บทความ โดย ลูกชาวนาไทย
ผมเห็นอธิการบดีมหาวิทยาลัย 24 แห่ง ออกมาเข้าชื่อกัน เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมา เพื่อรื้อระบบการเมืองแล้ว ผมรู้สึกสิ้นหวัง "คนที่ได้ชื่อว่านักวิชาการ” เมืองไทยจริง ๆ ครับ เพราะข้อเสนออย่างนี้ ก็คือ ก็คือ การเอาอำนาจของประชาชน ไปมอบใส่มือให้ “คณะกรรมการอิสระ” นั่นเอง มันไม่ต่างจากการทำรัฐประหารแต่อย่างใด เพราะกรรมการพวกนี้ ก็คงจะร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ และรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นนี้ คงไม่พ้นที่จะ “ลดทอนอำนาจของประชาชน” ลงไป แล้วมีการตั้งองค์กรพิเศษ หรือ มีการ “ตั้งผู้แทน” เข้าไปในสภา โดยผู้แทนกลุ่มนี้คงไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนแต่อย่างใด อธิการบดีพวกนี้คือ แนวรบอีกปีกหนึ่งของพวกอำมาตยาธิบไตย ซึ่งใช้ พธม. เป็นแนวรบเพื่อหาเหตุในการทำรัฐประหารมาครั้งหนึ่งแล้ว ตอนนี้ใช้ข้อ้างเพื่อยุติความวุ่นวายทางการเมือง (ที่ตนเองอยู่เบื้องหลัง) เพื่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่
กรรมการอิสระที่ตั้งขึ้นมา ก็คงไม่แคล้วที่จะเลือกขึ้นมาจาก “กลุ่มนักวิชาการ” ซึ่งคนพวกนี้ก็เป็น “ตัวแทนของพวกศักดินาอำมาตยาธิปไตยอยู่แล้ว” แทบจะขานชื่อได้เลยว่าเป็นใครบ้าง คงไม่พ้น จากนักร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 18 ฉบับที่ผ่านมา เช่น บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประเวศ วะสี สุเมธ ตันติเวชกุล หรือมีชัย ฤชุพันธ์ เป็นต้น ซึ่งตอนนี้ก็มีการขานรับกันอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย เหมือนได้เตี้ยมกันมาแล้ว
เราแทบจะเห็น และเดาล่วงหน้าได้เลยว่า “ข้อเสนอของกรรมการอิสระนี้” จะมีอะไรบ้าง
ผมไม่เชื่อว่า นักวิชาการในประเทศไทย หรือกรรมการอิสระทั้งหลายที่ตั้งขึ้นนี้ จะค้นพบ "ทฤษฎีการเมืองใหม่" ที่ทันสมัยที่สุดในโลก ไม่มีเคยมีนักวิชาการใด หรือ ปราชญ์ ปรัชญาเมธี คนใดในโลกนี้เคยค้นพบมาก่อน การเมืองใหม่ที่ว่านี้จะนำพาประเทศไทยให้่เจริญก้าวหน้าทันสมัยที่สุดในโลกไปได้ มันคงไม่พ้นระบอบการเมืองที่จะคงอำนาจของพวก “ศักดินาอำมาตยาธิปไตย”เอาไว้อย่างแน่นอน
โลกนี้ไม่มีประชาธิปไตยในรูปแบบใหม่ หรือระบบการเมืองที่เป็นการเมือง “แบบยูโทเบีย” อย่างแน่นอน ไม่มีสังคมในฝันที่พวกบ้าตำรวทั้งหลาย ร่ำร้องเรียกหาอย่างแน่นอน การเรียกร้องหาผู้ปกครองที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมในอุดมคตินั้นมันเป็นไปไม่ได้ เพราะอย่าลืมว่า ผู้ปกครองในอุดมคติที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมนั้น ควรจะเป็นผู้ปกครองที่ไม่มีทรัพย์สินและครอบครัวที่จะเป็นสาเหตุของความโลภ โกรธ หลงได้ เพราะสิ่งเหล่านี้ เป็นต้นเหตุของการสูญเสีย “ธรรมะ” ของผู้ปกครองไปในที่สุด
ผมเห็นแต่ผู้ปกครองทั้งหลายในโลก ที่โฆษณาว่าเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม แต่กลับมีทรัพย์สมบัติที่มากมายมหาศาลเป็นมหาเศรษฐีมีเงินหลาย Billions ด้วยกันทั้งสิ้น แต่กลับกล่าวหา ด่าว่าคนอื่นไร้คุณธรรม ในขณะที่ตนเองก็มีพฤติกรรมที่ยิ่งกว่าเสียอีก
ในโลกนี้ไม่มีประชาธิปไตยในรูปแบบใหม่ มากกว่าที่เป็นกันอยู่ในโลกเวลานี้ ไม่มีระบอบใดที่ปฎิเสธ "อำนาจของประชาชน" แล้วเรียกว่าประชาธิปไตยไปได้ ไม่มีระบอบที่ลดทอนอำนาจของประชาชน แล้วได้รับการยกย่องว่าเป็นระบอบการเมืองที่ดีในอุดมคติไปได้
ดังนั้น ข้อเสนอการรื้อระบบการเมืองของนักวิชาการพวกนี้ จึงไม่มีอะไรพิสดารไปกว่า "การปฎิเสธิอำนาจประชาชน" แล้ว "สรรหาวิธีคิดที่จะมีผู้แทน" จากกลุ่มชนชั้นสูง กลุ่มผู้ปกครองขึ้นมา" ไม่ว่าจะชื่ออะไรก็ตาม ขึ้นมาเป็น "ผู้แทน" โดยไม่ผ่านการเลือกตั้งจากประชาชน" แต่ให้อำนาจผู้แทนเหล่านี้ ทัดเทียมกับผู้แทนของประชาชน เหมือนกับที่เราเห็น “สว.สรรหา” ที่เป็นกาฝากของระบอบประชาธิปไตยในขณะนี้นั่นเอง
ผมคิดว่าตอนนี้ “คนชั้นสูง" หรือ “พวกผู้มีอำนาจบารมีนอกระบบ” ทั้งหลาย กำลังอับจนสิ้นหนทางที่จะหาทางคงอิทธิพลทางการเมืองของตนไว้แล้ว เพราะในขณะนี้พวกเขาไม่สามารถทำรัฐประหารได้อีกแล้ว เพราะจะถูกประเทศต่างๆ ทั่วโลกต่อต้านอย่างแน่นอน พวกนี้ใช้ตุลาการภิวัฒน์ ทำลายล้างพรรคการเมือง รัฐบาลที่มาจากเลือกตั้งของประชาชน แต่ ตุลาการภิวัฒน์ ก็ไม่สามารถทำให้พวกเขาเอาชนะทางการเมืองได้
ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาทำได้มีอย่างเดียวคือ "เสนอการร่างรัฐธรรมนูญ จากคนที่ไม่ได้มาจากประชาชน หรือพรรคการเมือง แต่มาจาก “นักวิชาการสายตรง” ของพวกอำมาตยาธิปไตย แล้ว "นักร่างรัฐธรรมนูญทั้งหลาย" ก็คงไม่พ้นหน้าเดิม ที่เคยร่างรัฐธรรมนูญ ทั้ง 18 ฉบับ มาก่อน พวกนี้ก็จะหาหนทางในการดัดแปลงเอาระบบ 70/30 มาใช้ ด้วยชื่อพิสดารอย่างใดอย่างหนึ่ง อย่างแน่นอน
ซึ่งมีวิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้น ที่พวกเขาจะสามารถ "คงอำนาจคนชั้นสูง" เอาไว้ได้
ไม่อย่างนั้น "ระบอบประชาธิปไำตยแบบมวลชน" จะทำลายคนพวกนี้ออกไปจากอำนาจทางการเมืองทั้งหมดอย่างแน่นอน เมื่อพวกเขาไม่มีฐานจากประชาชน ระบอบการเลือกตั้ง จึงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะให้ความเชื่อมั่นในการคงอิทธิพลทางการเมืองเอาไว้ได้
ตอนนี้ไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องคิดระบบการเมืองใหม่ให้วุ่นวาย กลุ่มพันธมิตร เป็นเพียง “ม็อบจัดตั้ง” จากระบอบอำมาตยาธิปไตย” ที่ดันให้พวกนี้ก่อความวุ่นวายขึ้นมา เพื่อที่จะได้ใช้เป็นข้ออ้างในการ “สร้างระบอบการเมืองใหม่” ที่ “ลดทอนอำนาจของประชาชน” เหมือนกับที่เขาใช้เป็นข้ออ้างในการทำรัฐประหารเมื่อปี 2549
ตอนนี้พวกนี้ใช้สื่อ ที่เป็นกระบอกเสียงของระบอบอำมาตยาธิปไตย ส่งเสียงขานรับ และประโคมระบอบการเมืองใหม่ และให้นักวิชาการในอาณัติ ประสานเสียง เพื่อที่จะได้สิ่งที่พวกเขาต้องการ
ระบอบประชาธิปไตย ไม่จำเป็จต้องคิดใหม่ เพราะมันมีตัวอย่างชัดเจนจากทั่วโลกอยู่แล้ว มีรูปแบบที่ชัดเจน ไม่คลุมเครือ มีตัวอย่าง มีข้อพิสูจน์มากมายแล้ว
ตอนนี้ พวก "ศักดินาอำมาตยาธิปไำตย" กำลังดิ้นเต็มที่ ตา่มอายุไข ที่กำลังจะหมดไป
จาก thaifreenews