เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ที่กลุ่มพันธมิตรฯระบุว่าการเมืองใหม่ จะต้องปฏิรูปองค์กรอิสระ โดยเฉพาะ กกต.ที่ต้องออกแบบโครงใหม่หมด เนื่องจากถูกนักการเมืองแทรกแซงได้ง่ายว่า ไม่ทราบว่าจะออกแบบได้อย่างไร เพราะการที่พันธมิตรฯทำผิดกฎหมายโดยการบุกเข้าไปยึดครองทำเนียบ ต้องถามว่าทำถูกต้องหรือไม่ ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องการเมืองใหม่ ในส่วน กกต.ถ้าสภาฯเห็นว่า สมควรจะต้องมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงจริง เรายินดีสลายตัวไป เพราะไม่มี กกต.คนไหนยึดติดกับตำแหน่ง ส่วนที่แกนนำพันธมิตรฯ ระบุว่า มี กกต.2 คนไปรับเงินนักการเมือง ที่โรงแรมเรดิสัน เพื่อยื้อคดียุบพรรคนั้น เรื่องนี้ได้ดำเนินการฟ้องร้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ พร้อมพวก และหนังสือพิมพ์ในเครือข่ายของนายสนธิอีก 7 ฉบับเรียบร้อยแล้ว จากนี้ขอให้นำหลักฐานข้อเท็จจริงมาแสดงกันที่ศาล ทั้งนี้คงไม่มีใครโง่ไปรับเงินรับทองกันที่โรงแรม เรื่องนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับคดีที่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ที่ถูกศาลตัดสินจำคุก 2 ปี จากกรณีที่ไปกล่าวหานายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯกทม. ว่าไปรับเงินสินบนมา ดังนั้น เห็นว่า คดีนี้ต้องใช้บรรทัดฐานเดียวกัน และศาลอาจสั่งไม่ให้ประกันตัวจำเลยได้
“สดศรี” ลั่นสรุปคดี “วิฑูรย์” ต.ค.
นางสดศรีกล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าการพิจารณาสำนวนคัดค้านการเลือกตั้งของนายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.สัดส่วน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น กรณีถูกร้องเรื่องการแจกบัตรชมภาพยนตร์และปราศรัยหาเสียงในโรงภาพยนตร์นั้น หลังจาก กกต.มีมติให้ขยายเวลา 15 วัน เพื่อให้สอบพยานเพิ่มเติมตามที่ผู้ร้องเสนอนั้น ล่าสุดทราบว่าสอบพยานไป 2 ปาก ส่วนที่เหลือยังไม่ทราบว่าทำไมจึงไม่ได้สอบ ทางคณะอนุกรรมการสอบฯบอกว่าขณะนี้มีน้ำหนักเพียงพอแล้ว คาดว่าอนุกรรมการสอบฯ น่าจะยื่นเรื่องมาให้ กกต.ได้ในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม กกต.จะพิจารณาว่าสมควรตัดพยานที่เหลือหรือไม่ เมื่อถามว่า โดยส่วนตัวเห็นว่าสืบพยานเพียงพอแล้วหรือไม่ นางสดศรีตอบว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และเป็นเรื่องการเมืองด้วย และนายวิฑูรย์ก็เคยมายื่นหนังสือขอไม่ให้สืบพยานเพิ่ม เมื่อถามอีกว่า เกรงว่าเป็นเรื่องการเมืองและโยนมาให้ กกต.หรือไม่ นางสดศรีตอบว่า แน่นอน ตลอดเวลาที่ทำงาน กกต.มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องตลอด กกต.ต้องดูที่พยานหลักฐานที่สำคัญที่สุดว่า วีดิโอที่ถ่ายไว้ชัดเจน มีการหาเสียงในโรงภาพยนตร์จริงหรือไม่ มีการแจกตั๋วหนังหรือไม่ อย่างไรก็ดี คาดว่า กกต.จะพิจารณาเสร็จได้ภายในเดือน ต.ค.นี้แน่นอน ส่วนคดียุบพรรคอื่นๆที่มองว่ามีความล่าช้านั้น ไม่ใช่ความผิดของ กกต. เพราะได้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดไปแล้ว
อ่านรายละเอียดต่อ ไทยรัฐ