ผมรู้สึกเบื่อหน่ายกับกลุ่มคนที่เรียกว่า "ปัญญาชนคนชั้นกลาง” จอมกระแดะทั้งหลายเต็มทีแล้วครับ ที่โวยวายว่า รัฐบาลของนายกฯสมชาย เป็น ครม.โควต้า ตั้ง ครม. ตามโควต้า ระบบล้าหลังกลับมาอีก ครม. ขี้เหร่ ให้พวก สส.ได้ต่อรองตำแหน่งแย่งชิงกันอีก
สุดแต่จะพูด จะตะโกนกันตามอารมณ์เหมือนคนวัยทอง ที่ความคิดและการกระทำไม่ได้อยู่กับร่องกับรอยอะไรเลย
เราจะเห็นว่าในยุคที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีทั้งสองสมัยนั้น เป็นช่วงที่นายกรัฐมนตรีมีความเข็มแข็ง มีอำนาจต่อรองสูง การแต่งตั้งรัฐมนตรีขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของนายกฯ ทักษิณเป็นส่วนใหญ่ ทำให้หัวหน้าวัง และกลุ่มการเมืองต่างๆ อ่อนแอ และไร้อำนาจการต่อรองโดยสิ้นเชิง ระบบโควตาทางการเมืองที่เคยมีมาก่อนยุคทักษิณ ก่อนยุครัฐธรรมนูญปี 2540 ได้หายไปเกือบหมดสิ้น และรัฐบาลก็ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนชาวบ้านทั้งรักและเคารพ นายกฯทักษิณ ยิ่งกว่านายกฯ ใดๆ ในอดีตของไทย
แต่คนชั้นกลาง นักวิชาการ และสื่อจอมกระแดะที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยทั้งหลาย ก็โจมตีทักษิณอย่างรุนแรงว่า เป็นเผด็จการบ้าง ไม่ฟังเสียงคนอื่นบ้าง กล่าวหาใส่ความ สาดโคลนสารพัด สุดท้ายเมื่อทำอะไรไม่ได้ ก็ไปชักนำ วางแผนให้ทหารทำรัฐประหาร ทำลายรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่ทำให้นายกรัฐมนตรีเข็มแข็งทิ้งไป
แล้วก็เกิดวิกฤตการณ์การเมือง กว่าสามปี ป่านนี้ก็ยังไม่จบ และยังไม่มีใครรู้ว่าจะจบอย่างไร
ตอนนี้เราได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่ที่มีบทบัญญัติทำลายอำนาจรัฐบาล และอำนาจนายกรัฐมนตรีไม่ให้มีเหลือมากนัก และเมื่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ที่มีอำนาจและบารมีไม่เท่ากับทักษิณ การเมืองแบบโควตากลุ่มก็กลับมาอีก หัวหน้าวังต่างๆ ก็กลับมามีอิทธิพลอีก
เมื่อนายกรัฐมนตรีไม่มีอำนาจต่อรองมากนัก อำนาจหัวหน้ากลุ่มต่างๆ มันก็ต้องเข็มแข็ง การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีก็ต้องเป็นระบบโควตาแบ่งไปตามกลุ่มการเมืองต่างๆ มันจะเป็นอื่นไปได้อย่างไร เพราะหากไม่ใช่วิธีนี้รัฐบาลจะหาเสียงที่ไหนมาสนับสนุนรัฐบาลได้
มันก็เป็นเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปี 2550 ไม่ใช่หรือ ที่จงใจทำลายนักการเมือง จงใจทำลายพรรคการเมือง ทำให้การเมืองอ่อนแอ เพื่อให้กลุ่มอำมาตยาธิปไตยดูดีขึ้น สภาพการณ์มันก็ย้อนกลับไปเหมือนก่อนปี 2540 อีก ผลมันย่อมเกิดจากเหตุ จะมาโวยวายตีโพยตีพายไปทำไม ก็พวกสื่อ และคนชั้นกลางไม่ใช่หรือที่ช่วยกันทำลายระบบการเมืองที่เข็มแข็ง ทำลายพรรคการเมืองที่เข็มแข็งและทำลายนายกรัฐมนตรีที่เข็มแข็งไป
ทุกๆ เรื่องมันมีเหตุมีผล มีทางไป เป็นเหตุเป็นผลกัน จะไปเอาตามแต่ใจตัวเองได้อย่าง
นายกรัฐมนตรีเข็มแข็ง ทำลายระบบโควตาของ สส.กลุ่มต่างๆ ทิ้งไปได้ ก็รุมกันสาดโคลนว่าเผด็จการ พอนายกรัฐมนตรีอ่อนแอไม่มีอำนาจต่อรอง ก็สาดโคลนว่า เป็นการเมืองโควต้า
ผมจึงคิดว่า กลุ่มคนที่ไร้สติ บ้าคลั่งในประเทศไทย ยุคนี้ไม่มีใครเกินพวกที่เรียกตัวเองว่า "นักวิชาการ" และสื่อทั้งหลายนี่เลย กลุ่มคนชั้นกลางในเมืองหลวงที่คุยนักคุยหนาว่าตัวเองมีการศึกษาสูง อยู่ใกล้ข้อมูลมากกว่าคนบ้านนอก ก็กลายเป็น คนชั้นกลางไร้สติ พอ ๆ กับสื่อ และนักวิชาการย้อนยุคทั้งหลาย
คนพวกนี้ทำลายประเทศไม่ได้รู้จักหยุดจักหย่อน ทำลายสามัคคีของคนในชาติไปจนหมดสิ้น
แล้วจะมีหน้ามาร้องตะโกนไปทำไมกัน
ผลมันย่อมเกิดมาจากเหตุ ไม่ใช่ผลมันจะเกิดขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุไปได้
ความวุ่นวายทางการเมืองที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ก็เกิดจากคนชั้นกลางในกรุงเทพฯ กลุ่มใหญ่นี่แหละ ที่ไปเชื่อการปลุกระดมทางการเมือง ตัดสินทุกอย่างตามอารมณ์ ตามความชอบ ศาลสถิตยุติธรรมทั้งหลาย ที่มีหน้าที่ดำรงความยุติธรรม ก็บ้าคลั่งตามกระแสที่โดนสร้างขึ้น จนการตัดสินต่างๆ ไร้หลักนิติธรรม ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ได้กล่าวหากันเกินเลยนัก เพราะสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ก็จัดให้ระบบยุติธรรมของไทย อยู่ในกลุ่มท้ายๆ ของประเทศต่างๆ ในเอเชีย เป็นที่รู้ๆ กันอยู่ถึงความไม่โปร่งใส
สำหรับผมแล้ว ไม่ได้แคร์กับว่า รัฐบาลชุดคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะมีทางเลือกมากมายนัก เพราะคุณสมชายเอง ก็ไมได้มีอำนาจบารมีเด็ดขาดในพรรค บุคลิกภาพในการนำ ก็ไม่โดดเด่นเท่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือแม้แต่ นายสมัคร สุนทรเวช เมื่อเป็นอย่างนี้ อำนาจการต่อรองทั้งหลายในพรรคพลังประชาชน ก็ต้องขึ้นกับกลุ่มการเมืองต่างๆอย่างหลีกเลี่ยงไมพ้นอยู่แล้ว
ถึงอย่างไรผมก็ยังสนับสนุนพรรคพลังประชาชนอยู่ แม้ว่า โผคณะรัฐมนตรีจะออกมาแบบที่ผมไม่ค่อยชอบใจนักก็ตาม แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก ผมรู้ว่า ถึงอย่างไรพรรคนี้ก็ “ขับเคลื่อนด้วยนโยบาย” เป็นหลักอยู่ มีนโยบายที่สนับสนุนคนรากหญ้า ตั้งแต่ยุค พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร มาแล้ว เป็นแนวทางในการดำเนินการของพรรคอยู่
และสุดท้าย ผมก็รับรู้ได้ว่า นายกฯทักษิณ เองก็ยังคงมีบารมี มีอิทธิพลพอที่จะชี้นำพรรคได้อยู่
ภายใต้วิกฤตการณ์ของพรรคพลังประชาชน ที่ถูกศัตรูทางการเมือง ทำลายล้างอย่างเอาเป็นเอาตายมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย บุคลากรทางการเมืองจำนวนมาก ต้องโดนห้ามเล่นการเมือง ทีม สส.ที่ส่งลงสนาม ก็เป็นเพียงทีม B เท่านั้น จะให้ การจัด ครม. สวยหรู ออกมาเหมือนยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรได้อย่างไร รัฐบาลแบบนั้นแทบกลายเป็นอุดมคติที่ประชาชนใฝ่ฝันถึงไปแล้ว
ก็พวกคุณจ้องทำลายเขาทุกอย่าง ใช้วิธีการสกปรก ทำลายเขาแบบ ตัวโกง แล้วจะให้ประชาชนหันไปสนับสนุนตัวโกงอย่างพรรคประชาธิปัตย์ได้อย่างไร
ถามจริงๆ เถอะว่า หากกลับกัน พรรคพลังประชาชน หาทางทำลายพรรคประชาธิปัตย์ทุกอย่าง เช่น ยุบพรรคประชาธิปัตย์ทิ้ง ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคไม่ให้เล่นการเมืองได้ แล้วไป “กระโดดโลดเต้น” บอกคนใต้ว่า เห็นไหม เห็นไหม พรรคประชาธิปัตย์ห่วย ไม่มีตัวดีๆ แล้ว มาเลือก พรรคพลังประชาชนเถอะ
พวกคนใต้ จะยอมหรือไม่ จะยอมให้ศัตรูทางการเมืองมาทำลายพรรคของพวกเขา เพื่อให้พวกเราหันไปสนับสนุนศัตรู ทำกันแบบไร้คุณธรรมเช่น ประชาชนไม่ได้ตาบอดนะครับ ที่จะไม่รู้อะไร เป็นอะไร
ดังนั้น รัฐบาลจะออกมาอย่างไร ผมก็ยอมรับได้ทั้งสิ้น เพราะผมยอมรับนโยบายของพรรคพลังประชาชนอยู่แล้ว หากรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นมาไม่มีผลงาน พวกเขาก็อยู่ไม่ได้เอง และเมื่อใกล้เลือกตั้ง รัฐบาลก็ต้องรู้ว่าแรงสนับสนุนมีเท่าใด ก็จะต้องพยายามทำงานให้เข้าเป้าเอง
ถึงอย่างไร รัฐบาลนี้ก็มาจากเลือกตั้ง ผมเลือกของผมมาเองกับมือ ดีหรือเลว ผมตัดสินเอง ไม่ต้องให้ใครมาปั่นหัว หรือชี้นำ
จาก thaifreenews