสิ้น แต่กลับกล่าวหา ด่าว่าคนอื่นไร้คุณธรรม ในขณะที่ตนเองก็มีพฤติกรรมที่ยิ่งกว่าเสียอีก



ในโลกนี้ไม่มีประชาธิปไตยในรูปแบบใหม่ มากกว่าที่เป็นกันอยู่ในโลกเวลานี้ ไม่มีระบอบใดที่ปฎิเสธ "อำนาจของประชาชน" แล้วเรียกว่าประชาธิปไตยไปได้ ไม่มีระบอบที่ลดทอนอำนาจของประชาชน แล้วได้รับการยกย่องว่าเป็นระบอบการเมืองที่ดีในอุดมคติไปได้

ดังนั้น ข้อเสนอการรื้อระบบการเมืองของนักวิชาการพวกนี้ จึงไม่มีอะไรพิสดารไปกว่า "การปฎิเสธิอำนาจประชาชน" แล้ว "สรรหาวิธีคิดที่จะมีผู้แทน" จากกลุ่มชนชั้นสูง กลุ่มผู้ปกครองขึ้นมา" ไม่ว่าจะชื่ออะไรก็ตาม ขึ้นมาเป็น "ผู้แทน" โดยไม่ผ่านการเลือกตั้งจากประชาชน" แต่ให้อำนาจผู้แทนเหล่านี้ ทัดเทียมกับผู้แทนของประชาชน เหมือนกับที่เราเห็น สว.สรรหา ที่เป็นกาฝากของระบอบประชาธิปไตยในขณะนี้นั่นเอง

ผมคิดว่าตอนนี้ คนชั้นสูง" หรือ พวกผู้มีอำนาจบารมีนอกระบบ ทั้งหลาย กำลังอับจนสิ้นหนทางที่จะหาทางคงอิทธิพลทางการเมืองของตนไว้แล้ว เพราะในขณะนี้พวกเขาไม่สามารถทำรัฐประหารได้อีกแล้ว เพราะจะถูกประเทศต่างๆ ทั่วโลกต่อต้านอย่างแน่นอน พวกนี้ใช้ตุลาการภิวัฒน์ ทำลายล้างพรรคการเมือง รัฐบาลที่มาจากเลือกตั้งของประชาชน แต่ ตุลาการภิวัฒน์ ก็ไม่สามารถทำให้พวกเขาเอาชนะทางการเมืองได้



ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาทำได้มีอย่างเดียวคือ "เสนอการร่างรัฐธรรมนูญ จากคนที่ไม่ได้มาจากประชาชน หรือพรรคการเมือง แต่มาจาก นักวิชาการสายตรง ของพวกอำมาตยาธิปไตย แล้ว "นักร่างรัฐธรรมนูญทั้งหลาย" ก็คงไม่พ้นหน้าเดิม ที่เคยร่างรัฐธรรมนูญ ทั้ง 18 ฉบับ มาก่อน พวกนี้ก็จะหาหนทางในการดัดแปลงเอาระบบ 70/30 มาใช้ ด้วยชื่อพิสดารอย่างใดอย่างหนึ่ง อย่างแน่นอน

ซึ่งมีวิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้น ที่พวกเขาจะสามารถ "คงอำนาจคนชั้นสูง" เอาไว้ได้

ไม่อย่างนั้น "ระบอบประชาธิปไำตยแบบมวลชน" จะทำลายคนพวกนี้ออกไปจากอำนาจทางการเมืองทั้งหมดอย่างแน่นอน เมื่อพวกเขาไม่มีฐานจากประชาชน ระบอบการเลือกตั้ง จึงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะให้ความเชื่อมั่นในการคงอิทธิพลทางการเมืองเอาไว้ได้

ตอนนี้ไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องคิดระบบการเมืองใหม่ให้วุ่นวาย กลุ่มพันธมิตร เป็นเพียง ม็อบจัดตั้ง จากระบอบอำมาตยาธิปไตย ที่ดันให้พวกนี้ก่อความวุ่นวายขึ้นมา เพื่อที่จะได้ใช้เป็นข้ออ้างในการ สร้างระบอบการเมืองใหม่ ที่ ลดทอนอำนาจของประชาชน เหมือนกับที่เขาใช้เป็นข้ออ้างในการทำรัฐประหารเมื่อปี
2549

ตอนนี้พวกนี้ใช้สื่อ ที่เป็นกระบอกเสียงของระบอบอำมาตยาธิปไตย ส่งเสียงขานรับ และประโคมระบอบการเมืองใหม่ และให้นักวิชาการในอาณัติ ประสานเสียง เพื่อที่จะได้สิ่งที่พวกเขาต้องการ



ระบอบประชาธิปไตย ไม่จำเป็จต้องคิดใหม่ เพราะมันมีตัวอย่างชัดเจนจากทั่วโลกอยู่แล้ว มีรูปแบบที่ชัดเจน ไม่คลุมเครือ มีตัวอย่าง มีข้อพิสูจน์มากมายแล้ว

ตอนนี้ พวก "ศักดินาอำมาตยาธิปไำตย" กำลังดิ้นเต็มที่ ตา่มอายุไข ที่กำลังจะหมดไป

จาก thaifreenews

วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2551

กกต.ยืนยันให้ความเป็นธรรมพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง วิฑูรย์ นามบุตร


ว่า พร้อมให้ความเป็นธรรมในการพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง นายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.ประชาธิปัตย์ หลังพยานมาสอบปากคำไม่ครบตามที่ร้องขอ

นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง กำกับดูแลกิจการพรรคการเมือง ระบุว่า กกต. พร้อมพิจารณาว่าจะให้มีการสอบพยานเพิ่มในคำร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งของนายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.และกรรมการบริการพรรคประธิปัตย์ หลังอนุกรรมการสอบสวนส่งผลการสอบพยานในวันนี้ ซึ่งการสอบพยานไม่ครบทั้ง 7 ปาก ตามที่มีการร้องขอให้สอบพยานเพิ่ม เนื่องจากพยานไม่มาให้การ ซึ่งส่วนตัวมองว่าต้องให้ความเป็นธรรม เนื่องจากเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการเมือง

ก่อนหน้านี้ นางสดศรี เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับเรื่องการเงินและบัญชีของพรรคการเมือง โดยได้เตือนพรรคการเมืองที่จดทะเบียนกับ กกต.ไว้ ว่าในวันที่ 8 ตุลาคมนี้ จะครบกำหนดที่พรรคการเมืองจะต้องหาสมาชิกและสาขาพรรคให้ครบตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง ซึ่งเบื้องต้นพบว่ามีพรรคการเมือง 34 พรรค ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพรรคที่จดทะเบียนใหม่และพรรคเล็ก ไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้และเข้าข่ายอาจต้องยุบพรรค.

ชมรายละเอียด สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2008-09-29 12:13:17



วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2551

จาก 70/30 สู่ 50/50 จนถึง 30/70 ทุกสูตรก็เพื่อดันให้ ปชป ตั้งรัฐบาลเท่านั้น

บทความ โดย เพื่อนพ้องน้องพี่

จาก 70/30 สู่ 50/50 จนถึง 30/70

ทุกสูตรก็เพื่อดันให้ ปชป ตั้งรัฐบาลเท่านั้น



โดย : Bugbunny

วันเสาร์ที่ 27 เดือน กันยายน พ.ศ.2551

บรรดาแม่ค้าจอมเขี้ยวทั้งหลายนั้นชอบทำเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือบอกผ่านราคาไว้เยอะ ๆเพื่อให้ลูกค้าต่อรองกลับมา ถ้าหากไหวไม่ทันคุณก็จะเสียเงินซื้อของที่แพงกว่าราคาจริง เพราะเขาจะขายได้ในราคาที่บวกกำไรไว้สูงปรี๊ด แต่ถ้าคุณลุกขึ้นเดินหนี เขาก็จะรีบหยวนขายให้อ้างว่าเพราะเห็นแก่มิตรภาพบ้าง หรือขายให้คุณในฐานะลูกค้าพิเศษบ้าง ฯลฯ ทำให้คุณรู้สึกว่าภูมิใจที่ได้ซื้อของในราคาถูก ทั้งที่ความจริงมันก็คือราคาที่เขาตั้งใจจะขายและได้กำไรดีอยู่แล้ว

การที่พวกผู้ก่อการร้ายและกบฏเสนอตัวเลข 70/30 ในครั้งแรก ๆ ที่ต่อมาลดลงเป็น 50/50 โดยเปลี่ยนตัวชงมาเป็นนายหน้าอย่างจิ๋วนั้นก็คือวิธีการของแม่ค้าหน้าเลือดที่ไม่ได้ต่างกันนัก เพราะในความเป็นจริงพวกเผด็จการศักดินาอำมาตย์มีตัวเลขอยู่ในใจเรียบร้อยแล้วคือ 30/70 นั่นคือแต่งตั้ง 30% แล้วเลือกตั้ง 70% เพราะแค่นี้ก็เกินพอแล้วสำหรับให้ ปชป. ตั้งรัฐบาล และมาร์คได้เป็นนายกตามที่พวกศักดินาและอำมาตย์ต้องการ มิตรในแวดวงการเมืองหลายคนเสวนากันให้ความลับของตัวเลขนี้ในวงสัมมนาที่ผมไปร่วมด้วยเมื่อสองสามวันก่อน

ที่เป็นเช่นนี้นั้น มิตรสหายในแวดวงการเมืองคำนวณจากตัวเลข สส.ของ ปชป.จากทั่วประเทศ ที่ปัจจุบันจะขึ้นลงอยู่ที่ 20%– 30% ของจำนวน สส.ในสภา เป็นตัวเลขที่ผันแปรไม่มากนักมาตลอดการเลือกตั้งที่ผ่านมา ไม่เคยปรากฏว่าตัวเลข สส.ของ ปชป.จะได้เกิน 50% ไม่ว่าจะใช้วิชามารแบบไหน รวมถึงวิชามารเลือกตั้งล่วงหน้าที่ถือเป็นเคล็ดวิชามารระดับสุดยอดแบบพลังพิฆาตแผ่นดินขนาดนั้นก็ยังไม่มีปัญญาให้ ปชป.มี สส.เกิน 30% เท่านั้นยังไม่พอ ปชป.เป็นพรรคที่ไร้เพื่อน หรืออีกอย่างหนึ่งคือไม่มีคนคบ นอกจากจำเป็นจริง ๆ เว้นแต่จะเปลี่ยนหัวหน้าและกลุ่มพลพรรคทีมเช็ดเมียเพื่อนออกไปจึงจะพอคุยกันได้ เพราะอะไรเขาไม่บอก นอกจากหัวเราะอย่างเยาะหยัน บอกได้ว่ามิตรคนนี้รู้จักเส้นสนกลในของพรรคสวิงกิ้งดีมาก

เมื่อทำได้แค่ 30% และถือเป็นสุดยอดแล้ว ถ้าจะตั้งรัฐบาลก็ต้องหาเสียงสนับสนุนมาอีกประมาณ 20%-30% จึงมาถึงทางเดียวที่ทำได้คือการเอาพลพรรคกบฏและนักวิชาการกลุ่มที่ขุนเลี้ยงไว้อย่างอธิการบดีทั้งหลาย กลุ่มสมศักดิ์เครา ฯลฯ เข้ามาเป็น สส.สรรหาในสภา ฯ อีกเท่าที่ต้องการ เพื่อช่วยโหวตให้ มาร์ค แมลงสาป และพรรคสวิงกิ้งตั้งรัฐบาลได้ พึงเข้าใจว่านี่เป็นการทำงานเป็นทีม เพราะพรรคสวิงกิ้งนั้นใครบ้างที่เชียร์ก็รู้กันอยู่ มันเป็น Conspiracy เป็นทีมงานที่ร่วมกันทำงาน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มกบฏก่อการร้ายยึดทำเนียบ บ้านหลายเสา คมช และอื่น ๆ รวมทั้งมือที่มองไม่เห็น ฯลฯ

ตัวเลข สส.30% ของพรรคสวิงกิ้งบวกกับพวกลากตั้ง อีก 30% ก็จะมี สส.เกินครึ่งในสภา ตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากได้ ตามตัวเลขชี้ได้ว่าต้องการแค่นี้ก็พอ พรรคสวิงกิ้งและมาร์ค แมลงสาป ก็จะตั้งรัฐบาล เป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้งในสภาที่สังคมโลกว่าอะไรไม่ได้ และทุกคนก็ลอยตัว ไม่ต้องทำงานอะไรเพื่อประชาชนแบบที่เคย ๆ กันมาก่อนยุคทักษิณ ปล่อยให้ชาวบ้านยากจนทำมาหากินเสียภาษีมาเลี้ยงดูอภิสิทธิชนทั้งหลายกันต่อไป เขาต้องการรักษาสภาพนี้เอาไว้ในสังคมไทย คนพวกนี้ได้เปรียบเพราะคุ้นเคยกับการอยู่ดีกินอร่อยปล่อยให้ชาวบ้านอดอยากยากเข็ญเลือดตาแทบกระเด็นกันไปเรื่อย ๆ มาหลายศตวรรษ โดยไม่ถือว่าเป็นเรื่องของพวกเขาแต่ประการใด

ถ้าเห็นตัวเลขตาสว่างกันแล้ว ก็ต้องต่อต้านการทำทีลดข้อเรียกร้องของพวกมันจาก 70/30 เป็น 30/70 ซึ่งน่าจะต้องเป็นเช่นนี้แน่นอน ตามสไตล์แม่ค้าหน้าเลือดบอกราคาผ่านเยอะ ๆ ที่เอามาใช้ในการปกครองประเทศ อย่ายอมให้มี สส.ลากตั้งเด็ดขาด มันเป็นแผนของชนชั้นปกครองที่จะให้นานาชาติยอมรับเท่านั้น เพราะรัฐประหารยึดอำนาจนั้นทำไม่ได้ โดนต่อต้านจากสังคมโลกรุนแรงแน่ ก็เล่นระบบนี้แหละ รัฐประหารโดยตุลาการวิบัติและ สส.ลากตั้งในสภาการเมืองน้ำเน่าที่อ้างว่าเป็นการเมืองใหม่ ระบบนี้ฟังมาว่าเสนอโดย นายบวรศักดิ์ ที่อ้างว่าเขตปกครองพิเศษฮ่องกงใช้วิธีนี้ แต่ไม่เคยถามคนไทยสักคำว่าจะเอาด้วยหรือเปล่า ประชาชนไม่ต้องเสือก หน้าที่ปกครองเป็นของพวกกรูเท่านั้น

จาก thaifreenews

ภาพความสัมพันธ์ระหว่าง..มือที่มองไม่เห็น..กับ ด.ช.อภิสิทธิ์ รวมทั้งผลงานที่ไม่มีใครกล้าพูดถึง!



[b]ผลงานด้านการจำกัดสิทธิมนุษยชน

* ยกเลิกคำสั่งคณะปฏิรูปฯเรื่องห้ามการชุมนุมประท้วง แต่ยังไม่ยกเลิกกฎอัยการศึก [12]
* การสั่งห้ามคนขับรถแท็กซี่ และมอเตอร์ไซค์รับจ้างในกรุงเทพเข้าร่วมการประท้วงคณะเผด็จการ/รัฐบาลทหาร สมัชชาคนจนหลายพันคนถูกสกัดกั้นไม่ให้เข้าร่วมการประท้วงในกรุงเทพฯโดยอ้างว่าพวกเขาไม่มีใบอนุญาตให้เดินทางตามกฎอัยการศึก (ซึ่งยังมีผลครอบคลุม 30 กว่าจังหวัดในเวลานั้น) [13]
* สิทธิชัย โภไคยอุดม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลนีสารสนเทศและการสื่อสาร ภายใต้รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า การวิพากษ์วิจารณ์ประธานองคมนตรีถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ดังนั้น การปิดเว็บไซต์ที่มีข้อความวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวจึงเป็นเรื่องเหมาะสม[14]
* รัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ผลักดันกฎหมายที่ระบุว่า ผู้ที่พยายามเข้าเว็บไซต์ใดๆที่รัฐบาลได้เซ็นเซอร์ไว้หนึ่งหมื่นกว่าเว็บ จะต้องรับโทษตามกฎหมาย และเอาผิดผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตที่ไม่เปิดเผยไอพีแอดเดรสของผู้ใช้แก่รัฐบาล[15]
* การปิดวิทยุชุมชนที่ต่อสายตรงสัมภาษณ์อดีตนายกฯพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ.ต.ท.ให้สัมภาษณ์หลังเกิดรัฐประหารเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 โดยได้โทรทัศน์เข้ามาที่สถานีวิทยุชุมชนคลื่น 87.75FM และคลื่น 92.75FM วันต่อมา รัฐบาลทหาร กรมประชาสัมพันธ์ และ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในได้เข้ามาตรวจสอบวิทยุชุมชนแห่งนี้ ทำให้วิทยุชุมชนนี้งดออกอากาศ[16]
* การก่อตั้งเครือข่ายสนับสนุนรัฐบาลทหารจำนวน 700,000 คนเพื่อสกัดกั้นผู้ประท้วงรัฐบาลทหาร ผบ.กอ.รมน. กล่าวว่า "เราต้องสกัดกั้นผู้ประท้วงให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ถ้ามีผู้ประท้วงน้อยกว่า 50,000 คน ก็ไม่น่าจะเกิดปัญหาอะไร"[17]
* วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2550 รัฐบาลทหารสั่งเซ็นเซอร์การแพร่ภาพการสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทาง CNN ในประเทศไทย[18]
* สั่งการให้มีการออกเอกสารลับเพื่อสกัดกั้นพรรคพลังประชาชนในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550

[แก้] สื่อสารมวลชน

* ได้ปิดสถานีโทรทัศน์ไอทีวีเมื่อวันพุธที่ 7 มีนาคม 2550
* ได้เปิดสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 8 มีนาคม 2550 และปิดตัวลงเมื่อวันจันทร์ที่ 14 มกราคม 2551 เวลา00.00 น.
* ได้เปิดสถานีโทรทัศน์ทีพีบีเอสก่อตั้งเมื่อวันอังคารที่ 15 มกราคม 2551 และ หลังจากวันที่ 1 กุมภาพันธ์ - 30 เมษายน 2551 ใช้ชื่อว่าสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และในปัจจุบันใช้ชื่อว่าสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย ทีวีสาธารณะ ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม 2551 (วันแรงงานแห่งชาติ) และได้ทดลองออกอากาศเมื่อวันที่ 1 -14 กุมภาพันธ์ 2551 โดยยังไม่มีรายการข่าวและเปิดทำการออกอากาศเป็นครั้งแรกอย่างเต็มรูปแบบโดยภายใต้องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยเมื่อวันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2551 โดยใช้สีประจำสถานีคือ สีเหลือง - ส้ม
* จัดรายการที่ให้ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลให้แก่ประชาชน คือ รายการสายตรงทำเนียบ และรายการ เปิดบ้านพิษณุโลก

[แก้] บัญชีทรัพย์สิน

คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ของคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 9 ต.ค. พ.ศ. 2549 พบว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มีทรัพย์สินรวม 25,246,091 บาท โดยเป็นเงินฝากธนาคารพาณิชย์ 5 บัญชี จำนวน 7,283,341 บาท หลักทรัพย์และเงินลงทุนอื่น 82,500 บาท ที่ดิน 9 แปลง มูลค่า 17,880,250 บาท พ.อ.หญิง คุณหญิง จิตรวดี จุลานนท์ ภริยา มีทรัพย์สินรวม 65,566,363 บาท โดยเป็นเงินฝากธนาคารพาณิชย์ 15 บัญชี จำนวน 20,620,933 บาท เงินลงทุนในหลักทรัพย์รัฐบาล 10,030,000 บาท เงินลงทุนอื่น 33,430 บาท ที่ดิน 3 แปลง มูลค่า 7 ล้านบาท บ้าน 3 หลัง มูลค่า 10 ล้าน ยาพาหนะ 3 คัน มูลค่า 3,725,000 ทรัพย์อื่น 14,157,000 บาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเครื่องประดับอัญมณี ทั้งสองคนมีทรัพย์สินรวม 90,812,454 บาท [19]

[แก้] ฉายานาม

เนื่องจากรัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประกอบไปด้วยรัฐมนตรีที่เป็นผู้สูงอายุ และข้าราชการประจำที่เกษียณอายุแล้วจำนวนมาก สื่อมวลชนจึงตั้งฉายาให้ว่า " รัฐบาลขิงแก่ " และโดยที่นายกรัฐมนตรีเองถูกมองว่ามุ่งเน้นการรักษาคุณธรรม จริยธรรม และในขณะเดียวกันก็ทำงานเชื่องช้า ทำให้ได้รับฉายาจากนายธีรยุทธ บุญมี อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าเป็น " ฤๅษีเลี้ยงเต่า " โดยตั้งล้อกับฉายาของ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยได้รับฉายาว่า " ฤๅษีเลี้ยงลิง "[20]

[แก้] ข้อวิพากษ์วิจารณ์

นอกจากจะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากรับตำแหน่งจากคณะรัฐประหารแล้ว พล.อ.สุรยุทธ์ ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องการบุกรุกป่าสงวนและการคอรัปชั่นด้วย

[แก้] การบุกรุกป่าสงวน

พลเอกสุรยุทธ์ถูกกล่าวหาว่าครอบครองพื้นที่ป่าสงวนเขายายเที่ยง ในจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งขัดต่อกฎหมายพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อพลเอกสุรยุทธ์เป็นผู้นำแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ซื้อที่ดินมาจากคนๆหนึ่งด้วยราคา 50,000 บาททั้งๆที่พื้นที่นี้มีมูลค่าตลาด 700,000 บาท ต่อมา เขาได้โอนกรรมสิทธิ์ครอบครองให้ภรรยาของเขา พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวว่าเขาจะลาออกและคืนที่ดินนี้ (ซึ่งเขาไม่ได้ปฏิเสธว่าเขาเป็นเจ้าของ) ทันทีหากพบความผิด [21] อารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวปกป้องสุรยุทธ์ว่า "พล.อ.สุรยุทธ์ซื้อที่ดินนี้มาจากคนอื่น ดังนั้นจะต้องไปถามคนๆนั้นว่าที่ดินนี้เป็นพื้นที่สงวนหรือไม่"

จรัญ ดิษฐาอภิชัย อดีตคณะกรรมการสิทธิมนุษชนแห่งชาติ กล่าวว่า "ผมรับไม่ได้ที่ใครคนหนึ่งสร้างบ้านหรูหราในพื้นที่ป่าสงวน กลับเรียกตัวเองว่าเป็นผู้มีจริยธรรมและความพอเพียง"[22]

อย่างไรก็ตาม สำนักงานคณะป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ปฏิเสธที่จะตรวจสอบคดีนี้โดยให้เหตุผลว่าไม่มีอำนาจไปตรวจสอบ กล้าณรงค์ จันทิก หนึ่งใน ปปช. กล่าวว่า พลเอกสุรยุทธ์เกษียณจากกองทัพเมื่อ พ.ศ. 2546 แต่เพิ่งมาฟ้องร้องกัน 4 ปีหลังเกษียณ ปปช. ไม่สามารถสอบสวนคดีที่มีอายุเกิน 2 ปีหลังจากเกษียณได้ [23]

จาก thaifreenews

สุขุมพงศ์ โยนนายกฯ ตัดสินใจเรื่อง กก.ปฏิรูปการเมือง


27 ก.ย. - นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งดูแลด้านกฎหมาย กล่าวถึง ข้อเสนอของอธิการบดี 24 มหาวิทยาลัย ที่ให้ตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อปฏิรูปการเมือง ว่า ดูจากข้อเสนอคร่าว ๆ แล้ว คณะกรรมการชุดนี้ไม่ใช่เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญทันที แต่คล้ายกับเป็นคณะกรรมการยกร่าง เพื่อทำประชามติ สอบถามประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไร จะมอบให้ใครเป็นผู้ดำเนินการ

อย่างไรก็ตาม นายสุขุมพงศ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีบอกแล้วว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหน้าที่ของสภาฯ ซึ่งขณะนี้สภาฯ ได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาการบังคับใช้เพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมีตนเป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ คาดว่า จะสามารถสรุปผลการศึกษาเสนอต่อสภาฯ ได้ประมาณวันที่ 20 ตุลาคมนี้

“เรื่องคณะกรรมการปฏิรูปการเมือง ขณะนี้เป็นเพียงข้อเสนอ ถ้าทำได้จริงก็จะเป็นประโยชน์ แต่จะทำได้หรือไม่ ต้องดูตัวบุคคลที่เป็นกรรมการ ว่ามีแนวคิดเป็นกลาง มีแนวคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร หากเสนอแนวทางมาแล้ว ฝ่ายการเมืองจะยอมรับได้หรือไม่ เพราะถึงอย่างไรผู้ที่มีอำนาจในการแก้ไขก็ยังเป็นฝ่ายการเมือง” นายสุขุมพงศ์ กล่าว .- สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2008-09-27 17:57:57


รมช.คมนาคม โวย พันธมิตรฯ นครศรีธรรมราช ไล่ ชัย ทำไม่ถูก

กรุงเทพฯ 27 ก.ย.-“โสภณ ซารัมย์” ระบุกรณีกลุ่มพันธมิตรฯ นครศรีธรรมราช ขับไล่ “ชัย ชิดชอบ” ไม่ถูกต้อง อ้างคนกลุ่มน้อยทำกติกาบ้านเมืองเสียหาย ยัน ถ้าคน ปชป.ไปบุรีรัมย์ ไม่ทำแบบนี้

นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคพลังประชาชน กลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวถึงกรณีที่เครือข่ายพันธมิตรฯ นครศรีธรรมราช ไม่ต้อนรับนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง หากไม่รู้จักแยกแยะอะไร ต่อไปก็คงอยู่ไม่ได้ สิ่งใดไหนพอที่จะละวางได้ ก็ควรละวาง โดยเฉพาะนายชัย เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ได้ไปทำอะไรใคร การที่กลุ่มผู้ชุมนุมทำเช่นนี้ ทำให้คนที่เป็นกลางมองว่า ประเทศไทยจะเอาอย่างไร คนกลุ่มน้อยจะทำให้กติกาบ้านเมืองเสียหาย

เมื่อถามว่า หากแกนนำพรรคประชาธิปัตย์เดินทางไป จ.บุรีรัมย์ จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้หรือไม่ นายโสภณ กล่าวว่า ไม่แน่นอน คนเป็นนักการเมือง ถ้ารู้ข่าวว่ามีคนจะทำไม่ดี กับคนที่เข้ามาในพื้นที่ แล้วไม่ทำอะไร คงไม่ได้ และว่าหากทราบว่าเกิดเหตุการณ์ไม่ดีก็จะเข้าไปห้ามปราม เดี๋ยวพวกเราจะเสีย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พูดนี้ไม่ได้หมายความว่า จะมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลังม็อบพันธมิตรฯ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเกิดเหตุการณ์จัดม็อบโจมตีนายชวน หลีกภัย ช่วงขึ้นเวทีปราศรัย ที่ จ. เชียงใหม่หรือไม่ นายโสภณ กล่าวว่า คงไม่มี แต่ก็จะมีบางพวกที่อาจจะแค้นแทน และอยากจะต่อต้าน แต่หากพวกเราทราบ ก็จะห้ามปราม.- สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2008-09-27 17:53:17

พันธมิตรฯ สัมมนาการเมืองใหม่รอบ 2 ไร้เงานักวิชาการที่สังคมยอมรับ


กรุงเทพฯ 27 ก.ย. - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ทำเนียบรัฐบาล วันนี้ (27 ก.ย.) ได้จัดเสวนา ”การเมืองใหม่ ประชาภิวัฒน์” ครั้งที่ 2 ที่โรงอาหาร ใต้ตึกบัญชาการ 1 มีแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ และเชิญตัวแทนนักวิชาการกว่า 30 คน เข้าร่วมสัมมนา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักวิชาการที่เข้าร่วมประชุมการเมืองใหม่ ครั้งที่ 1 และเป็นนักวิชาการที่ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ เช่น นายปราโมทย์ นาครทรรพ นายกษิต ภิรมย์ นายสาวิทย์ แก้วหวาน นายสุรชัย ไม้งาม

เป็นที่น่าสังเกตว่า การเสวนาครั้งนี้ ไม่มีนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำฯ เข้าร่วม และไม่มีนักวิชาการ ที่เป็นตัวแทนจากอธิการบดี 24 มหาวิทยาลัย ซึ่งเสนอแนวคิดการตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อปฏิรูปการเมือง เข้าร่วมเสวนา และการสัมมนาดังกล่าว ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชน และบุคคลภายนอกเข้าร่วมรับฟัง สำหรับวาระที่จะมีการพิจารณาแบ่งออกเป็น 6 หัวข้อ ประกอบด้วย บทบาทของ ส.ส.กับพรรคการเมือง การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม องค์กรอิสระกับการตรวจสอบอำนาจรัฐ การปฏิรูปสื่อสารมวลชน และประมวลจริยธรรมทางการเมือง.- สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2008-09-27 17:50:38

อภิรักษ์ ฉุนถูกผู้ค้าตลาดนัดจตุจักรรุมถาม-จี้แก้ปัญหาภายในตลาดนัดจตุจักร

กรุงเทพฯ 27 ก.ย. - “อภิรักษ์” ฉุนถูกผู้ค้าตลาดนัดสวนจตุจักรรุมถามและจี้แก้ปัญหาภายในตลาดนัดสวนจตุจักร ทั้งความไม่โปร่งใส การบริหารงานของ ผอ.ตลาดนัดฯ และนโยบายถนนคนเดิน พร้อมต่อสัญญาเช่ากับ รฟท.

นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เดินทางหาเสียงที่ตลาดนัดสวนจตุจักร ทักทายประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางมาจับจ่ายซื้อของ และในระหว่างการเดินหาเสียงรอบตลาดนัด กลุ่มผู้ค้าภายในตลาดฯ กว่า 20 คน พร้อมป้ายผ้าข้อความ “4 ปีที่ผ่านมาคุณอภิรักษ์ ทำอะไรเพื่อตลาดนัดจตุจักร” และต้องการให้เกิดการแก้ไขปัญหานโยบายถนนคนเดิน เนื่องจากเชื่อเป็นสาเหตุที่ทำให้กิจการการค้าภายในซบเซา

นายสงวน ดำรงค์ไทย ประธานที่ปรึกษาผู้อำนวยการตลาดจตุจักร ได้ยื่นหนังสือเรียกร้องปัญหาภายในตลาดนัดกรุงเทพมหานคร กับนายอภิรักษ์ เพื่อให้เกิดการแก้ไข โดยใจความหนังสือดังกล่าวระบุว่า เรียกร้องให้กทม.เร่งต่อสัญญาการเช่าที่ดินกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และตั้งข้อสังเกตการบริหารงานของผู้อำนวยการตลาดนัดสวนจตุจักร ส่อไปในทางไม่โปร่งใส และให้เร่งแก้ไขปัญหานโยบายถนนคนเดินภายในตลาดนัด ซึ่งภายหลังรับหนังสือดังกล่าว นายอภิรักษ์ชี้แจงถึงการทำงานที่ผ่านมา แต่มีอารมณ์ฉุนเฉียวเล็กน้อย เนื่องผู้ค้าจำนวนมากต่างรุมเข้ามาซักถาม แต่เมื่อพูดคุยกันสักพักบรรยากาศก็เริ่มคลี่คลาย

นายอภิรักษ์ กล่าวว่า การต่อสัญญากับการรถไฟฯ ถือเป็นเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการ ก่อนที่สัญญาจะหมดอายุ ส่วนการเปลี่ยนตัวผู้บริหารตลาดนัด กทม.นั้น ขณะนี้ตนไม่ได้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. แต่หากได้รับจะจัดตั้งคณะทำงานร่วมกัน ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ค้ามาแก้ไขปัญหาให้ตรง แต่เมื่อมีผู้สื่อข่าวซักถามว่าที่ผ่านมา ไม่ได้ทำอะไรให้กับตลาดนัดจตุจักรนั้น นายอภิรักษ์ กลับมีอารมณ์ฉุนเฉียวอีกครั้ง และพยายามเดินหนี และตีมือผู้สื่อข่าวที่ซักถาม พร้อมกล่าวว่าอาจไม่ทราบข้อมูลครบ และขอให้นักข่าวอย่าพูดเช่นนี้ เนื่องจากทุกที่ย่อมมีปัญหา และที่ผ่านมา กทม.ก็ได้ดำเนินการส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่จนได้รับการยกย่องเป็นเมืองน่าท่องเที่ยว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างการเดินหาเสียงภายในตลาดนัด ได้มีผู้ค้าเดินทางมาร้องเรียนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบรรดาทีมหาเสียงของนายอภิรักษ์ ได้รับเรื่องและชี้แจงแทน จากนั้นนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมาร่วมหาเสียงด้วย .- สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2008-09-27 14:55:23

จำลอง ปัดไม่รับผิดชอบ พันธมิตรฯ ใต้ชุมนุมไล่ สมชาย


ทำเนียบฯ 27 ก.ย.- แกนนำพันธมิตรฯ ย้ำไม่ได้ขัดขวางการกลับบ้านเกิดของ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ปัด ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมุนุมขับไล่นายกฯ อ้าง เป็นความคิดของพันธมิตรฯ ในพื้นที่ ไม่รับผิดชอบ หากมีความรุนแรง แต่บนเวทีกลับแจ้งกำหนดการนายกฯ พร้อมปลุกระดมให้ประชาชนปิดสนามบิน ไม่ให้กลับกรุงเทพฯ ส่วนข้อเสนอตั้งคณะกรรมการอิสระปฏิรูปการเมือง ของ 24 อธิการบดี เห็นว่าสอดคล้องความเห็นพันธมิตรฯ แต่ขอรอดูท่าทีรัฐบาลก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตั้งแต่เช้าวันนี้ (27 ก.ย.) นอกจากแนวร่วมแกนนำจะจัดกิจกรรมบนเวทีเล่าข่าวตามปติแล้ว ยังได้มีการแจ้งให้พันธมิตรฯ จังหวัดต่างๆ ในภาคใต้ ระดมพลไปยัง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อชุมนุมต่อต้าน และกดดันนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ที่เดินทางไปเยี่ยมบ้านเกิด พร้อมได้แจ้งกำหนดการของนายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ให้ทราบ และยังปลุกระดมให้พันธมิตรฯ ปิดสนามบินทั้ง 4 แห่งในภาคใต้ เพื่อไม่ให้นายกรัฐมนตรีเดินทางกลับกรุงเทพฯ ด้วย

ต่อมา เวลา 10.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ แถลงว่า การชุมนุมกดดันนายกรัฐมนตรี เป็นความคิดริเริ่มของพันธมิตรฯ ในภาคใต้เอง และการแจ้งกำหนดการของนายกรัฐมนตรีบนเวที เป็นเพียงการประสานงานให้พันธมิตรฯ ในพื้นที่ทราบ แกนนำไม่ได้มีมติ หรือเข้าไปยุ่งเกี่ยว เราให้อิสระพันธมิตรฯ ในพื้นที่อย่างเต็มที่ ในการดำเนินการต่างๆ เช่นเดียวกับเรื่องการปิดสนามบิน ก็ไม่ได้เป็นมติของแกนนำ

“ไม่ใช่เราปากว่า ตาขยิบ แต่จะไปห้ามไม่ได้ เพราะเป็นความคิดของคนที่ไม่สบายใจต่อการกระทำของรัฐบาล และแกนนำคงไม่รับผิดชอบใดๆ หากการชุมนุมเป็นไปอย่างรุนแรง และถือว่าไม่ผิด” พล.ต.จำลอง กล่าว และว่าการเดินทางไปในพื้นที่ของนายสมชาย จะไม่กระทบต่อมวลชน ให้เปลี่ยนขั้วทางการเมือง เพราะเชื่อว่าคนใต้เข้าใจการเมืองเป็นอย่างดี

ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อเสนอของอธิการบดี 24 มหาวิทยาลัย ที่เสนอให้ตั้งคณะกรรมการอิสระ เพื่อมาปฏิรูปการเมือง พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ข้อเสนอดังกล่าว เป็นการกำหนดกรอบ ที่จะนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองเท่านั้น แต่ก็เป็นความคิดที่ดี และในวันนี้ จะนำเอาแนวคิดดังกล่าว เข้าที่ประชุมเสวนาทางวิชาการการเมืองใหม่ ที่พันธมิตรฯ จะจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 เพราะถือว่า สอดคล้องกับแนวทางการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ

“หากจะต้องมีการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดการปฏิรูปการเมือง ก็อาจจะรับได้ เพียงแต่จะต้องไม่ไปแก้ไข 3 มาตราหลัก ที่พันธมิตรฯ คัดค้าน คือ มาตรา 190 มาตรา 237 และมาตรา 309 หรือแก้ไข เพื่อประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พ้นผิด” พล.ต.จำลอง กล่าว

ด้าน นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้ต้องแสดงจุดยืนในการต่อต้านการทุจริต เพื่อแสดงความจริงใจ และรักษาผลประโยชน์ของชาติ ด้วยการยกเลิกหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ หนีหมายศาล และถูกออกหมายจับในหลายคดี นายสมชายเป็นน้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องกล้าดำเนินการ ซึ่งตามระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศ สามารถยกเลิกได้ทันที .- สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2008-09-27 14:40:59


บันทึุกบทสนทนา นาทีชีวิต ในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 วันล้อมฆ่าเด็กนักศึกษา

บทสนทนาที่ก็อบปี้มาจาก C-BOX ระหว่างคุณเปรื่อง ปยุต และคุณปูนนกถึงนาทีแห่งชีวิตในเหตุกาณ์ 6 ตุลาคม 2519 ในเหตุการณ์วันล้อมฆ่าของทหารเผด็จการ กับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ซึ่งวันนี้อธิการบดีได้ขายวิญญาณให้กับพวกศักดินาไปแล้ว)



---------
เปรื่อง: ครูปูนคะ ถามจริงเคยเข้าป่าเหรอคะ
ปูนนก: เคยครับพี่เปรื่อง จริง ๆ
ปูนนก: แต่ป่าที่ว่า นี่น่ะ หมายถึงไปเที่ยวป่า นะครับ
ปูนนก: แต่ถ้าเข้าป่า หมายถึง หนี การจับกุม สมัย 6 ต.ค. 19 น่ะ
ปูนนก: ผมโตไม่มันครับ อิอิ.....
เปรื่อง: แต่ร้องเพลงเพื่อชีวิตได้
ปูนนก: โห....ผมเป็นคนชอบอ่านครับ
ปูนนก: ที่บ้านผมมี หนังสือ ประเภท นกสีเหลือง เป็นตั้งเลยครับ
เปรื่อง: พี่ก็อยู่ในหตุการณ์นะคะ 6 ตุลา
ปูนนก: อ่ออ...ครับพี่
ปูนนก: ก็พี่ที่ให้มาใน DEVน่ะ ก็มีส่วนสำคัญที่นำมาสู่ 6 ต.ค. ด้วยน่ะครับ
เปรื่อง: ทำไมคุณปูนถึงมีความคิดทางการเมืองมาทางนี้ล่ะคะ
เปรื่อง: ทั้งที่เป็นคนรุ่นหลัง
เปรื่อง: ถามเครียดไปหรือเปล่าคะ
ปูนนก: ไม่เลยพี่สนุกดี
ปูนนก: พี่เปรื่องรู้จัก จิตร ภูมิศักดิ์ หรือเปล่าครับ
เปรื่อง: คงรู้มั้งคะ
ปูนนก: ผมได้รับแรงบันดาลใจจากการอ่านหนังสือของ จิตร ภูมิศักดิ์ ครับ
เปรื่อง: พี่จะเล่าเหตุการณ์ 6 ตุลาให้ฟังเอามัยคะ
ปูนนก: ในหลาย ๆ เรื่อง
thomas: เขาตายในชายป่า เลือดแดงทาดินอีสาน อีกนาน อีกนาน อีกนาน....
ปูนนก: ดีเลยครับ
ปูนนก: ใช่ครับ คุณแมวอ้วน
ปูนนก: คุณจิตร ภุมิศักดิ์ ตายที่ อ. ภูพาน จ. นครพนม (จำวันไม่ได้) แต่ปี 2507
วันเสียงปืนแตก
thomas: พี่เปรื่องเล่าเลยๆ
เปรื่อง: ไม่นึกว่ามนุษย์จะทำกันได้ขนาดนั้น 6 ตุลา...........
ปูนนก: พี่เปรื่องอยู่ทีไหนครับ วันนั้น
thomas: เอ้...หรือเก็บเอาไว้ นัดเวลาเล่า ก็ดีนะ
เปรื่อง: อยู่ในม็อบที่ธรรมศาสตร์ค่ะ
thomas: จะได้ไปโปรโมทคนเข้ามากันก่อน
เปรื่อง: มือสั่นเลยค่ะ พอจะเล่า
ปูนนก: พี่อยู่ที่ลานโพธิ์ เหรอครับพี่ กำลังตั้งใจฟัง
เปรื่อง: อยู่ที่สนามฟุตบอลค่ะ
ปูนนก: ครับ



ปูนนก: พี่เล่าเลยจะไม่ขัดจังหวะ
เปรื่อง: อยู่หน้า อมธ. วันนั้นค้างคืนที่ม็อบ ไม่ได้กลับบ้าน
ปูนนก: คนนำม๊อบ เวลานั้น คือ ไขแสง สุขใส ใช่หรือเปล่าครับ
เปรื่อง: พวกเราจะมีจัดตั้งคุยกันเป็นกลุ่มๆ ฟังคนบนเวทีไปด้วย วิเคราะห์การเมืองในกลุ่มไปด้วย
เปรื่อง: ไม่ใช่ค่ะ เป็นผู้นำนักศึกษาล้วนๆ
ปูนนก: แล้ว ไขแสง สุขใส เวลานั้นไม่ใช่นักศึกษาเหรอครับ
เปรื่อง: ไม่ใช่ค่ะ คุณไขแสงเป็นนักการเมืองแล้วในเวลานั้น
เปรื่อง: ตอนนั้นกลุ่มก้อนนักศึกษาหลักๆก็มี ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย
เปรื่อง: สหพันธ์นักศึกษาเสรีแห่งประเทศไทย
ปูนนก: ครับ เท่าที่ทราบก็คืออย่างนั้น
ปูนนก: ศสนท
เปรื่อง: แล้วก็กลุ่มก้อนพวกองค์การนักศึกษาตามมหาวิทยาลัยต่างๆ
เปรื่อง: พวกเราอบอุ่นกันมากค่ะ เพราะมีจุดมุ่งอันเดียวกัน
ปูนนก: ครับ พี่ แล้วจุดเริ่มต้นการเข้ากวาดล้าง เกิดขึ้นได้อย้างไรครับ
เปรื่อง: ด้วยหัวใจบริสุทธิ์
ปูนนก: เท่าที่ผมทราบเกิดจากการ แสดงละคร ล้อการเมือง เรื่องที่มีคนถูกฆ่าแขวนคอที่ นครปฐม แล้วเอามาแสดงที่ เวที
เปรื่อง: เขาอ้างกรณีนักศึกษาในธรรมศาสตร์เล่นละครแขวนคอ
ปูนนก: แล้วก็ถูกแปลงให้ใบหน้าคล้ายกับ............ จนเกิดกลุ่ม กระทิงแดงบุกเข้าไปใน ธรรมศาสตร์
เปรื่อง: พวกเค้าหาว่า แต่งหน้าคล้าย......
ปูนนก: ใช่ครับ โดยผู้จุดชนวนคือ หนังสือพิมพ์ดาวสยาม
เปรื่อง: ไม่ใช่ค่ะคุณปูนนก ในวันนั้นทหารตำรวจเป็นคนบุกเข้าไปค่ะ
ปูนนก: ครับ
ปูนนก: ผมก็ทราบอย่างนั้นเหมือนกัน
เปรื่อง: มีเสียงปืนตั้งแต่เช้ามืด
เปรื่อง: พวกเรามีการ์ด แต่เป็นพวกอาสาสมัครจากนักศึกษากันเอง
ปูนนก: กลุ่มกระทิงแดง เกิดจาก พล.อ. สายหยุด เป็นผู้ก่อตั้งขึ้นเพื่อต่อต้าน กำลังของ ศสนท. ที่เอาชนรัฐบาลทหารในปี 16
ปูนนก: เขายิงปืนเข้าไปเลยเหรอครับ
เปรื่อง: ไม่ใช่ค่ะคุณปูน พวกกระทิงแดงเกิดจากการจัดตั้งของ พลตรีสุตสาย หัสดินค่ะ
ปูนนก: ขอโทษครับ ผมจำผิดครับ
เปรื่อง: พลตรี สุตสาย เป็นเพื่อนสนิทกับป๋าค่ะ



ปูนนก: ครับ ใช่
ปูนนก: การยิงกันเวลานั้น มีสัญญาณอะไรมาก่อนหรือเปล่าครับ
เปรื่อง: เขาจัดตั้งจากเด็กอาชีวะที่เคลื่อนไหวตั้งแต่ครั้ง 14 ตุลาค่ะ
ปูนนก: หรือพอเช้าก็ยิงเลย
ปูนนก: เช่น มีคำขู่ หรือ แก๊สน้ำตา หรือ อื่น ๆ ที่เป็นสัญญาณว่าทหารจะลงมือ
เปรื่อง: ก็มีการปลุกระดมจากวิทยุ จากหนังสือพิมพ์
เปรื่อง: แต่พวกเราก็ไม่คิดว่าเขาจะลงมือรุนแรงจริงๆ คิดแบบเด็กๆ
เปรื่อง: แต่ทราบว่าที่สนามหลวงมีพวกกระทิงแดง และ ทหารตำรวจเต็มไปหมด
ปูนนก: แสดงว่าพี่เปรื่อง อยู่ที่นั่นในขณะที่มีการเข้ากวาดล้างกันจริงๆ เลยใช่ป่ะครับ
เปรื่อง: พวกเราไม่มีอาวุธหรอกค่ะ อย่างมากก็แค่ปืนสั้นเป็นบางคน
เปรื่อง: พี่อยู่ในที่เกิดเหตุตลอดเวลาค่ะ
ปูนนก: ถ้าอย่างนั้นพี่เปรื่องก็ต้องเป็นหนึ่งในเหล่านักศึกษาที่ ถูกจับเอามานอนหมอบอยู่ที่สนามใช่ป่ะครับ
เปรื่อง: ใช่ค่ะ ไม่ผิด
เปรื่อง: พวกเขาเข้ามารุกไล่ยิงเราเข้ามาเรื่อยๆ
เปรื่อง: พวกการ์ดเพื่อนๆกันก็ทำหน้าที่ประสานมือปกป้องพวกเราอย่างดีที่สุด
ปูนนก: ก็ล้มตายกันระเน ระนาด น่ะซิครับ
เปรื่อง: พี่ถูกกันขึ้นไปหลบที่ตึกบัญชีชั้นบนสุด
เปรื่อง: ใช่ค่ะ ตายและบาดเจ็บ เลือดสดๆ
เปรื่อง: พี่อยู่ในที่เกิดเหตุตลอดเวลาค่ะ
ปูนนก: ถ้าอย่างนั้นพี่เปรื่องก็ต้องเป็นหนึ่งในเหล่านักศึกษาที่ ถูกจับเอามานอนหมอบอยู่ที่สนามใช่ป่ะครับ
เปรื่อง: ใช่ค่ะ ไม่ผิด
เปรื่อง: พวกเขาเข้ามารุกไล่ยิงเราเข้ามาเรื่อยๆ
เปรื่อง: พวกการ์ดเพื่อนๆกันก็ทำหน้าที่ประสานมือปกป้องพวกเราอย่างดีที่สุด
ปูนนก: ก็ล้มตายกันระเน ระนาด น่ะซิครับ
เปรื่อง: พี่ถูกกันขึ้นไปหลบที่ตึกบัญชีชั้นบนสุด
เปรื่อง: ใช่ค่ะ ตายและบาดเจ็บ เลือดสดๆ
ปูนนก: เวลานั้นทหารและตำรวจ เขายิงจริงๆ ตายจริงๆ และไม่มีปรานี ใช่หรือเปล่าครับ
เปรื่อง: ที่ใต้ถุนตึกบัญชี เราทำเป็นห้องพยาบาล
ปูนนก: แล้วพี่เปรื่องเอง ถูกกระทำอย่างไรบ้างครับ.....ในเวลานั้น
เปรื่อง: มีอาสาสมัครเป็นนักศึกษาแพทย์เป็นส่วนใหญ่
เปรื่อง: พี่ไม่บาดเจ็บอะไรเลยค่ะ เพราะเขากันขึ้นไปบนตึกบัญชี ด้วยความเสียสละของพวกการ์ด



ปูนนก: แต่สิ่งที่พี่ได้รับก็คือ ภาพที่เห็นและสิ่งที่จดจำอยู่ในจิตใจไม่ใช่เหรอครับ
เปรื่อง: แต่ลักษณะห้องเรียนของตึกบัญชี จะเป็นบานเกล็ดครึ่งหนึ่ง
ปูนนก: ครับ
เปรื่อง: การ์ดก็จะกันพวกเราไปหลบอยู่ตามห้องต่างๆ
เปรื่อง: ต้องนอนหมอบกัน เพราะถ้าเงยหัวขึ้นมาก็จะถูกยิง
เปรื่อง: พี่เข้าใจว่า พวกมันจะไปตั้งปืนระยะไกลอยู่ที่หอประชุมใหญ่ข้างบน
เปรื่อง: เพราะกระจกบานเกล็ดถูกยิงแหลกละเอียด
ปูนนก: เขายิงเข้ามาในห้องเลยเหรอครับ
เปรื่อง: ใช่ค่ะ บนหัวของพวกเรามีแต่เศษกระจก
ปูนนก: เป็นระยะเวลานานเท่าไรครับ การยิงถึงได้สงบลงน่ะครับ
เปรื่อง: ตั้งแต่เช้ามืดจนถึงช่วงบ่ายค่ะ ค่อยๆซาลง
เปรื่อง: แต่ก่อนหน้านั้นมีเหตุการณ์ที่ทำให้พี่ต้องแค้นมันจนวันตาย
ปูนนก: โห.....ครึ่งวันเลยเหรอที่ รุมยิงอยู่อย่างนั้น
ปูนนก: คนข้างในก็ต้องหลบอยู่อย่างเดียว
ปูนนก: เหตุการณ์อะไรเหรอครับ
เปรื่อง: เพราะระหว่างมีเสียงปืนดังขึ้น เป็นชุด ยาวบ้างสันบ้าง เสียงระเบิดบ้าง
เปรื่อง: พี่อยู่ถึงชั้นบนสุดตึกบัญชี แต่ได้ยินเสียงร้องจากข้างล่างตึก
เปรื่อง: เป็นเสียงของคนในห้องพยาบาล ที่พวกเราจัดขึ้น มีคนเจ็บเยอะแยะเต็มไปหมด
เปรื่อง: เข้าใจว่าเป็นเสียงของพวกนักศึกษาแพทย์และพยาบาล พวกเขาช่วยกันร้องตะโกน
เปรื่อง: ดังมาก จนพี่เองอยู่ข้างบนยังได้ยินเสียง....ว่ายอมแพ้แล้ว ยอมแพ้แล้ว
เปรื่อง: อย่ายิงคนเจ็บ...อย่ายิงคนเจ็บ
เปรื่อง: พี่ได้ยิน ทุกคนก็ได้ยิน พวกเขาช่วยกันร้องตะโกนอยู่หลายครั้ง ครั้งสุดท้ายเงียบเสียงไปพร้อมกับเสียงปืนรัวเป็นชุด



ปูนนก: พี่เปรื่องอาสาเป็นคนไปช่วยพยาบาลคนเจ็บหรือเปล่า
เปรื่อง: ณ.วินาทีนั้น พี่คิดว่ายังไงเราก็คงต้องตายแน่ๆ ก็ผุดลุกขึ้นจะวิ่งลงไปดูหน้าไอ้สัตว์นรก
เปรื่อง: ร้องไห้เหมือนคนบ้า ตะโกนเหมือนคนบ้า เพื่อนๆต้องจับกดเอาไว้ไม่ให้ลุกขึ้น
เปรื่อง: มันฆ่าได้แม้กระทั่งคนในห้องพยาบาลที่ร้องยอมแพ้ขอชีวิตให้คนเจ็บ
ปูนนก: พวกนั้นไปยิงคนเจ็บในห้องพยาบาลจริง ๆ เลยเหรอครับ
เปรื่อง: ตอนถูกต้อนลงมาก็เห็นสภาพคนตายเกลื่อน
ปูนนก: หืมมม....พวกทหารขึ้นไปจับ และต้อนพวกพี่ที่อยู่ข้างบนลงมาข้างล่างเหรอ
เปรื่อง: ใช่ค่ะ พี่ยังร้องตะโกนด่า แต่เพื่อนอุดปากไว้
เปรื่อง: พอลงมาข้างล่างมันก็ให้ถอดรองเท้าทุกคน เพื่อแยกผู้ต้องหาจากคนที่เข้ามารุมดู
ปูนนก: เห็นภาพข่าว บังคับให้ถอดเสื้อด้วยไม่ใช่เหรอครับ
เปรื่อง: ลงมาก็เห็นพวกเพื่อนๆจากตึกอื่นที่มันกวาดลงมาก่อนหน้านี้แล้ว นอนคว่ำหน้าอยู่ที่สนามฟุตบอลเป็นแถวเกือบเต็มสนาม
เปรื่อง: ทีแรกมันก็ให้เฉพาะพวกผู้ชายถอดเสื้อ
เปรื่อง: ตอนหลังมันก็บังคับให้ผูหญิงถอดเสื้อด้วย เหลือแต่เสื้อชั้นใน
ปูนนก: ทำไมถึงถอดเสื้อผู้หญิงด้วยล่ะ
ice angel: พวกมันโรคจิต
ปูนนก: อ้าว คุณนางฟ้ายังอยู่เหรอ
ปูนนก: นึกว่าไปทาน ฟูจิ ซะแล้ว
เปรื่อง: แต่พี่ลงมาเป็นแถวหลังๆ กำลังจะถอด พอดีมีนายทหารหรือนายตำรวจชั้นผู้บังคับบัญชาเข้ามาด่าพวกมัน
ice angel: ไปไปมามา ค่ะ
เปรื่อง: พี่ได้ยินแว่วๆว่า พวกมึงจะทำให้กูเดือดร้อน ไอ้เหี้ย
ice angel: นั่นไงว่าแล้ว ไอ้พวกโรคจิต
ปูนนก: อิอิ.......พวกนั้นเลย อด เห็นพี่เปรื่องเลย คริ คริ........(ล้อเล่นน่ะ อย่าเครียดมากกกก)
รัชพล: ไปกินเสร็จแล้วก็มาเหรอครับคุณนางฟ้า
ice angel: หวัดดีคุณรัชพล
เปรื่อง: บางคนที่ไม่ยอมถอดก่อนหน้านันมันบังคับให้แก้ผ้าเลยก็มี
ice angel: ว่าแต่จะเลี้ยงไหมหล่ะ
ปูนนก: แล้วถูกจับคว่ำอยู่ที่สนาม นานหรือเปล่าครับ
เปรื่อง: เด็กคนนั้นเสียสติไปเลยค่ะ
ปูนนก: ครับ น่าสงสาร



คุณเรียบร้อย.: เย็นนี้ (26 กย.) คุณณัฐวุฒิ และคุณเฉลิม ไปหาเสียงกับ คุณประภัสส์ เบอร์ 10 ที่ อิมพีเรียลลาดพร้าว 16.00 - 20.00 ประชาสัมพันธ์ต่อ ๆ ด้วยค่ะ
ice angel: โห บังคับให้แก้ผ้าด้วย ไอ้โรคจิต
เปรื่อง: เป็นชั่วโมง มันก็กวาดต้อนไปขึ้นรถ พาไปที่คุมขัง
ice angel: เดี๋ยวไปแปะในเวปบอร์ดให้คุณเรียบร้อย
ปูนนก: พี่เปรื่องถูกจับไปขังที่ไหนเหรอครับ
เปรื่อง: โรงเรียนพลตำรวจบางเขนค่ะ หยุดเล่าก่อนได้มั้ยคะ
ปูนนก: ครับ พี่เปรื่อง พักก่อนก็ได้ครับ
ปูนนก: จะทานน้ำ หรือทานอาหารก็ได้ครับ
เปรื่อง: ขอหยุดร้องไห้ก่อนนะคะ
ปูนนก: ครับ พี่...............
ปูนนก: ไม่ต้องเล่าแล้วล่ะครับ
ปูนนก: พอแระ
เปรื่อง: เดี๋ยวค่อยเจอกันนะคะ
ปูนนก: เรื่องบางเรื่อง....สิ่งบางสิ่ง เมื่อมันตกตะกอนไปแล้ว ถึงแม้มันจะไม่หายไปเลย แต่ก็ถ้าไม่ไปคุ้ยมันขึ้นมาอีก ก็จะไม่เป็นไร
นนก: แต่ถ้าไปคุ้ยมันขึ้นมาอีก ก็จะกลายเป็นสิ่งเลวร้ายในชีวิตครับ



จาก thaifreenews

พันธมิตรฯ ไม่มีมติปิดสนามบิน ต้อนรับนายกฯ กลับบ้านเกิด

ทำเนียบฯ 26 ก.ย.- พันธมิตรฯ สนใจข้อเสนออธิการบดีฯ 24 แห่ง แต่ต้องหารือก่อน ย้ำจุดยืนให้สังคมเป็นเจ้าภาพปฏิรูปการเมือง ระบุ 5 แกนนำฯ ไม่มีมติให้ปิดสนามบินนครศรีธรรมราชกรณีนายกฯ จะกลับบ้านเกิดพรุ่งนี้ ส่วนเครือข่ายฯ จะเคลื่อนไหวอย่างไรตัดสินใจเอง

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงข้อเสนอของอธิการบดี 24 มหาวิทยาลัย เพื่อปฏิรูปการปกครอง ว่าถือเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจและน่าจะนำมาวิเคราะห์ ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางหนึ่งที่จะคลี่คลายสถานการณ์ได้ โดยเฉพาะอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเมือง การปกครอง สร้างการเมืองใหม่ ทั้งนี้จุดยืนของพันธมิตรฯ ยังคงยืนยันว่าสังคมควรเป็นเจ้าภาพในการปฏิรูปการเมือง เพราะหากเป็นฝ่ายการเมืองอาจมีการแทรกแซงและการเมืองใหม่จะไม่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ จะหารือกันถึงประเด็นดังกล่าว เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ส่วนการสัมมนาเพื่อรวบรวมความเห็นเกี่ยวกับเรื่องการเมืองใหม่วันพรุ่งนี้ (27 ก.ย.) มีบุคคลกลุ่มต่าง ๆ ตอบรับแล้วประมาณ 40 คน

ต่อข้อถามว่าหาก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี จะมาเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯ ทางกลุ่มจะว่าอย่างไร นายสุริยะใส กล่าวว่า พล.อ.ชวลิต ยังได้ติดต่อมา แต่โดยหลักการแล้วต้องเป็นคนที่มีอำนาจเต็ม ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ภาคใต้ จ.นครศรีธรรมราช บ้านเกิด พรุ่งนี้ (27 ก.ย.) จะมีการปิดสนามบินหรือไม่ ว่าไม่มีมติของ 5 แกนนำฯ ให้ปิดสนามบิน แต่ให้อิสระเครือข่ายพันธมิตรฯ ในต่างจังหวัดใช้ดุลพินิจในการตัดสินใจเอง ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีรายงานใด ๆ เข้ามา

ผู้สื่อข่าวรายงานการชุมนุมว่า ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมจากต่างจังหวัดได้ทยอยเดินทางมาร่วมชุมนุมเหมือนเช่นทุกวันศุกร์ โดยพันธมิตรฯ จากจังหวัดเลยได้แต่งกายด้วยชุดผีตาโขนมาร่วมชุมนุมด้วย นอกจากนี้ยังเป็นที่น่าสังเกตว่าบริเวณยอดเสารั้วทำเนียบรัฐบาล ที่เป็นแท่นปูนทรงสี่เหลี่ยมคล้ายดอกบัวหลายจุดเริ่มหัก อาทิ ด้านหลังเวทีหลักในทำเนียบรัฐบาล ศาลพระภูมิและทางเข้าประตู 7 ซึ่งบริเวณที่ยอดเขาหักส่วนใหญ่ เป็นบริเวณที่มีเต็นท์หรือกลุ่มผู้ชุมนุมมาปักหลักอาศัยอยู่และยังมีอีกหลายเสา ที่เริ่มร้าวแล้ว.-สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2008-09-26 19:45:05

ลุยสนามตามหาผู้ว่า : 2 พรรคใหญ่ปราศรัยครั้งแรก

กรุงเทพฯ 26 ก.ย. - สนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.วันนี้ นอกจากผู้สมัครเร่งเครื่องหาเสียงอย่างเข้มข้นแล้ว ยังมีการปราศรัยใหญ่ครั้งแรกของ 2 พรรคใหญ่

ส่วน ลีน่า จัง ขอพักหาเสียง ไปจัดการงานศพและช่วยเหลือครอบครัวทีมงานที่จมน้ำเสียชีวิตระหว่างช่วยหาเสียง เมื่อวานนี้.

ชมรายละเอียด สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2008-09-26 19:40:32

สีสัน ครม.นัดแรก

ดอนเมือง 26 ก.ย. - หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง วันนี้ คณะรัฐมนตรีรัฐบาลนายกฯสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้เริ่มประชุมเป็นนัดแรก

แต่ว่าสถานที่การประชุมไม่ใช่ที่ทำเนียบรัฐบาล แต่เป็นที่ท่าอากาศยานดอนเมือง การประชุม ครม.นัดแรกมีสีสันหลายอย่างน่าสนใจ .

ชมรายละเอียด สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2008-09-26 19:15:49

นายกฯ ยืนยันกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด จ.นครศรีฯ พรุ่งนี้

ดอนเมือง 26 ก.ย. - นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (27 ก.ย.) จะเดินทางไปเยี่ยมบ้านเกิดที่ จ.นครศรีธรรมราช แม้มีข่าวกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยใน จ.นครศรีธรรมราช จะเดินทางไปชุมนุมคัดค้าน ส่วนตัวไม่รังเกียจ ถือเป็นเรื่องที่ดี ตนจะกลับบ้าน คงไม่มีใครกีดกันไม่ให้คนกลับบ้าน เรื่องนี้คงไม่เป็นปัญหา

ส่วนการเพิกถอนพาสปอร์ตแดงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายสมชาย กล่าวว่า ให้ทางกระทรวงการต่างประเทศไปพิจารณาตามหลักการ เมื่อผู้สื่อข่าวย้อนถามว่า ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ บอกเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี นายสมชาย กล่าวว่า ยังไม่เห็นเรื่องและไม่ทราบเรื่องดังกล่าว. - สำนักข่าวไทย

อัพเดตเมื่อ 2008-09-26 19:03:19

24 อธิการบดี ร้องนายกฯ ดันแก้วิกฤติการเมืองเป็นวาระแห่งชาติ

มธ. 26 ก.ย.-ที่ประชุม 24 อธิการบดี ยื่นข้อเรียกร้องนายกฯ ประกาศวิกฤตการณ์การเมืองเป็นวาระแห่งชาติ ตั้งคณะกก.อิสระหาทางออก โดยให้อำนาจเลือกเฉพาะตัวประธานเท่านั้น ยอมรับ “ประเวศ วะสี” เป็นหนึ่งในบุคคลที่ได้รับการยอมรับ ชี้เป็นทางออกเดียวที่จะรักษาระบอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตัวแทน 24 อธิการบดีมหาวิทยาลัยทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยพายัพ และมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ นำโดย นายสุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายอาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมแถลงผลการหารือของที่ประชุมอธิการบดี เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์การเมืองขณะนี้

นายสุรพล กล่าวว่าที่ประชุมอธิการบดีฯ เห็นควรยื่นข้อเรียกร้องตรงต่อ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ผ่านสื่อมวลชน โดยข้อเรียกร้องมีสาระสำคัญคือ ให้นายกรัฐมนตรีประกาศให้การแก้ไขวิกฤตการณ์การเมืองร้ายแรงเป็นวาระแห่งชาติและดำเนินการแก้ไขโดยด่วน ด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการอิสระ เพื่อปฏิรูปการเมืองการปกครอง โดยให้นายกรัฐมนตรีตั้งเฉพาะตัวประธาน เลือกจากผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นกลาง มีความสามารถและได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย จากนั้นให้ประธานไปสรรหาและแต่งตั้งกรรมการอื่น ๆ ตามความเหมาะสม

นายสุรพล กล่าวว่าคณะกรรมการดังกล่าวจะมีเวลาทำงาน 120 วัน โดยให้รัฐบาลสนับสนุนเงินอุดหนุน และให้กรรมการมีอำนาจอย่างเต็มที่ในการเรียกบุคคลและข้อมูลเอกสารมาชี้แจง และต้องรายงานการทำงานต่อสาธารณชนอย่างเปิดเผย สม่ำเสมอ เมื่อศึกษาเสร็จต้องจัดทำรายงานเป็นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เสนอต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อนำไปสู่กระบวนการลงประชามติ หากประชาชนให้ความเห็นชอบตามแนวทางของรายงาน ให้คณะรัฐมนตรีนำเสนอเป็นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญต่อไป

นายสุรพล กล่าวว่าที่ประชุมอธิการบดีฯ ไม่ได้วางตัวบุคคลที่สมควรเป็นประธานคณะกรรมการชุดนี้ แต่ให้เป็นไปตามดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรี ขอเพียงให้พิจารณาอย่างรอบคอบ และสรรหาบุคคลที่เป็นที่ยอมรับ จะเห็นว่าข้อเสนอของเรา เป็นทางออกเดียวที่จะรักษาระบอบประชาธิปไตยไว้ได้ และเป็นข้อเสนอที่เป็นการไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เป็นการเริ่มต้นที่จะทำให้ความขัดแย้งที่ปัจจุบันถูกมองไปคนละทิศละทาง ถูกนำกลับมายังโต๊ะเจรจา

“เราเสนอเป็นกลาง เป็นแค่เริ่มต้น จะเห็นว่าเราไม่ได้ลงลึกถึงการยึดสถานที่ การมอบตัว หรือการแก้-ไม่แก้รัฐธรรมนูญ แต่เราเห็นว่าสิ่งที่เสนอเป็นเพียงทางออกเดียว และเป็นก้าวแรกที่จะยุติความขัดแย้งลงได้” นายสุรพล กล่าว พร้อมยอมรับว่า นพ.ประเวศ วะสี เป็นบุคคลหนึ่งที่สังคมให้การยอมรับ

ด้านนายอาทิตย์ เชื่อว่าหากทุกฝ่ายมีความจริงใจ ข้อเสนอของที่ประชุมอธิการบดีฯ น่าจะเป็นที่ยอมรับ เพราะถ้ารัฐบาลดำเนินการอย่างจริงจังเป็นวาระแห่งชาติ และไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง เชื่อว่าพันธมิตรฯ น่าจะยอมรับ

ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าข้อเสนอจะได้รับการตอบสนองจากนายกรัฐมนตรี และจะดำเนินการอย่างไร หากไม่ได้รับการตอบสนอง นายสุรพล กล่าวว่า พื้นฐานของนายกรัฐมนตรีเป็นนักกฎหมาย น่าจะตอบรับข้อเสนอ แต่จะดำเนินการมากน้อยเพียงใด ต้องรอดูต่อไป แต่ขอย้ำว่าถ้าดำเนินการตามข้อเสนอของที่ประชุมอธิการบดีหัวใจของเรื่องอยู่ที่การตั้งประธานที่เป็นกลาง และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย .- สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2008-09-26 17:25:59


ตั้ง กาญจนารัตน์ รก.เลขาฯ สำนักงานศาลปกครอง


ศาลปกครอง 26 ก.ย. - นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งแต่งตั้งให้นางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ รองเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง รักษาการในตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานศาลปกครองไปก่อน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2551 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้ น.ส.พรทิพย์ ทองดี เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย. 2551 ขณะนี้ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการทำหน้าที่พิจารณาคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมจะดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง เพื่อเสนอรายชื่อต่อประธานศาลปกครองสูงสุด ภายใน 30 วัน ก่อนขอความเห็นชอบต่อคณะกรรมการตุลาการศาลปกครองต่อไป. - สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2008-09-26 17:02:06


ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker