บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2551

คอลัมน์ : ชุมชนคนแท็กซี่

คอลัมน์ : ชุมชนคนแท็กซี่

วันนี้ ชุมชนคนแท็กซี่ขอเตือนความทรงจำของท่านผู้อ่านว่า อย่าลืม 2 ปีที่ผ่านมา คือ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 หลังเวลา 3 ทุ่ม เราได้ยินประกาศของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ทางโทรทัศน์ ไม่อยากเชื่อหูที่ได้ยิน และไม่อยากเชื่อสายตาที่ได้เห็น เพราะคงไม่มีใครคิดหรอกว่าประเทศไทยจะมีการประกาศยึดอำนาจรัฐบาลกันอีก

หลังจากที่เคยได้ยินมาเมื่อ 14 ปีก่อน และก็คิดว่าในครั้งนั้นจะเป็นครั้งสุดท้าย คงไม่มีกลุ่มทหารกลุ่มใดหลงยุคเข้ามาทำการยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย และประกอบกับประเทศต่างๆ ในโลกใบนี้ไม่มีใครเขาทำกันแล้ว แม้แต่ประเทศพม่า แม้ว่าจะปกครองโดยรัฐบาลทหาร แต่ก็คนละรูปแบบ ประเทศของเขาเผด็จการอย่างถาวรอยู่แล้ว แต่ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตย และก็เดินทางมาถึงยุคที่ทุกอย่างจะสมบูรณ์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม การเมือง คนไทยทั้งประเทศต่างก็ตั้งความหวังกันไว้สูงมาก ที่อยากจะเห็นประเทศไทยเจริญไปข้างหน้า แต่อนิจจา นี่ประเทศไทยจะต้องถอยหลังกลับไปอีกกี่ปี

ในที่สุดประเทศไทยก็ตกอยู่ในระบอบเผด็จการ หลังจากนั้นก็มีประกาศ คำสั่ง ของคณะรัฐประหารออกมาเป็นระยะ เราก็คิดตามไปว่า บัดนี้สิทธิมนุษยชนของเราได้สูญสิ้นไปแล้ว โดยการปล้นของโจรกลุ่มหนึ่ง แล้วเมื่อไรหนอสิทธิเสรีภาพของเราจะกลับคืนมาอีก เรากังวลและสับสนในชีวิตมาก เราก็คิดไปว่า จะมีใครที่จะออกมาเป็นผู้นำขับไล่กลุ่มโจรกบฏกลุ่มนี้ ตัวเราเองแม้จะเป็นแกนนำในการต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อคราวตั้งเวทีจตุจักร แต่กลุ่มพันธมิตรฯ เป็นกลุ่มประชาชนธรรมดา แต่นี่เป็นกลุ่มทหาร

ซึ่งมีอาวุธครบมือและมีอำนาจในการจับกุมคุมขัง และประการสำคัญ จะมีประชาชนที่คิดอย่างเราและกล้าออกไปต่อต้านหรือไม่ งานแบบนี้จะต้องใช้มวลชนเป็นจำนวนมาก หากว่าไปกันน้อยก็คงจะไม่พ้นถูกจับกุมแน่นอน ในระหว่างที่สับสนและกังวลอยู่นั้น ก็เริ่มมีความอุ่นใจอยู่บ้างว่าเราคงจะไม่โดดเดี่ยวแน่นอน เพราะคนรักประชาธิปไตย เช่น คนเดือนตุลา และครูอาจารย์ที่เคยต่อต้านเผด็จการในอดีต พร้อมทั้งนักศึกษาในปัจจุบัน ก็คงจะไม่ปล่อยให้อำนาจเผด็จการครองเมืองแน่นอน

ต่อมาเมื่อนานวันเข้า กลุ่มคนที่เราตั้งความหวังไว้กลับเงียบ และแสดงท่าทีคล้ายๆ จะเห็นด้วยกับกลุ่มโจรกบฏที่มายึดอำนาจ เราต้องมานั่งถามตัวเองต่อว่า “มันเกิดอะไรขึ้น” จนกระทั่งไม่นานนักก็พอจะตอบตัวเองได้ว่า คนกลุ่มที่เราตั้งความหวังไว้ เขาไม่ชอบอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ก็เลยไปเห็นดีเห็นงามกับกลุ่มโจรกบฏ เพื่อให้เกิดความสะใจเท่านั้นเอง มันน่าแปลกไหมครับ ไม่ชอบคนคนหนึ่ง แต่เอาประเทศชาติมาเป็นเดิมพัน

จากวันนั้น (19 ก.ย. 49) มาถึงวันนี้ 2 ปีเต็ม ใครได้และใครเสีย แน่นอนละครับ กลุ่มคนที่เข้ายึดอำนาจได้แน่นอน คือ ได้อำนาจและผลประโยชน์ ส่วนกลุ่มคนที่ต้องการความสะใจก็ได้ความสะใจที่เห็นอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร สิ้นอำนาจ แต่ในส่วนของความเสียหายก็คือประเทศชาติและประชาชน ที่ต้องอยู่กับความเสียหายดังต่อไปนี้

1.ความเสียหายด้านเศรษฐกิจ คงจะไม่ต้องอธิบายกันมากว่ามีอะไรบ้างที่เกิดความเสียหาย แต่อย่างน้อยการท่องเที่ยวเกิดการหยุดชะงักงันทันที กรุ๊ปทัวร์ต่างๆ ยกเลิกเป็นจำนวนมาก นักลงทุนย้ายฐานการลงทุนไปประเทศอื่น นักลงทุนใหม่ก็ไม่มา เพราะไม่มั่นใจรัฐบาลเผด็จการ ผลกรรมก็ตกกับประเทศชาติและประชาชน

2.ความเสียหายด้านสังคม ประชาชน แต่ก่อนคนไทยเคยอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แต่ 2 ปีมานี้ คนไทยเป็นศัตรูกันมากขึ้น มีการแบ่งกลุ่มกัน รวมไปถึงแบ่งประเภทสีกัน ฝ่ายหนึ่งสีแดง อีกฝ่ายหนึ่งสีเหลือง ไม่เพียงแต่ประชาชนทั่วไป ความแตกแยกลุกลามไปสู่ประชาชนกับสื่อมวลชน เมื่อก่อนประชาชนทั่วไปมีความเดือดร้อนไม่สามารถพึ่งหน่วยงานของรัฐได้ จะมาขอพึ่งสื่อมวลชน เช่น ไปร้องทุกข์กับสถานีวิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ แต่เดี๋ยวนี้ประชาชนกับสื่อมวลชนเป็นคู่อริกัน เห็นกันทีไรเกิดปัญหา บางครั้งรุนแรง ลงไม้ลงมือกันก็มี ซ้ำร้ายไปกว่านั้น คนในครอบครัวเดียวกัน กินข้าวร่วมวงกันไม่ได้ ใส่เสื้อผ้ากันคนละสี ผัวกับเมียต้องแยกห้องนอนกันเพราะว่าความคิดเห็นไม่ตรงกัน เมื่อก่อนนั้นแม้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันบ้าง ก็ยังไม่เคยแตกแยกกันถึงขนาดนี้

3.ความเสียหายด้านการเมือง นับว่าเป็นความเสียหายอย่างรุนแรงเช่นเดียวกัน ประชาชนเลือกตัวแทนเข้ามา แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะอยู่รอดหรือไม่ จะโดนใบแดงหรือไม่ จะถูกถอดถอนวันไหน หรือแม้แต่จะพ้นหน้าที่วันไหน พรรคจะถูกยุบหรือไม่ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจะพ้นจากคณะรัฐบาลวันไหน ในรัฐสภาก็เกิดการแตกแยก มีทั้ง ส.ว. เลือกตั้ง และ ส.ว. แต่งตั้ง ทำงานกันคนละทาง ส.ว. ที่แต่งตั้งพวกเดียวกันเข้ามา ก็เข้ามาทำหน้าที่คอยจ้องล้มรัฐบาลที่เป็นคนละพวก องค์กรอิสระต่างๆ ถูกแทรกแซง ขบวนการยุติธรรมหวังพึ่งไม่ได้ ตุลาการบางคนออกมาพูดดูหมิ่นประชาชนทั้งประเทศ ประชาชนหมดศรัทธา และขาดความเคารพยำเกรง ผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองขาดคุณธรรม เป็นที่พึ่งไม่ได้

ผลพวงความเสียหายที่กล่าวมาแล้วเป็นเพียงบางส่วน แต่ความเสียหายอันยิ่งใหญ่ที่ประเมินค่ามิได้คือการเสียหายทางด้านจิตใจ ที่มีผลกระทบให้เกิดความห่อเหี่ยว จนถึงขั้นตรอมใจตายกันไปก็มี เมื่อเป็นอย่างนี้ยังจะมีกลุ่มทหารที่คิดจะปฏิวัติอีกหรือ ขอให้การรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เป็นครั้งสุดท้ายของประเทศไทยเถอะครับ

ชินวัฒน์ หาบุญพาด



ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker