บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เสื้อแดงปั่นจักรยานจากราชประสงศ์ถึงเรือนจำคลองเปรมวางดอกไม้

ที่มา มติชน


สื้อแดงปั่นจักรยานจากราชประสงศ์ถึงเรือนจำคลองเปรมวางดอกไม้




ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม เวลา 10.30 น. นายสมบัติ บุญงามอนงค์ แกนนอนกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง พร้อมคนเสื้อแดง กว่า 300 คน เดินทางไปรวมตัวหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ก่อนจะปั่นรถจักรยานไปวางดอกไม้แดงหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม

ทั้งนี้กลุ่มคนเสื้อแดงได้ปั่นจักรยานโดยมีบางคนแต่งหน้าผีร่วมขบวนไปด้วย

การเกิดใหม่ ของ "จิตร ภูมิศักดิ์" วีรชน"ไร้ชื่อ" ผู้สร้างภูมิปัญญาแก่สยามประเทศไทย

ที่มา มติชน



ภาค วิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับมูลนิธิจิตร ภูมิศักดิ์ และกองทุนจิตร ภูมิศักดิ์ จัดงาน "80 ปี จิตร ภูมิศักดิ์ (2473-2553)" ที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา โดย ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ในฐานะประธานมูลนิธิจิตร ภูมิศักดิ์ และกองทุนจิตร ภูมิศักดิ์ ได้ให้เกียรติกล่าวปาฐกถานำ

"ใน ฐานะของ"ผู้คนใฝ่ฝันอยากเรียน" ที่ได้ร่วมการ "ขุดค้น-สร้างสรรค์-จด-และ-จำ" และล่าสุดคือผลักดันให้เกิดทั้ง "อนุสรณ์สถานจิตร ภูมิศักดิ์" หรือรูปปั้นของมหาบุรุษที่ "เขาตายในชายป่า" ณ บ้านหนองกุง จังหวัดสกลนคร ข้าพเจ้าก็มีความวิตกกังวล เหมือนกับที่เคยมีส่วนร่วมในความผิดพลาดในการกระทำสิ่งเดียวกันนี้ให้กับ ฯพณฯ ปรีดี พนมยงค์ เมื่อปี 2526

นั่นคือการทำให้ท่านปรีดีกลายเป็น "รูปปั้น" ที่ "นั่งนิ่งๆ" ไร้พลัง อยู่ที่ริม "เจ้าพระยา ท่าพระจันทร์" และนี่ก็คือปัญหาด้านงานศิลปะ ปัญหาด้านงานประติมากรรมของประเทศเราที่ขาดพลัง ขาดชีวิต และขาดความเคลื่อนไหว ไม่สามารถจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นต่อไปได้

แต่ข้าพเจ้าก็ยังพออุ่นใจว่า ที่ได้รับคำปลอบประโลมจากมิตรต่างชาติผู้หนึ่งที่บอกว่า "ความสำคัญของจิตร หาใช่ว่าเขาตายที่ไหน หรืออนุสาวรีย์ของเขาจะเป็นอย่างไร แต่อยู่ที่ความเป็นนักคิด-นักเขียน หรือพูดให้ชัดก็คือ "หนังสือ" ของเขานั้น คือมรดกที่แท้จริง ที่จิตร ภูมิศักดิ์ ทิ้งไว้ให้กับคนไทย และ "สยามประเทศไทย"

และเมื่อ ข้าพเจ้าเริ่มเสาะแสวงหาต่อ ก็ได้คำตอบจากมิตรต่างวัยว่า "เป็นการยากที่จะระบุว่า จิตร ภูมิศักดิ์ ได้เขียนหนังสือออกมากี่เล่ม บทความกี่ชิ้น บทกวีกี่บท หรือแต่งเพลงจำนวนเท่าไหร่ เพราะงานของจิตร ภูมิศักดิ์ ได้เกิด "ภายใต้วันคืนอันอัปลักษณ์" โดยเฉพาะการถูกคุมขังในคุกลาดยาว ภายใต้ "เผด็จการระบอบทหารสฤษดิ์-ถนอม"

จิตร ซึ่งต้องถูกกระทำ ให้ต้องเปลี่ยนชื่อจาก "สมจิตร" ดังเช่น "นางพิม" เปลี่ยนเป็น "นางวันทอง" "สมบูรณ์" เปลี่ยนเป็น "ชาติชาย" หรือเหมือนกับที่ "สยาม" ต้องถูกจับเปลี่ยนเป็น "ไทย" "พระสยามเทวาธิราช" เปลี่ยนเป็น "พระไทยเทวาธิราช" ชั่วคราว และ "แม่น้ำของ" ถูกเปลี่ยนเป็น "แม่น้ำโขง"นั้น ได้ผลิตผลงานออกมาเป็นจำนวนมาก หลายชิ้นเพิ่งพิสูจน์ว่าเป็นผลงานของจิตร หลายชิ้นที่ยังไม่ทราบแน่ชัด ขณะที่อีกหลายชิ้นรอการตีพิมพ์

หลัง "14 ตุลาฯ 2516" คงทราบดีว่า ได้เกิดกระแสของความเปลี่ยนแปลงทางภูมิปัญญา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่คนหนุ่มสาว ในหมู่ของนักเรียน-นิสิต-นักศึกษา ที่เราอาจเรียกให้เป็นบวกว่าเป็น "ปัญญาชน-คนรุ่นใหม่-ซ้ายใหม่-ความคิดก้าวหน้า" หรือให้ "เป็นลบ" ว่า "เอียงซ้าย-หัวรุนแรง-เด็กหัวแดง-คอมมิวนิสต์-หนักแผ่นดิน"ที่ มาพร้อมๆกับ ความเปลี่ยนแปลงในระดับสากลของยุค 60-70 ซึ่งนักสังเกตการณ์ "สังคมสยามประเทศไทย" ท่านหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า นี่เป็นปรากฏการณ์ที่กลับตาลปัตร แทนที่เราจะเชื่อว่า "ดวงอาทิตย์หมุนรอบโลก" กลับกลายเป็น "โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์"

ไม่มี ครั้งใดที่คนหนุ่มสาวของเรา จะมองวีรชน ที่ไม่่ใช่บุคคลที่ประสบความสำเร็จประเภท "วีรบุรุษ-วีรสตรี" ที่เป็นบุคคล หรือเจ้านายที่รัฐให้การยกย่องเชิดชูบูชา แต่วีรชน"ใหม่" ของ "คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่" นี้ กลับกลายเป็นบุคคลที่เป็นผู้แพ้ เป็นผู้ประสบเคราะห์กรรม พลัดพราก ถูกทำลายชีวิต เป็นสามัญชน และที่สำคัญคือ ไม่ได้รับการรับรองจากรัฐ จากแบบเรียนกระทรวงศึกษาฯ หรือจากสื่อมวลชนกระแสหลัก และหลายต่อหลาย "วีรชนใหม่"นี้ ถ้าไม่ถูกทำให้ลืม ก็ "โนเนม" หรือ "ไร้ชื่อ ไร้เสียง" อย่างเช่นกรณีของปรีดี พนมยงค์ กุหลาบ สายประดิษฐ์ นายผี-เสนีย์ เสาวพงศ์ และจิตร ภูมิศักดิ์ และยุค 60 และ 70 นี่เอง ที่เป็นยุคสมัยของการ "ขุด-แต่ง-ฟื้นฟู-บูรณะ-จด-และจำ" วีรชน "นอกคอก-นอกกรอบ-นอกทะเบียน" เหล่านี้

ในบริบทและบรรยากาศเช่นนี้ จิตร ภูมิศักดิ์ ที่ดูเสมือน "ตายอย่างไร้ค่า แต่ต่อมาก้องนาม ผู้คนไถ่ถามอยากเรียน" ที่ทำให้เกิดงานคิด งานเขียนของเขา ถูกขุด ถูกค้น ขึ้นมาโดย "เยาวชนคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ จนกล่าวได้ว่า จิตรได้ถือกำเนิดใหม่เป็นครั้งที่สอง

หลัง 6 ตุลาฯ 2516 เพียง 2-3 ปี มีผลงานของจิตร ถูกตีพิมพ์ออกมาเป็นจำนวนมาก อาทิ กวีการเมือง (2517) บทวิพากษ์ว่าด้วยศิลปวัฒนธรรม (2517) นิราศหนองคาย วรรณคดีที่ถูกสั่งเผา (2518) งานแปล เช่น ความเรียงว่าด้วยศาสนา (2519) คาร์ล มากซ์ ประวัติย่อ (2518) ด้วยเลือดและชีวิต : รวมเรื่องสั้นเวียดนาม (2518)

และจำได้ว่าที่แผงหนังสือที่ท่าพระจันทร์นั้น วันหนึ่งข้าพเจ้าเห็นหนังสือหน้าปกแปลกๆ และชื่อเรื่องประหลาดๆ ที่ทำให้ข้าพเจ้าแม้จะจบปริญญาเอก เขียนงานวิืทยานิพนธ์ทางประวัติศาสตร์อยุธยามาแล้ว ต้องควักเงินซื้อมาในทันที หนังสือเล่มนั้นก็คือ "โฉมหน้าศักดินาไทย" ที่เคยตีพิมพ์มาแล้วในรูปของบทความในหนังสือ "นิติศาสตร์ฉบับรับศตวรรษใหม่" งานเล่มนี้ของเขา แม้จะได้รับการโต้-แย้ง-ปฏิเสธ ในแง่ของทฤษฎีมาร์กซิสม์ อย่างรุนแรงจากนักรัฐศาสตร์ นักประวัติศาสตร์ "กระแสหลัก" แต่ก็สร้างความสั่นสะเทือนให้กับ "ภูมิปัญญา" และแนวจิดเดิมๆของสยามประเทศไทย อย่างไม่เคยมีมาก่อน

ในขณะเดียวกัน งานหนังสือวิชาการที่หนักแน่นและรัดกุมมากว่า คือ "ความเป็นมาของคำสยาม, ไทย ลาว และขอม และลักษณะทางสังคมของชื่อชนชาติ" ที่ถูก "ฝาก-ฝัง" และเก็บรักษาต้นฉบับไว้เป็นอย่างดีก็เริ่มปรากฏสู่บรรณพิภพหลังจากที่จิตร เสียชีวิตแล้วถึง 10 ปี

หนังสือเล่มนี้ น่าจะเป็นเล่มท้ายๆที่ตีพิมพ์ออกมาได้ก่อนเหตุการณ์"วันมหาวิปโยค 6 ตุลา 2519" ที่สังคมสยามประเทศไทย ไม่เพียงแต่เห็น "อาชญากรรมโดยรัฐ" ใช้กำลังอาวุธทหารและตำรวจ ประหัดประหารประชาชน กลางกรุงเทพมหานครอีกหนึ่งครั้ง ก็ได้เห็นการ"ยึด-ทำลาย-เผา-คำสั่งห้าม" ทั้ง "หนังสือ-การอ่าน-ความคิด-การเขียน" และเราต้องไม่ลืมว่าสมัยนั้น ยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ-ไอโฟน ไม่มีอีเมล์ อินเตอร์เน็ต ไม่มีเฟซบุค ทวิตเตอร์

ความพยายามในครั้งนั้น ที่จะฟื้นฟู "ระบอบทหาร" และ "การปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" นั้น แม้จะยับยั้ง "กระบวนการประชาธิปไตย" ได้ชั่วครั้งชั่วคราว แต่เพียงไม่กีปี ก็ไม่สามารถสกัดกั้น "ผู้คนที่ไถ่ถามอยากเรียน"ได้ ดังนั้นผลงานที่ออกมาตามกันก็มีเช่น "โองการแช่งน้ำ และข้อคิดใหม่ในประวัติศาสตร์ไทยลุ่มน้ำเจ้าพระยา" หรือ "ตำนานแห่งนครวัด" หรือ "สังคมไทยลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา"

อาจกล่าว ได้ว่าความพยายามของ "ผู้คนที่ใฝ่ฝันอยากเรียน" ที่มาจากหลายฝ่าย หลายกลุ่ม ที่ต่างวัย ต่างประสบการณ์ ด้วยกันนั้น ทำให้จิตร ภูมิศักดิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นับตั้งแต่วาระการครบรอบ 72 ปี เมื่อปี 2545 นั้น ได้ทำให้ความเป็น นักคิด-นักเขียน ของเขา ดูจะยิ่งหนักและแน่นยิ่งขึ้น ถึงกับมีการกล่าวว่า จิตร "เกิดเป็นครั้งที่ 3"

และ "งานสังคมสยามประเทศไทย" ที่จิตรใฝ่ฝัน และกระทำมาให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้ว ทั้งจับปากกาและปืน เพื่อสร้างสังคมใหม่ที่ดีกว่า ที่เป็น "ประชาธิปไตย" ที่เต็มไปด้วย "ภราดรภาพ-เสมอภาค-เสรีภาพ" นั้นยังไม่จบ และจำเป็นต้องดำเนินไปด้วยคนรุ่นใหม่ ที่จะตามติดกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่า และนี่ก็เป็นสัจธรรมของทุกสังคม"

สุรพศ ทวีศักดิ์: บทเติม “กษัตริย์ตามทัศนะของพุทธศาสนา”

ที่มา ประชาไท

สุ รพศ ทวีศักดิ์” ส่งบทความอันเป็น “บทเติม” บทความก่อนหน้านี้ โดยเสนอว่าต้องซื่อสัตย์ต่อหลักการที่ว่าพุทธศาสนาปฏิเสธระบบชนชั้นอย่าง ชัดเจน ทั้งในแง่หลักการสำคัญของคำสอน

ในบทความ กษัตริย์ตามทัศนะของพุทธศาสนา” ผม อ้างถึงอัคคัญญสูตรว่า พุทธศาสนาปฏิเสธระบบชนชั้นแบบพราหมณ์ และเสนอว่าพุทธศาสนามองว่า “มนุษย์เท่าเทียมกับภายใต้กฎแห่งกรรม” ประเด็นที่ผมต้องการขยายความต่อ คือ

1. การปฏิเสธระบบวรรณะแบบพราหมณ์ หมายถึงการปฏิเสธความคิดหลักสำคัญสองเรื่อง คือ 1) ปฏิเสธอภิปรัชญาที่ว่าพระพรหมสร้างโลกสร้างมนุษย์ และกำหนดสถานะทางชนชั้นอย่างตายตัว เป็น กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร 2) ปฏิเสธสถานะทางศีลธรรมที่ตัดสินคุณค่าความเป็นคน ความดี ความเลว การได้รับการปฏิบัติ หรือยกเว้นการปฏิบัติ ฯลฯ โดยอ้างอิงสถานะทางชนชั้น

2. เมื่อ ปฏิเสธเช่นนั้นพระพุทธองค์เสนอว่า “...เรื่องของสัตว์ เหล่านั้นจะต่างกันหรือเหมือนกัน จะไม่ต่างกันหรือไม่เหมือนกันก็ด้วยธรรมเท่านั้น ไม่ใช่นอกไปจากธรรม...” ฉะนั้น เกณฑ์ตัดสินดีเลวของมนุษย์ คือ “ธรรม” ซึ่งได้แก่ กุศลธรรม กับอกุศลธรรม ใครประพฤติกุศลธรรมก็คือทำกรรมดี ได้รับผลดี ประพฤติอกุศลธรรมก็คือทำกรรมชั่ว ได้รับผลชั่ว หรือทำดี ก็เป็นคนดี ทำชั่ว ก็เป็นคนชั่ว นี่คือความหมายตรงๆ ของคำว่า “ธรรม หรือกรรมจำแนกคนให้ต่างกันหรือเหมือนกัน” ซึ่งเจาะจงที่เรื่องทางศีลธรรม ไม่ใช่เรื่องสถานะทางสังคม (แน่นอนว่า ตามคำสอนเรื่องกรรมระบุว่าคนทำดี ทำชั่วแล้วทำให้เกิดมามีสถานะทางสังคมที่ต่างกัน แต่นั่นคือ “ทำให้เกิด” ไม่ได้หมายความว่าเมื่อเกิดมาในชนชั้นใดๆ แล้วเขาควรจะได้รับข้อยกเว้นเป็นพิเศษ เช่น เกิดในชนชั้นกษัตริย์แล้ว สั่งฆ่าคนต้องได้รับข้อยกเว้นไม่ต้องรับผิดทางศีลธรรม ฯลฯ ในทศชาติชาดก “พระเตมีใบ้” ทำตัวเป็นคนใบ้เพราะไม่ต้องการเป็นกษัตริย์ เนื่องจากเห็นว่าถ้าเป็นกษัตริย์อาจหลีกเลี่ยงการทำบาปไม่ได้ เช่น ต้องสั่งประหารชีวิตนักโทษ เป็นต้น)

3. ประเด็นสำคัญคือหลักคิดเรื่องกรรมบ่งบอก “ความ เป็นมนุษย์” อย่างไร พุทธศาสนาระบุว่า “กรรมคือเจตนา” (เจตนาหัง กัมมัง วทามิ - ภิกษุทั้งหลายเรากล่าเจตนาว่าเป็นกรรม) หมายความว่า กรรมหรือการกระทำเกิดจากความจงใจ เมื่อมีความจงใจก็หมายถึงมี “การเลือก” (ว่าจะทำอะไร จะทำหรือไม่ทำ ฯลฯ) เมื่อมีการเลือกก็หมายความว่ามี “เสรีภาพ” และเพราะใช้เสรีภาพในการเลือกกระทำจึงต้องรับผิดชอบต่อผลกรรมหรือผลของการ กระทำ ฉะนั้น หลักคิดเรื่องกรรมหรือการกระทำทางศีลธรรมตามทัศนะของพุทธศาสนา จึงแสดงให้เห็น “ความเป็นมนุษย์” ว่าคือ “ความมีเสรีภาพและความรับผิดชอบ”

4. ประเด็นที่ว่า “ความเป็นมนุษย์คือเสรีภาพ” นี้ ผมคิดว่าพุทธศาสนามองในระดับเดียวกับทัศนะของ existentialism (แม้จะมีรายละเอียดอื่นๆ ต่างกันมาก) คือมองว่า “เสรีภาพ เป็น essence หรือเป็นธรรมชาติอันเป็นแก่นแท้ของมนุษย์” ในความหมายที่ว่า ถ้าปราศจากเสรีภาพมนุษย์ก็ไม่เหลือความเป็นมนุษย์ พุทธศาสนาอาจไม่มีคำศัพท์ freedom เหมือนที่ใช้กันในปรัชญาตะวันตกสมัยใหม่ แต่คำสำคัญที่ยืนยันว่า “เสรีภาพ เป็น essence หรือเป็นธรรมชาติอันเป็นแก่นแท้ของมนุษย์” คือคำว่า “วิมุติ” (พจนานุกรมพุทธศาสน์ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต แปล “วิมุติ” ว่า freedom) หมายถึงความหลุดพ้น ความมีเสรี หรือความเป็นอิสระจากพันธนาการของกิเลส สาระสำคัญก็คือว่า สัญชาตญาณ อารมณ์ความรู้สึก ความโลภ โกรธ หลง ฯลฯ สิ่งเหล่านี้แม้จะเป็นคุณลักษณะด้านหนึ่งของมนุษย์ แต่ก็ไม่ใช่ essence ของมนุษย์ในความหมายที่ว่าเมื่อเอาสิ่งเหล่านี้ออกไป หรือขจัดสิ่งเหล่านี้ออกไปจากความเป็นมนุษย์ได้หมดสิ้น (เช่นพระพุทธเจ้า พระอรหันต์) ความเป็นมนุษย์ก็ไม่ได้หมดไป [มีพุทธพจน์ยืนยันว่ากิเลสต่างๆเป็นเหมือนอาคันตุกะที่จรมาในจิตเรา] แต่พุทธศาสนากลับมองว่าเมื่อขจัดสิ่งเหล่านั้นออกไป เสรีภาพที่สมบูรณ์ของมนุษย์ปรากฏขึ้น ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ปรากฏขึ้น!

5. เรื่อง “เสรีภาพ (ทางจิต) ที่สมบูรณ์ = ความเป็นมนุษย์สมบูรณ์” เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันได้ (เพราะเกี่ยวข้องกับความหมาย/คุณค่าของ “สมบูรณ์” ว่าคืออะไร น่าพึงปรารถนาหรือไม่ ฯลฯ) แต่ความหมายสำคัญคือว่า ถ้ามนุษย์ไม่มี “เสรีภาพ เป็น essence หรือเป็นธรรมชาติอันเป็นแก่นแท้” มนุษย์จะสามารถพัฒนาตนให้สามารถบรรลุถึงวิมุติหรือความมีเสรีภาพที่สมบูรณ์ ได้อย่างไร

สรุปตรงนี้ว่า เพราะมนุษย์มีเสรีภาพเป็นแก่นสาร ฉะนั้น มนุษย์จึงสามารถเลือกกระทำกรรมต่างๆ และหากมนุษย์เลือกกระทำกรรมดี จนถึงเลือกปฏิบัติตามมรรคมีองค์ 8 ได้สมบูรณ์ มนุษย์ก็จะหลุดพ้นจากอำนาจของสัญชาตญาณหรือกิเลสต่างๆ กลายเป็นมนุษย์ที่มีเสรีภาพสมบูรณ์ หรือเสรีภาพที่เป็นแก่นสารซึ่งอยู่ในสภาพแฝง (potentiality) คลี่คลายกลายเป็นสภาพจริง (actuality)

6. ทีนี้เราจะมอง “ความ เป็นคนที่เท่าเทียม” ในมุมไหน สำหรับผมเราจะบอกว่า “ความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมคือความมีเสรีภาพ เป็น essence เหมือนกัน” ก็ได้ และเนื่องจากความคิดเรื่องเสรีภาพในพุทธศาสนาแยกไม่ออกจากความคิดเรื่องกฎ แห่งกรรมหรือกฎแห่งการกระทำทางศีลธรรม ในความหมายที่ว่าเสรีภาพในการเลือกกระทำเป็นเงื่อนไขที่ขาดไม่ได้ของ “กรรม” หรือการกระทำทางศีลธรรม

คือถ้ามนุษย์ไม่มีเสรีภาพในการ เลือก กรรมหรือการกระทำและความรับผิดชอบก็มีไม่ได้ การพัฒนาตนไปสู่ความหลุดพ้นก็เป็นไปไม่ได้ และภายใต้กฎแห่งกรรมมนุษย์ย่อมมีความเสมอภาคทางศีลธรรม คือ “ทุกคนใช้ เสรีภาพเลือกกระทำสิ่งเดียวกันด้วยคุณภาพจิต (เช่น โกรธ เมตตา ฯลฯ) แบบเดียวกันย่อมได้รับผลแบบเดียวกัน” หรือ “เมื่อใช้เสรีภาพเลือกทำสิ่งที่ถูกก็ถูก เลือกทำสิ่งที่ผิดก็ผิด ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม”

7. ฉะนั้น ความเสมอภาคภายใต้กฎแห่งกรรม หรือ “ความ เท่าเทียมทาง ศีลธรรม” บ่งบอกถึง “ความเสมอภาคในความเป็นคน” คือ “ความมีเสรีภาพ-ความรับผิดขอบ-อิสรภาพที่จะลิขิตชีวิตตนเองที่มนุษย์มีอย่าง เท่าเทียมกัน” ถ้า apply หลักการนี้กับหลักการทางสังคมการเมือง จะเห็นได้ชัดว่าขัดแย้งกับระบบสังคมการการเมืองที่ยอมรับระบบชนชั้น แต่เข้ากันได้กับระบบสังคมการเมืองที่ยืนยัน “ความเท่าเทียมในความเป็นคน"

บทส่งท้าย

ที่ ผมเขียนมานี้ ไม่ได้ต้องการเสนอว่าพุทธศาสนาเป็นหรือไม่เป็นประชาธิปไตย พุทธศาสนาย่อมเป็นพุทธศาสนาที่ให้คำตอบแน่นอนเฉพาะเพาะเรื่อง (ไม่ใช่ให้คำตอบได้ทุกเรื่อง) แต่ต้องการเสนอว่า พุทธศาสนาปฏิเสธระบบชนชั้นอย่างชัดเจน ทั้งในแง่หลักการสำคัญของคำสอน (เช่น ดังอภิปรายมา เป็นต้น) และความพยายามสร้างความเท่าเทียมทางสังคม เช่น สร้างสังคมสงฆ์ อนุญาตให้สตรีบวช เป็นต้น (แม้จะทำได้อย่างจำกัดในบริบทสังคมเมื่อกว่าสองพันปีที่แล้ว แต่ก็เห็นได้ว่าพยายามทำ)

การตีความพุทธศาสนาเพื่อสนับสนุนระบบชนชั้น (หรือ apply พุทธเพื่อรับใช้การเมือง) อาจพิจารณาได้ว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือความจำเป็นทางประวัติศาสตร์ ซึ่งเราต้องยอมรับอย่างซื่อสัตย์ว่านั่นเป็น “การบิดเบือน” เมื่อประวัติศาสตร์เปลี่ยนไป หรือผู้เขียน (ที่มีอำนาจอันชอบธรรมในการเขียน) ประวัติศาสตร์เปลี่ยนมาเป็นประชาชนของประเทศ เราย่อมไม่อาจยอมรับการบิดเบือนแบบอดีตอีกต่อไป

ซึ่งทำได้ง่ายๆ คือ ต้องซื่อสัตย์ต่อหลักการที่แท้จริง!

คนดี

ที่มา Thai E-News



กาลครั้งหนึ่ง
คนเลวขวักไขว่เต็มบ้านเมือง
ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกมาช้านาน
ไม่มีผู้ใดใส่ใจ
คนเลวเหล่านั้นก้มหน้าทำมาหากินเลี้ยงปากท้อง
สุขทุกข์อยู่ที่ความพึงพอใจคืนและวัน
เหตุการณ์ดำเนินไปเนิบช้า ซ้ำซากผ่านเดือนปี
มิเคยพบพานความพอเพียง
การเปลี่ยนแปลงค่อยๆขยับเขยื้อนตัวอย่างไม่เปิดเผย
คนเลวเหม่อมองเงาในน้ำฤดูเก็บเกี่ยวหนี้สิน
ดั่งต้องคำสาบให้ก้มหัวยอมรับกรอบกฎความดีเชื่องๆ

กาลครั้งนั้น
คนดีอีกหยิบมือมิเคยสำนึกคุณค่าหยาดเหงื่อผู้มีพระคุณ
เสพสุขความผิดเพี้ยนของโลกอยุติธรรมใต้เสื้อเกราะเหนือธรรมชาติ
ภาคภูมิในเลศนัยปรัมปรา
สูบเลือดชาวประชาจนซูบเซียวทั่วทุกหัวระแหงบนฐานะคนดีของคนดี
ดวงอาทิตย์ยังคงตกดินทางทิศตะวันออก
แต่ความดีตีความริเริ่มแตกต่างทิศทาง
ความเลวเปิดเผยตัวตนแท้จริงคนดีทีละน้อย ทีละน้อย
ณ แผ่นดินแห่งความสุขสงบร่มเย็นเนิ่นนาน ลุกร้อน

อยู่มาวันหนึ่ง...
ดวงอาทิตย์ขึ้นและตกทางทิศที่มันควรจะเป็น
ผูกขาดยื้อยุดดวงอาทิตย์มิได้อีกต่อไป
ปืนที่ถืออยู่ในมือเปื้อนเลือดมัดคนดีแน่นหนาขึ้นทุกขณะ
นิยามดีเลวขมวดเกลียวใกล้ถึงฉากจบ
ความดีเป็นแค่เครื่องมือของคนเลวเพียงหยิบมือ
บ้านเมืองวุ่นวายไม่สิ้นสุด
ใช่ ... คนดีจอมปลอมครอบงำบ้านเมืองเนิ่นนานเกินไปแล้ว !!!



อรุณรุ่ง สัตย์สวี

ศาลรธน.ป่วนอีก คลิปใหม่ ปล่อยกันว่อนเน็ต

ที่มา ข่าวสด

เจ้าเก่าโพสต์ขึ้นยูทูบ3ตอน ถกวุ่นแก้ข้อหาข้อสอบรั่ว 'ปชป.'โวยกดดันยุบพรรค!




คลิปใหม่ - ผู้ใช้นาม ohmygod3009 ปล่อยคลิปชุดใหม่อีก 3 ตอนทางเว็บยูทูบ อ้างว่าเป็นบทสนทนาของบุคคลสำคัญในศาลรัฐธรรมนูญ หลังปล่อยคลิปการนัดพบระหว่างเจ้าหน้าที่ศาลกับส.ส.ประชาธิปัตย์ออกมาก่อน หน้านี้

คลิประลอกใหม่ตามหลอน ศาลรัฐธรรมนูญ ผลงาน'โอมายก๊อด3009'เจ้าเดิมเนื้อหาเป็นเรื่องชาย 3 คนถกเครียดรับมือคลิป ทั้งหาคนแอบถ่ายและทำลายน้ำหนักหลักฐาน จตุพรบี้หาคนรับผิดชอบ ปชป.โดดอุ้มตุลาการ ด้าน'บุรณัชย์ สมุทรักษ์'โยนขบวนการกดดันศาลรธน.สั่งยุบปชป.

โอมายก๊อดปล่อยคลิปอีกระลอก

เมื่อ วันที่ 30 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บข่าวไทยอีนิวส์ และประชาไท รายงานว่า เมื่อวันที่ 29 ต.ค. มีการเผยแพร่คลิปชุดใหม่ที่อ้างว่า เกี่ยวกับคดียุบพรรคประชาธิปัตย์อีกชุด จำนวน 3 ตอน หรือ 3 คลิปด้วยกัน พร้อมซับไตเติ้ลภาษาไทย ผ่านทางเว็บไซต์ยูทูบ และอ้างว่าเป็นบทสนทนาระหว่างบุคคลสำคัญ 3 คน ซึ่งคลิปทั้งหมดโพสต์โดยบุคคลที่ใช้ชื่อว่า ohmygod3009 ซึ่งเป็นชื่อเดียวกันกับผู้ที่โพสต์ 5 คลิปที่เกี่ยวข้องกับศาลรัฐธรรมนูญและพรรคประชาธิปัตย์ก่อนหน้านี้

สำ หรับคลิปทั้งสามตั้งชื่อว่า พฤติกรรมศาลรัฐธรรมนูญไทย ตอนที่ 1, ตอนที่ 2 และ ตอนที่ 3 ทั้งนี้ภายหลังที่คลิปชุดแรกแพร่สะพัดออกไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความพยายามค้นหาว่าใครเป็นผู้เผยแพร่คลิป โดยทางตำรวจกองปราบปรามระบุว่า จะดำเนินการออกหมายจับผู้เผยแพร่

คลิปยุบพรรคประชาธิปัตย์ ขณะเดียวกันสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญถอดนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ออกจากตำแหน่งเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ โดยนายพสิษฐ์เดินทางออกนอกประเทศไปก่อนหน้านั้นแล้ว

นอกจากนี้ ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ยังยื่นฟ้องนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ข้อหาหมิ่นประมาทจากการเผยแพร่คลิปชุดดังกล่าว ขณะที่ฝ่ายพรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแสดงความรับผิดชอบ พร้อมกับโจมตีพรรคประชาธิปัตย์อย่าเบี่ยงเบนประเด็นไปยังคนปล่อยคลิป แทนที่จะให้ความสำคัญกับการสนทนาระหว่างนายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.ระนอง พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นทั้งกรรมการบริหารพรรคและทีมกฎหมายสู้คดียุบพรรค ไปพบปะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญ โดยเรียกร้องสังคมช่วยกันแสดง ออกถึงความไม่ถูกต้องเหมาะสมดังกล่าว

โชว์เบื้องหลังถกทำลายหลักฐาน

สำ หรับคลิปชุดใหม่ล่าสุด มีคำบรรยายคลิปในตอนที่ 1 อ้างว่าเป็นการปรึกษาหารือของผู้เกี่ยวข้องในคดี เพื่อจะแก้ปัญหา คลิปกรณีเอาข้อสอบไปให้ญาติและพวกตัวเองอ่านก่อนสอบ หนึ่งในสามของผู้อยู่ในคลิป เป็นชายระบุในคำบรรยายว่าชื่อ "พิสิษฐ" และเรียกตัวเองว่า "ปอย"

ส่วนคลิปสอง เขียนว่าต่อเนื่องจากตอนที่ 1 ส่วนตอนที่ 3 เขียนบรรยายคลิปว่า

"การ ให้คำแนะนำพรรคพวกในการให้ข่าว หากมีการนำบทสนทนาที่นำข้อสอบไปให้ญาติ และพรรคพวกถูกเปิดโปงออกมา โดยโยนให้เป็นเรื่องของขบวนการทำลายเครดิต และให้บอกว่าคลิปมีการตัดต่อโดยอ้างว่า อภิสิทธิ์ก็โดนเช่นกัน อีกทั้ง คนของพรรคเพื่อไทยอยู่เบื้องหลังการนำคลิปไปเผยแพร่"

และยังมีหมาย เหตุด้วยว่า หลังจากคลิปนี้ออกไป อาจจะทำให้การพิจารณาคดีชะงักงัน และการยุบพรรคอาจต้องทอดเวลาออกไป ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ทำหน้าที่รัฐบาลต่อไปอีก ผลจาก

คลิปดังกล่าวทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในเว็บบอร์ดต่างๆ ว่า จะส่งผลทางการเมืองอย่างไรต่อไป โดยเฉพาะในคดียุบพรรค

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคลิปชุดใหม่ที่ถูกนำมาเผยแพร่นี้ จะเป็นการพูดคุยกันของผู้ชาย 3 คน เนื้อหาเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการแอบถ่ายคลิป ทั้งในส่วนของบุคคลที่แอบถ่าย และหารือถึงการทำลายน้ำหนักหลักฐานของคลิปที่ถูกถ่าย ทั้งการเตรียมข้อมูลในเรื่องต่างๆ เพื่อแถลงข่าวตอบโต้ โดยการอ้างว่ามีการตัดต่อที่นายกฯ ก็โดนเช่นกัน

ตู่บี้หาความรับผิดชอบ

นาย จตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช. ให้สัมภาษณ์ถึงคลิปใหม่ที่เผยแพร่ออกมาว่า ตนยังไม่เห็นคลิปดังกล่าว และไม่รู้ว่าเนื้อหาจะเป็นฉบับเดียวกันกับคลิปที่ตนได้รับจำนวน 3 คลิปหรือไม่ เพราะว่าวันนี้เดินทางมาจ.สุราษฎร์ธานี ทราบเพียงข้อความที่ส่งทางโทรศัพท์มือถือระบุว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการโกง ข้อสอบจึงยังไม่ขอไปวิจารณ์หรือให้ความเห็นว่าเป็นอันเดียวกันหรือไม่ แต่ถ้าในเนื้อหาคลิปที่มีการเผยแพร่และมีการส่งข้อความทางโทรศัพท์ว่า เนื้อหาเป็นเรื่องการพูดคุยถึงเรื่องเกี่ยวกับข้อสอบก็น่าเป็นคลิปเดียวกัน เรื่องนี้พูดไว้ชัดเจนแล้วว่ามีคนส่งมาให้ดู และไม่ได้ส่งมาให้ตนเพียงคนเดียว เพราะฉะนั้นใครจะนำออกมาเผยแพร่ไม่ทราบ และขอยืนยันว่าไม่มีปัญญาที่จะเข้าไปถ่ายคลิปซึ่งเป็นไปไม่ได้ ขอย้ำว่าตนจะเปิดให้กับประธานศาล และตุลาการได้ดูเท่านั้น ไม่มีการนำไปเผยแพร่ช่องทางอื่นแน่นอน

นายจตุพรกล่าวต่อว่า เรื่องนี้เราจะไม่ทำอะไรเลย เพราะปัญหาไม่ได้อยู่ที่เราหรือคนที่นำออกมาเผยแพร่ แต่ผู้ที่จะต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบก็คือ ตัวตุลาการศาลรัฐธรรม นูญ เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นก็แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมที่ไม่ เหมาะสมของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่น่าเชื่อถืออย่างที่เคยบอกว่า "สนิมเกิดจากเนื้อในตน" ใครทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบ

องอาจไม่เชื่อตุลาการเอนเอียง

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประสำนักนายกฯ และส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการยุบศาลรัฐธรรมนูญว่า ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญที่มีความสำคัญในยุคปัจจุบัน เนื่องจากเป็นองค์กรที่ต้องตัดสินชี้ขาดในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องขององค์กรที่เกี่ยวพันกับรัฐธรรมนูญ ส่วนอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องของบุคคลในองค์กรถือเป็นเรื่องบุคคล ต้องแยกให้ออกจากองค์กร ความเป็นองค์กร ความเป็นสถาบัน ความเป็นศาลรัฐธรรมนูญ ผมยังยืนยันว่ายังมีความจำเป็นต้องมีและดำรงอยู่ ส่วนเรื่องบุคคลมีอะไรที่ต้องปรับหรือแก้ไขก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลไปไม่น่าจะ นำมาเกี่ยวข้องกับศาลโดยร่วม

ผู้สื่อข่าวถามว่าบางฝ่ายกดดันให้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่อยู่ในเหตุการณ์คลิปฉาวลาออก นายองอาจกล่าวว่า ต้องดูว่ากระบวนการของความพยายามที่ก่อให้เกิดคลิปนี้ มีที่มาอย่างไรด้วย จนกระทั่งมาถึงสาเหตุตรงนี้ ส่วนตัวไม่เชื่อว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องคลิป หรือมีจุดยืนเอนเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะการมาเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ต้องผ่านการคัดเลือกจากผู้พิพากษาศาล ฎีกาเป็น 100 คน อย่างโปร่งใส คนเหล่านี้ตนจึงไม่เชื่อว่าจะมีใครไปแทรกแซง หรือทำให้จุดยืนการทำงานของตุลาการศาลรัฐธรรม นูญเบี่ยงเบนเพื่อประโยชน์ของใครได้ในกระบวนการตัดสินใจในเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของคลิปนี้คงต้องพิจารณาดูต้นตอที่มาของเรื่องนี้ เป็นสำคัญ

เมื่อถามต่อว่าส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์จะยื่นยุบพรรค เพื่อไทยหรือรอฝ่ายกฎหมายพิจารณาอยู่ จากกรณีเป็นต้นตอของคลิปฉาว นายองอาจ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป ฝ่ายกฎหมายกำลังพิจารณาอยู่นับตั้งแต่มีการออกมาเปิดเผยในเรื่องนี้มีส่วนใด ที่ส่งผลกระทบ และหากพบว่าส่งผลกระทบทางฝ่ายกฎหมายก็จะเป็นผู้พิจารณา ถ้ายื่นคงต้องพิจารณาให้รอบคอบด้วย ซึ่งทางฝ่ายกฎหมายนั้นเป็นเรื่องของการดำเนินการตามกฎหมาย ตามบัญญัติรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ยื่นตามความพึงพอใจของใครคนใดคนหนึ่ง

ปชป.ชี้หวังผล'กดดันศาลรธน.'

ที่ พรรคประชาธิปัตย์ น.พ.บุรณัชย์ สมุท รักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคติดตามความเคลื่อนไหว รวมถึงทนายคนเสื้อแดงยื่นต่อสำนักงานป.ป.ช. ให้สอบตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 4 ท่านนั้น ทางพรรควิเคราะห์ว่า เป็นการจงใจเลื่อนระยะเวลาที่กำลังจะมีการวินิจฉัยคดีที่เกี่ยวข้องกับการ ใช้เงินของพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อที่จะทำให้สังคมเกิดความสงสัยในการทำงานของระบบตุลาการและศาลรัฐ ธรรมนูญ เช่นเดียวกับการเผยแพร่คลิป หรือการออกมาให้ข่าวจะมีการแก้ไขกฎหมาย เพื่อยึดศาลรัฐธรรมนูญ หรือการเตรียมชุมนุมในวันที่ 19 พ.ย.นี้ ที่อาจนำไปสู่การสร้างความกดดันต่อการพิจารณาคดีนี้ ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดนี้ก็มีวัตถุประสงค์เดียวกันทั้งสิ้นคือการโน้มน้าว ให้สังคมเกิดความสงสัยต่อกระบวนการพิจารณามากกว่าที่จะใช้ดูข้อเท็จจริง ดังนั้นอยากให้ทุกฝ่ายเลิกการกระทำใดๆ ที่เป็นการกดดันหรือคุกคามศาลรัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกับที่เคยดำเนินการกับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา

"ผมคิดว่าข้อมูลข้อเท็จจริงทั้งหมด ต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย รวมถึงเบาะแสและที่มาของคลิป ทางพรรคประชาธิปัตย์ ขอยืนยันว่ามีหลักฐานปรากฏว่ามีการเชื่อมโยง เช่น การอัพโหลดวิดีโอคลิป จากไอพีแอดเดรสจากต่างประเทศ และการเดินทางไปต่างประเทศของผู้ที่เกี่ยวข้องกันกับการจัดทำคลิปในลักษณะ ที่มีส่วนรู้เห็น ที่ได้มีการดำเนินการตามกฎหมายและตามคำร้องขอจากศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว" น.พ.บุรณัชย์กล่าว

แจงไม่เคยกล่าวหา'พท.-เหลิม'

น.พ.บุ รณัชย์ กล่าวว่า กรณีที่พรรคเพื่อไทยออกมาให้ข้อคิดต่างๆ ในเรื่องนี้นั้น พรรคประชาธิปัตย์ คิดว่าทางสังคมอยากให้การเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติและไม่ดึงความขัดแย้งของ สถาบันหรือกระบวนการที่อยู่นอกเหนือความขัดแย้งทางการเมืองเข้ามาปลุกระดม เพื่อสร้างความเข้าใจที่ผิดที่อาจจะทำให้เกิดความแตกแยกในบ้านเมืองเพิ่ม ขึ้น ทางสังคมเองก็สามารถใช้วิจารณญาณไตร่ตรองบทบาทขององค์กรที่เกี่ยวข้องต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง รวมทั้งพรรคเพื่อไทยด้วยในการให้ความกระจ่างชัดต่อกรณีดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าเป็นส่วนสำคัญทั้งกรณีจัดทำคลิป เป็นส่วนที่มีความกระจ่างชัดต่อมาในสังคม

น.พ.บุรณัชย์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ ขอยืนยันว่าไม่เคยกล่าวหาพรรคเพื่อไทยว่ามีส่วนในการผลิตวิดีโอคลิปดังกล่าว แต่มีความกังวลว่าข่าวที่ปรากฏต่อสาธารณชนในประเทศไทยนั้นเกิดขึ้นก่อนจะมี การรับทราบการปรากฏวิดีโอคลิปในยูทูบ แต่คำให้สัม ภาษณ์ของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ว่าไม่ควรดูคลิป แต่ควรดูที่เนื้อหาสาระนั้น พรรคประชาธิปัตย์ขอยืนยันว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องในส่วนที่ถ่ายทำหรือผู้ที่เกี่ยวข้องในคลิปวิดีโอนั้น ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่ต้องการจะลดความเชื่อถือของกระบวนการ ยุติธรรม กรณีที่มีข่าวออกมาระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุ ร.ต.อ. เฉลิม เป็นผู้เกี่ยวข้องกันกับการทำลายกระบวนการยุติธรรมนั้น เป็นข่าวที่คลาดเคลื่อน แต่หมายถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ผลิตและเผยแพร่คลิปดังกล่าว บทบาทของพรรคเพื่อไทยในเรื่องนี้ ก็เป็นเรื่องที่สังคมมีข้อสงสัยอยู่ในระดับหนึ่ง และมีความสำคัญที่พรรคเพื่อไทยจะแสดงความชัดเจนต่อกรณีนี้ต่อไป

'โฆษกมาร์ค'โดดอุ้มตุลาการ

นาย เทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นการเตรียมการเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของสถาบันศาลรัฐธรรมนูญอย่างเป็น ขบวนการ เพื่อสร้างกระแสสังคมนำไปสู่เป้าหมายการยุบพรรคประชาธิปัตย์ให้ได้ โดยไม่ได้สนใจข้อเท็จจริงในมูลคดี แต่พรรคเพื่อไทยก็พยายามสร้างกระแสสังคมโดยการบิดเบือนข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อให้สอดรับกับข้อกล่าวหา 2 มาตรฐานตามที่เคยได้ใช้ปลุกระดมมวลชนมาโดยตลอด

โฆษกประจำตัวหัวหน้า พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่พรรคเพื่อไทยออกมาสนับสนุนให้มีการจับกุมส่งตัวนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการส่วนตัวของประธานศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการแอบถ่ายคลิปก็ขอให้เป็นเจตนาที่บริสุทธิ์ ไม่ใช่เรียกร้องเพื่อแก้เกี้ยวและสร้างภาพว่าไม่เกี่ยว ข้องให้กับพรรคตัวเอง ทั้งที่เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ เมื่อสนับสนุนให้ส่งตัวนายพสิษฐ์แล้ว เหตุใดไม่สนับสนุนให้มีการส่งตัวแกนนำนปช.ที่หลบหนีคดีฐานผู้ก่อการร้ายใน ขณะนี้

นายเทพไท ยังกล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งออกมาเปิดใจว่าเบื่อและอยากลา ออกจากตำแหน่งดังกล่าวนั้น ตนอยากให้สังคมให้การสนับสนุน เพราะถ้าหากคนดีเกิดความท้อแท้ ท้อถอยสังคมก็จะได้คนเลวขึ้นมาครองเมือง ไม่อยากจะให้ตุลาการชุดนี้หวั่นไหวต่อกระแสกดดันใดๆ ทั้งสิ้น ไม่เช่นนั้นจะเป็นการเข้าทางตามที่ขบวนการทำลายสถาบันยุติธรรมและศาลรัฐ ธรรมนูญมาตั้งแต่ต้น

อัตตาลักษณ์แห่งชาติพันธุ์กับการเมืองเรื่อง "ความเป็นชาตินิยม"

ที่มา ประชาไท

อัตลักษณ์ (identity) เป็น ความรู้สึกของบุคคลมีต่อตนเองว่า “ฉันคือใคร” การระบุได้ว่าเรามีอัตลักษณ์เหมือนในกลุ่มหนึ่งและมีความแตกต่างจากกลุ่ม อื่นอย่างไร และ “ฉันคือใคร” ในสายตาคนอื่น อัตลักษณ์นั้นเป็นลักษณะที่มีความสลับซับซ้อน และไม่ได้ชี้เฉพาะเจาะจงไปในเรื่องใด หรือในลักษณะใดในร่างกายอย่างรัดกุม สำหรับคนๆ หนึ่งแล้วสามารถระบุได้ว่าเป็นมีหลายอัตลักษณ์ภายในคนๆ เดียว

แต่ สำหรับอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์แล้วเป็นลักษณะทางชีวภาพไม่สามารถ เปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งในส่วนของแนวคิดเรื่องชาติ ได้ก่อตัวเป็นแนวคิดชาตินิยม ชาตินิยมเป็นกระบวนการในการสร้างอุดมการณ์ให้เกิดการหวงแหน และสำนึกในการรักชาติ เป็นการแสดงถึงอัตลักษณ์อย่างหนึ่งของมนุษย์ ลักษณะของชาตินิยมจากตัวอย่างที่ปรากฏอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มี 2 ลักษณะที่เด่น คือ

1. ชาตินิยมแบบพรมแดน หรือ ชาตินิยมพลเมือง โดยชาตินิยมประเภทได้ให้ความสำคัญต่อประชาชนทุกชาติพันธุ์ภายในประเทศประเทศ ของตน โดยไม่มีการเน้นถึงกลุ่มชาติพันธุ์ใดชาติพันธุ์หนึ่งในประเทศนั้นๆ ตัวอย่างชาตินิยมประเภทนี้คือ ประเทศอินโดนีเซีย ตัวอย่างเช่น ได้มีการสร้างภาษาขึ้นมาใหม่เพื่อเป็นภาษากลางที่ใช้ภายในประเทศ

2. ชาตินิยมแบบเน้นชาติพันธุ์ เป็นแนวคิดชาตินิยมที่ให้ความสำคัญเฉพาะกลุ่มของตนเองอย่างเช่น มาเลเซีย พม่า เป็นต้น ซึ่งในกรณีนี้ มีความพยายามผลักดันวัฒนธรรมของตนเองให้เป็นวัฒนธรรมกระแสหลักแห่งชาติ

โดย ส่วนชาติพันธุ์ได้กลายเป็นปัญหาที่บั่นทอนความมั่นคงภายในประเทศต่างๆ ที่มีความหลากหลายภายในประเทศนั้นๆ สำหรับภาพรวมองปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหาทางชาติพันธุ์เกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น

1. โลกาภิวัตน์ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ความเป็นชาติอ่อนแอลง

2. ทุนนิยม ความไม่เท่าเทียมกันในเรื่องของเศรษฐกิจ และการพัฒนาเศรษฐกิจที่เอื้อประโยชน์ให้กับประชาชนชาติพันธุ์หลักของประเทศ

3. ปัญหาการแย่งชิงทรัพยากร เป็นการผูกขาดในการใช้ทรัพยากร ได้นำทรัพยากรตามภูมิภาคต่างๆ มาใช้ประโยชน์ สำหรับผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากทรัพยากรเหล่านี้กลับไม่ใช่เจ้าของพื้นที่ แต่เป็นนายทุน และรัฐบาลนำไปพัฒนาเมืองหลวงเป็นส่วนใหญ่ เช่นในกรณีของอาเจะห์ ที่ทางรัฐบาลอินโดนีเซีย ได้นำทรัพยากรที่มีในพื้นที่ตรงนี้ แต่กลับนำไปพัฒนาในอาเจะห์เพียงเล็กน้อย

จึง ทำให้เรื่องของชาติพันธุ์ได้กลายเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อความมั่นคงต่อ รัฐบาลในหลายประเทศ โดยปัญหาชาติพันธุ์เป็นเรื่องที่เป็นความขัดแย้ง ตัวอย่างในกรณีของประเทศรวันดา เหตุความขัดแย้งก็เกิดขึ้นจากกลุ่มชาติพันธุ์ 2 กลุ่มที่อาศัยอยู่ภายในประเทศเดียวกันระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ทุทซี่ กับฮูตู ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนนับล้าน หรือแม้แต่สงครามกลางเมืองที่เกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลาอย่างช้านานเช่น สงครามระหว่างอิสราเอล กับปาเลสไตน์ ก็มีสาเหตุหนึ่งจากความแตกต่างของชาติพันธุ์ปรากฏอยู่ด้วย คือความขัดแย้งระหว่างชาวยิวกับชาวอาหรับ

นอกจากนี้ปัญหา ชาติพันธุ์ภายในประเทศมาเลเซีย จากกรณีของเหตุการณ์ฮินดาฟ ที่มีการประท้วงเรียกร้องการปกครองอย่างเป็นธรรม โดยชาวอินเดียที่อาศัยอยู่ภายในประเทศ การประท้วงครั้งนี้ได้มีการนำเอาสัญลักษณ์ของประเทศอินเดีย รวมถึงมหาตมะ คานธี นับว่าเป็นปรากฏการณ์ทางชาติพันธุ์ ที่มีการเชื่อมโยงสู่ประเทศเดิมของบรรพบุรุษตน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการสำนึกในการเป็นคนในกลุ่มชาติพันธุ์เดียวกัน แม้นว่าจะอาศัยอยู่นอกพื้นที่ประเทศของตนเองก็ตาม

สำหรับความขัดแย้ง ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะความขัดแย้งและความรุนแรงที่เกิดขึ้นรายวันภายในจังหวัดชายแดนภาค ใต้ ต้องมองย้อนไปตั้งแต่ยุคที่สังคมไทย เริ่มสร้างแนวคิดใหม่เพื่อการสร้างความเป็นไทยขึ้นมา ความเป็นไทยที่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นวัฒนธรรมของคนในชาติ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วอาจเป็น ความเป็นกรุงเทพฯ ที่นำมาใช้นิยามในลักษณะเช่นนี้ และการสร้างสิ่งที่ใหม่สำหรับกลุ่มอื่นๆ ที่มีวัฒนธรรมเดิมของตนเอง แต่จำต้องรับและปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นไทยตามการ กำหนดขึ้นของทางรัฐบาล ซึ่งวิธีการเหล่านี้เป็นกระบวนการหนึ่งที่เกิดขึ้นภายในรัฐสมัยใหม่ ที่บรรจุคนที่มีความหลากหลายเข้าไว้ในเส้นพรมแดนที่เรียกกันว่า รัฐชาติ

โดย เฉพาะในสมัยของ นายกรัฐมนตรี จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้สร้างความเป็นไทยขึ้นมาใหม่ ด้วยการกำหนดนโยบายที่มีความเป็นชาตินิยม และใช้ในการสร้างวัฒนธรรมไทยให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และเชิดชูในความเป็นไทย รวมถึงการการสร้างความเป็นสมัยใหม่ กระตุ้นให้เกิดกระแสความรักชาติเป็นและได้เปลี่ยนชื่อเป็นประเทศไทย ซึ่งได้แสดงออกถึงว่าเป็นประเทศของชาวไทย ได้สร้างวัฒนธรรมไทยขึ้นมาตามรูปแบบตะวันตก นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ประเด็นอัตลักษณ์ได้กลายมาเป็นข้ออ้างในการก่อการ ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการต่อต้านอำนาจจากส่วนกลางมาจนถึงปัจจุบัน

แต่ในกรณีของชาติ นิยมกลับกลายเป็นเรื่องที่ลื่นไหลได้ตลอดเวลาตามการ นิยามของผู้คนในช่วงเวลานั้น และได้กลายเป็นเครื่องมือในการสร้างทัศนคติที่เหยียดหยาม เช่น ในกรณีจาก การสร้างกระแสชาตินิยมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เป็นปัญหาความขัดแย้งในเรื่องของปราสาทเขาพระวิหาร รวมถึงการระบุถึงกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ว่าเป็นคนขายชาติ เพราะมีพฤติกรรมที่ฝักใฝ่กับรัฐบาลกัมพูชา

จาก สาเหตุที่ได้กล่าวไปแล้วทั้งหมด จึงเห็นได้ว่าชาตินิยมจึงสัมพันธ์กับกลุ่มความคิดของผู้คนจำนวนมากที่เป็นไป ในทิศทางเดียวกัน แต่กลับไปกดทับผู้คนอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นคนส่วนน้อยทำให้ชาตินิยมได้กลายเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการกดขี่และ การบังคับให้ผู้อื่นกระทำตามในสิ่งที่ตนต้องการให้เป็น รวมถึงการจัดสรรผลประโยชน์ให้กับคนในกลุ่มของตนเองเท่านั้น และชาตินิยมเป็นเครื่องมือในการอำนวยประโยชน์ในทางการเมืองการปกครองเป็น สำคัญ

ดังนั้นแม้ว่าอัตลักษณ์เป็นลักษณะที่ระบุถึงความเป็นคนๆ หนึ่งและนำไปสู่การระบุถึงความเป็นตัวตนว่าตัวเองเป็นใคร ก่อให้เกิดความภาคภูมิใจในความเป็นชาติตัวเอง แต่ในขณะเดียวกัน ลักษณะดังกล่าวได้สร้างความสูญเสีย เกิดความพยายามที่จะกลายกลืนอัตลักษณ์ของผู้อื่น เพื่อเชิดชูกลุ่มตัวเองให้เหนือกว่า

รากฐานของปัญหาความขัดแย้งและ ความรุนแรงในสังคมไทยและสังคมโลกทุกระดับ มีข้อพึงระวัง คือ หากมนุษย์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งให้ความสำคัญกับอัตลักษณ์ของตัวเอง ขาดการเคารพอัตลักษณ์ของผู้อื่น จนเกิดการสร้างกระแสความเป็นชาตินิยม เพื่อผลประโยชน์และอำนาจทางการเมืองของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจนเกินเลยและเกิดความ เหลื่อมล้ำ มักจะนำสู่ความขัดแย้งและการใช้ความรุนแรงในการสร้างกระแสต่อต้านจนเกิดความ สูญเสียถึงชีวิตในหลายกรณีดังที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ทางการเมืองของประเทศ ต่างๆในโลกตลอดมา

เส้นทางสีแดงเดินทัพทางไกล1700กม.นาน1เดือนตามล่ายุติธรรมเริ่มแล้ววันนี้ที่ราชประสงค์สู่อีสาน

ที่มา Thai E-News



โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
31 ตุลาคม 2553

โครงการ กิจกรรมเดินและปั่นจักรยานเส้นทางสีแดง 1,700 กิโลเมตรจากราชประสงค์-ปลายทางประเทศลาว ระยะเวลา 1 เดือนจาก 31 ตุลาคม ถึง 30 พฤศจิกายน เริ่มต้นตั้งแต่ 10.00 น.วันนี้ โดยมีกำหนดการ และมีหลายวาระ หลายช่องทางให้คนเสื้อแดงได้มีส่วนเข้าร่วมกิจกรรม ดังต่อไปนี้

31 ตุลาคม 2553 จุดรวมพลและจุดสตาร์ท ราชประสงค์ สู่คลองเปรม ก่อนเคลื่อนขบวนสู่อีสาน

10.00น. เชิญร่วมกันมารวมพลให้กำลังใจ และส่งอาสาสมัครนักสู้ที่จะเดินทางยาวไกล 1,700กิโลเมตร ในขบวนเดินทางเส้นทางสีแดง (Red Path) เริ่มตั้งแต่ 10.00 น. และอย่าลืมก่อนออกจากบ้านช่วยกันเขียนจดหมายให้กำลังใจพี่น้องแกน นำ และเสื้อแดงในคุกทั่วประเทศ และเสื้อแดงที่ติดคุกคดีการเมืองในภาคอีสาน เพื่อนำมาใส่ซองจดหมายสีแดงที่ใหญ่ที่สุดในโลก

หากท่านไม่สะดวกร่วมขบวนนานนับเดือน ก็สามารถเข้าร่วมกิจกรรมก่อนการเดินทาง ด้วย การ เขียนจดหมายร้องทุกข์ จดหมายถึงนักโทษการเมือง ใส่ซองจดหมายสีแดงทีใหญ่ที่สุดในโลก โดยคณะทำงานจะต้งโต๊ะรับจดหมายตั้งแต่เวลา10.00 น.- 13.00 น. ที่ราชประสงค์ใน วันที่ 31ตุลาคม จากนั้นจะนำจดหมายทั้งหมด ไปยื่นให้ พี่น้อง และ แกนนำที่ถูกคุมขังอยู่ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม ภายในวันเดียวกัน หากท่านสะดวกก็เชิญร่วมกิจกรรมที่หน้าคุกคลองเปรมด้วยกัน


13.00 น. ร่วมปล่อยขบวนและปั่นจักรยานกับ บก.ลายจุด และกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง และปล่อยนกพิราบ 91 ตัว สัญลักษณ์ของเสรีภาพ

16.00 น. วางดอกไม้แดงหน้าเรือนจำคลองเปรมให้กับแกนนำนปช.แดงทั้งแผ่นดิน เพื่อเดินทางสู่อีสาน อาจารย์ธิดา โตจิราการ ภรรยาหมอเหวง โตจิราการ กับคณะที่ปรึกษาโครงการฯ เช่น บก.ลายจุด จะไปร่วมวางดอกไม้แดงหน้าเรือนจำคลองเปรม โดยงานนี้นายแพทย์สันต์ หัตถีรัตน์ ประธานมูลนิธิีรชนเพื่อประชาธิปไตย (อดีตประธานสมาพันธ์ปชต. ผู้นำการต่อสู้ยุค 17 พฤษภา 35)นำพาพี่น้องประชาชนจัดกิจกรรม

กำหนดการเดินทาง เส้นทางสีแดง ( Red Path Project )
18 จังหวัด 22 จุดแวะพัก ระยะทาง 1,700 กม.


วันที่ ต้นทาง ปลายทาง ระยะทาง (กม.)

31 ตค. ราชประสงค์ / คลองเปรม ปทุมธานี 46 กม.
1 พย. ปทุมธานี อยุธยา 53
2 พย. อยุธยา มวกเหล็ก 100
3 พย. มวกเหล็ก มวกเหล็ก
4 พย. มวกเหล็ก ลำตะคอง 26
5 พย. ลำตะคอง นครราชสีมา 94
6 พย. นครราชสีมา นครราชสีมา
7 พย. นครราชสีมา นครราชสีมา
8 พย. นครราชสีมา บัวใหญ่ 101
9 พย. บัวใหญ่ ชัยภูมิ 55
10 พย. ชัยภูมิ ชุมแพ 108
11 พย. ชุมแพ ขอนแก่น 82
12 พย. ขอนแก่น ขอนแก่น
13 พย. ขอนแก่น กาฬสินธ์ 77
14 พย. กาฬสินธ์ มหาสารคาม 44
15 พย. มหาสารคาม ร้อยเอ็ด (สุวรรณภูมิ) 98
16 พย. ร้อยเอ็ด (สุวรรณภูมิ) ยโสธร 48
17 พย. ยโสธร ศรีษะเกษ (ราศีไศล) 66
18 พย. ศรีษะเกษ (ราศีไศล) ศรีษะเกษ (ราศีไศล)
19 พย. ศรีษะเกษ (ราศีไศล) อุบลราชธานี 95
20 พย. อุบลราชธานี อำนาจเจริญ 75
21 พย. อำนาจเจริญ มุกดาหาร 88
22 พย. มุกดาหาร นครพนม (ธาตุพนม) 161
23 พย. ธาตุพนม สกลนคร 48
24 พย. สกลนคร พังโคน 54
25 พย. พังโคน อุดรธานี 118
26 พย. อุดรธานี อุดรธานี
27 พย. อุดรธานี หนองคาย 51
28 พย. หนองคาย สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 12
29 พย. หนองคาย หนองคาย -
30 พย. ลาว ร่วมทอดกฐินสามัคคีพี่น้องไทย-ลาว ชมคอนเสิรท์ใหญ่ แป๊ะ คนบางสนาน และศิลปินเสื้อแดง
1 ธค. เดินทางกลับโดยรถไฟ รถด่วนขบวนที่ 762 ออกจากหนองคาย 06.00 น. ถึงหัวลำโพง 17.10 น. สิ้นสุดขบวนเดินทางที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเวลา 18.00 น. (ถ่ายรูปกับคนเสื้อแดง สื่อมวลชนถ่ายรูป ทำข่าว)


หมายเหตุ : 1. ตารางการเดินทางอาจมีการปรับเปลี่ยนในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น

2. สื่อมวลชนต้องการทำข่าว ติดต่อ 081-583 6964 E-mail : red_truth_only@hotmail.co.th Face Book : เรดทรู้ธ

ผู้ต้องการสมทบทุนโครงการเส้นทางสีแดง (Red Path Project) โอนเงินสมทบได้ที่ ธนาคารไทยพานิชย์ สาขาอิมพีเรียลเวิล์ด ลาดพร้าว ชื่อบช.'นายสุพิน ชินบุตร และ/หรือ นายธนะสิทธิ์ พิพุฒ และ/หรือ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ บช.ออมทรัพย์เลขที่ 224-241343-5'


คนไทยเสื้อแดงในต่างประเทศสามารถ เข้าร่วมทำกิจกรรมนี้พร้อมๆกันทั่วโลก ร่วมกันคิกออฟกิจกรรมเส้นทางสีแดงไปพร้อมๆกัน หากสามารถมาร่วมชุมนุมกันได้ที่สถานทูต หรือสถานกงสุลของไทยในต่างประเทฒก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะกดดันรัฐบานให้ ปล่อยตัวแกนนำหรือคนเสื้อแดงที่อยู่ในคุก

***กิจกรรมนี้มีกันทั่วโลก ต่างประเทศ นำโดยคุณคอนเนอร์ เพอร์เซล ชาว ออสเตรเลียที่ติดคุกในไทยเพราะขึ้นปราศรัยเวทีเสื้อแดงที่ผ่านมา และได้ออกจากคุกแล้ว จัดงานพร้อมกันกับที่ขบวนแรลรี่ปั่นจักรยานโครงการเส้นทางสีแดง


โดย คุณคอนเนอร์จะรวบรวมพี่น้องเสื้อแดงที่ซิดนีย์ ไปประท้วงหน้าสถานทูตไทยประจำออสเตรเลียในวันที่ 31 ต.ค.วันเดียวกับที่โครงการเส้นทางสีแดง

ทั้งนี้คุณคอนเนอร์และเสื้อแดงออสเตรเลีย รวมทั้งผู้ดำเนินโครงการ แจ้งมาว่า อยากให้คนไทยทั่วโลกร่วมทำกิจกรรมนี้พร้อมๆกันทั่วโลก จึง ขอประชาสัมพันธ์ไปยังเสื้อแดงทั่วโลกร่วมกันคิกออฟกิจกรรมเส้นทางสีแดงไป พร้อมๆกัน หากสามารถมาร่วมชุมนุมกันได้ที่สถานทูตก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะกดดันรัฐ บานให้ปล่อยตัวแกนนำหรือคนเสื้อแดงที่อยู่ในคุก

*******
เชิญร่วมหลั่งน้ำใจช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม(ปาก)อย่าปล่อยให้พวกเขาถูกขังลืมกับโครงการเส้นทางสีแดง
เชิญร่วมโครงการเส้นทางสีแดงจากคลองเปรมสู่11จังหวัดอีสาน860กม. เยียวยา+ตามหายุติธรรม


โครงการ เส้นทางสีแดง (Red Path Project)ขอเชิญร่วมขบวนเดินเท้า และปั่นจักรยานจากกรุงเทพฯสู่อีสาน นำกำลังใจและความช่วยเหลือสู่พี่น้องเสื้อแดงอีสาน 18 จังหวัด 1700 กม. 31ต.ค.-30 พย.นี้ แวะเยี่ยมผู้ต้องขัง ร่วมทำกิจกรรมผูกผ้าแดง วางดอกไม้แดงหน้าเรือนจำ นำเงินทองสิ่งของบริจาคมอบให้พี่น้องเสื้อแดง เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำนปช.ฯลฯ และรณรงค์สู่ระดับนาชาติ


โครงการ เส้นทางสีแดง (Red Path Project) เป็นโครงการด้านมนุษยธรรมเพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการสังหารหมู่ใน วันที่ 10 เมย.และ 13-19 พค.ที่รัฐบาลกระทำต่อประชาชนชาวไทยที่เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา โครงการนี้ดำเนินการโดยไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใดๆ

โดยโครงการ นี้มีข้อเรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยตัวแกนนำนปช.และผู้ต้องขังในคดี ชุมนุม เรียกร้องให้รัฐบาลยุติการปฏิบัติ 2 มาตรฐานทางกฏหมาย และเรียกร้องให้นานาชาติได้หันมาตระหนักและให้ความสำคัญเกี่ยวกับการละเมิด สิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงหลังรัฐประหาร 19 กย. 2549

โครงการนี้มี คุณสมบัติ บุญงามอนงค์ (แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง) และอาจารย์ธิดา โตจิราการ เป็นที่ปรึกษาโครงการในประเทศไทย และมีคุณพอร์แชล คอนเนอร์ (อดีตนายทหารบกออสเตรเลียที่ถูกจับกุมคุมขังและถูกซ้อมอย่างทารุณในเรือนจำ คลองเปรม) เป็นสมาชิกกลุ่มและที่ปรึกษาโครงการในต่างประเทศ

โครงการ เส้นทางสีแดงประกอบด้วยคนเสื้อแดงที่รักความเป็นธรรมและมีความมุ่งมั่นที่จะ นำน้ำใจและความช่วยเหลือมอบให้แก่พี่น้องเสื้อแดงที่อีสานซึ่งได้รับผลกระทบ จากการสังหารหมู่ มากที่สุด คนเสื้อแดงในภาคอีสานจำนวนมากถูกสังหาร บาดเจ็บ พิการ และสูญหายอีกจำนวนมาก สมาชิกโครงการจะร่วมกันเดินเท้าและปั่นจักรยานเพื่อไปเยี่ยมเยียน เยียวยา และให้กำลังใจบุคคลที่น่าเห็นใจเหล่านี้ได้มีกำลังใจที่จะดำเนินชีวิตต่อไป และไม่ย่อท้อที่จะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริงที่พวกเขาโหยหามาชั่ว ชีวิต

ขบวนเดินทางจะเริ่มออกเดินทางในวัน อาทิตย์ที่ 31 ตค. เวลา 10.00 น.ที่ราชประสงค์โดยจะปั่นจักรยานและเดินเท้าไปเรือนจำคลองเปรมเพื่อทำการ วางดอกไม้แดงและปล่อยนกพิราบเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพ โครงการนี้จะเดินทางด้วยระยะทางกว่า 900 กม. ผ่าน 18 จังหวัดในภาคอีสาน ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 31 วันโดยประมาณ

พบกันตั้งแต่10.00 วันอาทิตย์ 31 ตค.ที่ราชประสงค์ !

31ตุลาคม รำลึกถึง... ลุงนวมทอง ไพรวัลย์ 4 ปี แห่งการจากไป

ที่มา Thai E-News


เชิญ ร่วมกิจกรรมรำลึก 4 ปี การเสียสละอาจหาญของ นวมทอง ไพรวัลย์ 31ต.ค.นี้ 16.00 ที่อนุสรณ์14ตุลาฯแยกคอกวัว,17.00น.ที่สะพานลอยฝั่งตรงข้ามไทยรัฐ,18.00 ที่อนุสาวรีย์3กษัตริย์ เชียงใหม่(ดูรายละเอียด)


โดย ทวีรัศมิ์ จันทิรา

แม้ วันเวลาผันผ่านไปนานถึง 4 ปี หากในวันที่ 31 ตุลาคม ของทุกปี คนเสื้อแดง และผู้รักประชาธิปไตยทั้งหลาย ยังคงไม่ลืมบุรุษผู้หนึ่งซึ่งพลีชีพเพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ... ด้วยการแขวนคอตายที่สะพานลอยหน้าหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ถนนวิภาวดี กรุงเทพฯ พร้อมจดหมายที่เขียนสั่งลาบอกเหตุผลในการกระทำอัตวิบาตกรรม ด้วยสติสัมปะชัญญะ ที่สมบูรณ์ในขณะนั้น ...

ก่อนหน้า ... ที่จะตัดสินใจพลีชีพตนเอง บุรุษผู้นี้ได้ขับรถแท็กซี่ชนรถถังเพื่อต่อต้านรัฐประหาร 19 กันยาฯ 49 แล้วโดนโฆษกกองทัพบกหมิ่นแคลนว่า "รับจ้างทักษิณ" ไม่เชื่อว่ามีใครยอมตายเพื่ออุดมการณ์ได้ ....

บุรุษท่านนี้ .... ลุงนวมทอง ไพรวัลย์

จึง สละได้แม้ชีวิต ... พลีชีพเพื่อพิสูจน์ให้คนไทยทั้งประเทศเห็นว่า "ประชาธิปไตย" นั้นสูงส่งมีค่าเพียงไร ประเทศไทยก้าวมาไกลแล้วทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เรามีผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งด้วยเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล พร้อมนำพาประเทศฝ่าวิกฤตที่เกิดจากความยากจน ... ภัยแล้ง ... ยาเสพติด ... ภาระหนี้สินของประเทศจากกองทุน IMF ... ปัญหาสังคม และอื่นๆ อีกมากมาย ไปสู่ความกินดีอยู่ดี เศรษฐกิจมั่งคงขึ้น ด้วยโครงการต่างๆ ที่เป็นนโยบายของรัฐบาล "ทักษิณ" ที่จับต้องได้ ...

และเป็นรูปธรรมออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน

ที่ สำคัญ ประเทศไทยของเราขณะนั้น ... ประชาธิปไตยกำลัง "เบ่งบาน" ถึงแม้จะ "ไม่เต็มใบ" ก็ตาม !!! เรามีรัฐธรรมนูญปี 2540 ใช้ ซึ่งมาจากหลายฝ่ายหลายภาคส่วนร่วมกันร่างเป็นกฎหมาย

ผ่านการทำประชามติเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนในประเทศเห็นชอบ ....

การ ปฏิวัติรัฐประหาร 19 กันยนฯ 49 ของกลุ่มนายทหารที่เรียกตนเองว่า คณะ คมช. จึงเป็นการกระทำที่นำประเทศถอยหลังเข้าคลองโดยสิ้นเชิง !!!

วัน เวลา ผ่านมา 4 ปี ประเทศชาติไม่ได้อะไร และไม่มีอะไรดีขึ้นมาจากการรัฐประหารในครั้งนี้ ได้แต่ความแตกแยกในสังคม แบ่งสี แบ่งฝ่าย และบาดแผลที่ร้าวลึกในหัวใจของคนไทย !!!

สุดที่คนไทย รวมทั้งคุณลุงนวมทอง ไพรวัลย์ จะรับได้ ...


แม้ ลุงนวมทอง ... เป็นเพียงคนขับรถแท็กซี่ที่หาเช้ากินค่ำ เป็นชนชั้นที่ถูกขนานนามว่า "ไพร่" หรือ "รากหญ้า" ของสังคม หากจิตใจนั้น สูงส่ง ยิ่งใหญ่นักเพราะเข้าถึงคำว่า "ประชาธิปไตย" อย่างแท้จริง ต่อต้านอำนาจเผด็จการ และแสดงออกอย่างกล้าหาญ โดยไม่หวาดหวั่นเกรงกลัวต่ออำนาจหรืออิทธิพลใดๆ .....

ขณะที่คน บางกลุ่มที่ภาคภูมิใจว่าตนเองนั้นชนชั้นสูง สูงด้วยการศึกษา สูงด้วยยศฐาบรรดาศักดิ์ และเงินตรา กลับฝักใฝ่กับอำนาจเผด็จการ และสนับสนุนกับระบบอำมาตย์ที่คอยถ่วงรั้งประชาธิปไตย ไม่ให้ก้าวไปข้างหน้า ฉันว่าคนพวกนี้ด้อยค่านัก ... เมื่อเทียบกับลุงนวมทอง


บท บันทึกนี้ ... ฉันขอคารวะ น้อมจิต เพื่อรำลึกถึงดวงวิญญาณของลุงนวมทอง ไพรวัลย์ วีรบุรุษประชาธิปไตยผู้ยิ่งใหญ่ ... การจากไปของท่านไม่สูญค่า หากได้ปลุกจิตวิญญาณของคนไทยให้ลุกขึ้นมาต่อสู้ เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย แม้ว่าเราจะเสียเลือดเนื้อ ... หรือแม้ "ความตาย"จะมาเยือน

ในวันนี้ "คนเสื้อแดง" เราได้ตระหนัก และพร้อมเผชิญแล้ว !!!

วัน อาทิตย์ที่ 31 ตุลาคมนี้ ในช่วงบ่ายถึงค่ำ ฉันจะไปร่วมรำลึกถึงลุงนวมทองในโอกาสครบรอบการจากไป 4 ปี ณ อนุสรณ์สถานสี่แยกคอกวัว

ฉัน ... สัญญากับตัวเองว่า .... ทุกวันที่ 31 ตุลาคม ของทุกปี ฉันจะไปร่วมกิจกรรมเพื่อรำลึกถึงการจากไปของวีรบุรุษประชาธิปไตยผู้ยิ่งใหญ่ ยากที่จะมีใครเสมอเหมือน บุรุษผู้มีค่าแห่ง "ความทรงจำ" สำหรับฉัน .....

ภวังค์นี้ !! ใจฉันเดียวดายนัก .... 78 ปี แล้วที่ประเทศไทยมีประชาธิปไตย ...แต่บนเส้นทางที่ทอดยาวแห่งถนนสายประชาธิปไตยนั้น ทำไม ? มันจึงขรุขระ เต็มไปด้วยขวากหนาม อุปสรรค .... หยาดเลือดที่หลั่งริน...

กี่ชีวิตกี่ดวงวิญญาณที่ต้องเซ่นสังเวยเพื่อ "ประชาธิปไตย" ที่เต็มใบ ที่คนไทยไขว่คว้า !!!


นับตั้งแต่ .... 14 ตุลาฯ 16

6 ตุลาฯ 19

พฤษภาฯ ทมิฬ 35

กระทั่ง ....

เมษาฯ - พฤษภาฯ 53 และ ...อื่นอีกต่อไปหรือไม่ ? ? ?



วันนี้ .... ลมหนาวเริ่มพัดมาเยือน แต่ "ใจ" ฉันนั้นกลับ "หนาว" ยิ่งกว่าสายลมหนาวที่พัดมากระทบผิวกาย !!!

วันนี้ .... ท้องฟ้าแจ่มใส แสงแดดเจิดจ้า แต่ "ใจ" ฉันกลับ "หม่นหมอง" .....เฝ้าภาวนา

ขอให้ฉันได้เขียนบทบันทึก เพื่อรำลึกถึงดวงวิญญาณวีรบุรุษนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ท่านนี้เป็นคนสุดท้ายเถิด !!!!
........................


ขอดวงวิญญาณลุงนวมทองฯ จงสงบสุข ณ สรวงสวรรค์ ....

วาทตะวัน: “ตุลาการวิบัติ” หรือ “ตุลาการวิบัติ-ฉิบหาย”กันแน่!?

ที่มา Thai E-News


โดย วาทตะวัน สุพรรณเภษัช
ที่มา Vattavan.com
30 ตุลาคม 2553


ระยะ นี้มีเรื่องไม่งาม ที่ข้องเกี่ยวกับผู้มีอาชีพตุลาการหลายเรื่องเช่น เมือ วันที่ 14 ตุลาคม 2553 ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้ข้าราชการตุลาการนายหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้พิพากษาศาลอาญาธนบุรี พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากถูกลงโทษให้ออกจากราชการ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์

ก่อน หน้านั้นไม่ นาน สื่อใหญ่อย่าง "มติชนออนไลน์"ได้อ้างแหล่งข่าวจากสำนักงานศาลยุติธรรรม เปิดเผยถึงกรณีร้องเรียนกล่าวโทษ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์รายหนึ่ง ไปยังคณะกรรมการตุลาการ(ก.ต.) ว่า
นอกจากจะมีพฤติการณ์ฉันท์ชู้สาว กับหญิงที่มีสามีแล้ว อันเป็นที่น่ารังเกียจแล้ว ผู้ถูกกล่าวโทษรายนี้ยังใช้ชู้ของตัว ในการเรียกรับสินบน ในการตัดสินพิพากษาคดีต่างๆหลายคดี

มติชนระบุว่า ผู้ร้องเรียนเปิดเผยถึงวิธีการยอกย้อน ในการเรียกสินบนของผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ผู้ถูกกล่าวโทษนั้น ค่อนข้างสลับซับซ้อนทั้งนี้ ผู้ถูกกล่าวโทษกระทำโดยใช้อาศัยหญิงที่มีความสัมพันธ์กันเป็นตัวกลาง เพื่อป้องกันการตรวจสอบ

รายละเอียดที่เขานำมาเปิดเผย มีอยู่ว่า ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์รายดังกล่าวให้ใช้ หญิงที่มีความสัมพันธ์กัน(หญิงผู้ใกล้ชิด)ไปติดต่อเรียกรับเงินสิบบน 70,000,000.00 บาท (เจ็ดสิบล้านบาทถ้วน) จากจำเลยที่มีคดีความมาถึงศาลอุทธรณ์ .. เห็นจำนวนเงิน ที่เรียกแล้ว...ต้องตกใจ!

แม้คดีดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหญ่โตนัก เป็นแค่คดีที่ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ยักยอกทรัพย์หรือไซ่ฟ่อนเงิน แต่คดีไปเข้ามือผู้ถูกร้อง จึงสบช่องที่จะ “รีด” เงินเอาจากฝ่ายจำเลย (ซึ่งข่าวเขาบอกว่า ผู้บริหารบริษัทเป็นคนในตระกูลนักการเมือง) เพียงเพื่อแลกกับการตัดสินให้ยกฟ้องคดีนี้ ให้สอดคล้องที่ศาลชั้นต้น ได้พิจารณายกฟ้องไปแล้ว

“มติชน” รายยังงานต่อไปว่า... ในชั้นแรกฝ่ายจำเลยก็ไม่ยังเชื่อ จึงไม่กล้าจ่ายเงินผ่านหญิงผู้ใกล้ชิดสนิทเนื้อกับผู้พิพากษาผู้ถูกกล่าวโทษ แต่ผู้พิพากษาคนดังกล่าวได้กระทำการที่เหลือเชื่อ คือ มอบสำนวนคดีตัวจริงนี้ให้หญิงที่มีความสัมพันธ์นำไปให้ดู จนฝ่ายจำเลยเชื่อสนิทใจว่า

ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์รายดังกล่าว เป็นผู้พิจารณาตัดสินสำนวนคดีนี้จริง!

จากนั้นฝ่ายจำเลยจึงค่อยๆทยอยมอบเงินให้ โดยผ่านหญิงผู้ใกล้ชิด เป็นเงิน 20,000,000.00 บาท (ยี่สิบล้านบาทถ้วน) แต่ยังไม่สามารถหาเงินอีก 50,000,000.00 บาท (ห้าสิบล้านบาทถ้วน) ตามข้อตกลงได้ จึงต่อรองจะให้เป็นหุ้นของบริษัทผลิตอาหารกระป๋องแห่งหนึ่ง ที่มีเงินค้ำประกันเรื่องการส่งออกลำไย อยู่กับองค์การตลาดเพื่อการเกษตร (อ.ต.ก.) เป็นจำนวนเงิน 50,000,000.00 บาท (ห้าสิบล้านบาทถ้วน) ซึ่งศาลแพ่งมีคำพิพากษาให้ อ.ต.ก. คืนเงินจำนวน 50,000,000.00 บาท (ห้าสิบล้านบาทถ้วน) พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 บาทต่อปี ให้แก่บริษัทดังกล่าวแล้ว แต่ขณะนี้คดีค้างอยู่ที่ศาลอุทธรณ์

อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันการตรวจสอบ ที่อาจมาถึงตนได้ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ผู้ถูกร้อง จึงได้ให้หญิงผู้ใกล้ชิด เข้าถือหุ้นบริษัทนี้แทนผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งเป็น "นอมินี" ของสมาชิกตระกูลนักการเมือง

ฉะนั้น เมื่อใดก็ตาม ที่ อ.ต.ก. คืนเงิน 50,000,000.00 บาท (ห้าสิบล้านบาทถ้วน) ให้แก่บริษัทนี้แล้ว หญิงผู้ใกล้ชิดของผู้พิพากษาผู้ถูกร้อง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ก็จะได้รับเงินจำนวนดังกล่าว แต่มีข้อแม้จากผู้พิพากษาว่า

หญิง ผู้ใกล้ชิดจะต้อง “หย่าขาด” กับสามีเสียก่อน มิเช่นนั้นผัวของหญิงคนนี้ จะมีส่วนได้เงินจำนวนนี้ครึ่งหนึ่งในฐานะคู่สมรส หากยังไม่มีใบหย่า ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ผู้ถูกร้อง ก็จะไม่ยอมรับเงื่อนไขนี้ และหากหย่าได้สำเร็จ จึงจะยอมตัดสินยกฟ้องคดีนี้ตามศาลชั้นต้นไปก่อน

โอ้โฮ!...อะไรจะขะไหน ขนาดนั้น!!

ปรากฏว่า แผนกลับไม่สำเร็จ เหตุเพราะชายผู้เป็นสามีของหญิงผู้ใกล้ชิด ไม่ยอมหย่า ตามแผนการอันสลับซับซ้อนนี้ ผู้พิพากษาผู้ถูกร้อง จึงดึงสำนวนคดีนี้เก็บไว้ก่อน โดยยังไม่พิจารณาตัดสินคดีนี้ ทั้งๆที่ได้รับสำนวนคดีนี้มาพิจารณานานแล้ว

ใช่แต่แค่นั้นนะครับ

ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ผู้ถูกร้องรายเดียวกันนี้ ยังถูกกล่าวโทษ กรณีมีคำสั่งอนุญาตปล่อยชั่วคราวชาวต่างประเทศรายหนึ่ง เพราะทนายความหญิงของชาวต่างประเทศ ได่ตกลงเรื่องสินบนกับหญิงคนสนิทชิดใกล้ เป็นเงินจำนวน 3,500,000 บาท (สามล้านห้าแสนบาทถ้วน) โดยมีการทำเป็นสัญญา (ไม่มีมูลหนี้) ระหว่างญาติของหญิงผู้ใกล้ชิดของผู้พิพากษา กับทนายความของจำเลยชาวต่างประเทศ โดยทนายความหญิงกับญาติของหญิงผู้ใกล้ชิดของผู้พิพากษา ได้นำเงินตามข้อตกลงดังกล่าว ไปเปิดบัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขา เซ็นทรัล ลาดพร้าว ร่วมกัน (โดยคำร้องมีการระบุหมายเลขบัญชี ไว้ชัดเจน) เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2552 เป็นเงินจำนวน 3,500,000 บาท (สามล้านห้าแสนบาทถ้วน)

ต่อมาปลายเดือน 30 กันยายน 2552 ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ผู้ถูกร้อง ได้มีคำสั่ง “อนุญาต” ให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยชาวต่างประเทศคนดังกล่าวไปตามข้อตกลง

ครั้น ถึงวันที่ 3 ตุลาคม 2552 หญิงผู้ใกล้ชิดของผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ได้สั่งให้ทนายความหญิงแล ญาติของตนเอง ไปเบิกเงินจากบัญชีดังกล่าวจำนวน 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน) เพื่อเป็นรางวัล ค่าตอบแทนกับญาติของตน

หลัง จากที่จำเลยชาวต่างประเทศ ได้ถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำตามข้อตกลงแล้ว ทนายความหญิงและญาติของหญิงผู้ใกล้ชิดของผู้พิพากษา ได้ไปเบิกถอนเงินจากบัญชี มาเปิดบัญชีถ่ายโอนเงินให้กับหญิงผู้ใกล้ชิดของผู้พิพากษา เป็นจำนวน 3,400,000 (สามล้านสี่แสนบาทถ้วน)

ต่อจากนั้นหญิง ผู้ใกล้ชิด ทยอยเบิกถอนเงินจากบัญชีดังกล่าว ครั้งละไม่เกิน 1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาทถ้วน) แล้วส่งมอบให้ผู้พิพากษาศาลอุทรณ์เป็นเงินสด

หลัง จากช่วยให้ประกันตัวสำเร็จแล้ว จำเลยชาวต่างประเทศจึงเกิดความเชื่อถือหญิงผู้ใกล้ชิดของผู้พิพากษาว่า จะสามารถช่วยให้ชนะคดีได้ จึงตกลงทำสัญญาว่าจ้างให้หญิงผู้ใกล้ชิด ช่วยเป็นเงิน 9,200,000.00 บาท (เก้าล้านสองแสนบาทถ้วน) เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2552 และได้ชำระเงินให้หญิงหญิงผู้ใกล้ชิดไปแล้ว 4,000,000.00 บาท (สี่ล้านบาทถ้วน) คงเหลืออีก 5,200,000.00บาท (ห้าล้านสองแสนบาทถ้วน)

ท่านผู้อ่าน ที่เคารพครับ

ผม เองนั้น มีความคุ้นเคยกับคดีข้าราชการทุจริตมานาน บางปีก็ได้เห็นรายละเอียด ในการสอบสวนทุจริตแทบจะทุกสำนวน ที่มีการสอบสวนกันในประเทศนี้ เพราะต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ แต่ยังไม่เคยเห็นเรื่อง “อุบาทว์” ในวงการศาลอย่างนี้ มาก่อนเลย!

การ วางแผนเรียกรับ เงิน ซึ่งมีความยอกย้อนตามที่ “มติชน” รายงานอย่างนั้น น่าจะเป็นแนวความคิดของผู้ที่เป็น “อาชญากรตัวร้าย” มากกว่าเป็นการดำเนินการ ของคนที่อยู่ในตำแหน่ง นั่งบนบัลลังก์ ที่มีเกียรติและศักดิ์ศรี เช่น ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ผู้ถูกร้องรายนี้เลย!

เชื่อว่าข่าวชิ้นนี้ คงทำให้ท่านผู้อ่าน มีความรู้สึกเหมือนผม คือ

น่าขยะแขยงมาก!!

เรื่อง นี้เป็นเรื่องใหญ่ และมีข่าวแพร่ออกมาว่า กำลังจะมีการนำเสนอข่าวนี้ ในภาคภาษาอังกฤษแบบ Exclusive เพื่อแจ้งเตือนบรรดาชาวต่างประเทศที่จะมาทำการค้า และคบหาสมาคมกับคนไทย เพื่อให้ทราบเป็นข้อมูล ก่อนที่เขาจะมีคดีความในสยามประเทศ

เราคงจะได้เห็นกันเร็วๆนี้!!!

ผมอยากจะเรียน กับท่านผู้อ่าน ว่า การกระทำของผู้พิพากษาซึ่งถูกกล่าวโทษ ที่เล่ามาข้างต้นนั้นเป็นเพียง การกระทำส่วนบุคคล แต่อาจมีผลที่ทำให้ผู้พิพากษาทั้งมวล พลอยเสียหายไปด้วย แต่อย่างไรเสีย ผู้คนที่แยกแยะออก ก็คงตัดสินได้ว่า

นี่เป็นเรื่องของ “บุคคลคนเดียว” เท่านั้น

อย่าง ไรก็ตาม ความเสียหายที่ผู้คนมองว่า เกิดขึ้นกับวงการตุลาการโดยส่วนรวมอย่างแท้จริงนั้น ได้เกิดก่อนการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เพราะได้มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้พิพากษา ที่เรียกกันอย่างหรูหรา ว่า
“ตุลาภิวัฒน์”

เริ่ม จากการประชุมกันที่ร้านอาหารอิตาเลี่ยน ในซอยหลังสวน จากนั้นพรรคการเมืองของทักษิณ ก็โดนบีบคั้นอย่างหนัก ลงท้ายด้วยการยึดอำนาจโดยคณะทหาร เมื่อ 19 กันยายน 2549 ที่นำโดยผู้ที่ผมเรียกว่า “ไอ้บัง กบฎ” หรือบางสื่อเรียกว่า “ไอ้บัง สามจิ๋ม” กับพวก

นับแต่นั้นมา ความฉิบหายใหญ่หลวงของชาติไทยเรา ก็ได้เกิดขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ สถาบันต่างๆถูกทำลาย หรือถูกทำให้สั่นคลอน ผู้คนส่วนใหญ่ของชาติเสื่อมศรัทธาในบ้านเมือง ความขัดแย้งได้บานปลายออกไป จนถึงการฆ่าฟันกันระหว่างทหารกับคนในชาติ ความแตกแยกร้าวฉานของผู้คนในบ้านเมือง ยิ่งบาดลึก จนยากที่จะกลับคืนดีได้อีก

มาถึงวันนี้ ยังไม่มีใครรู้ว่าความเลวร้ายของชาติ อันเกิดขึ้นเพราะ “กรรมระยำ” ของ “ไอ้บัง สามจิ๋ม” กับพวก ที่ก่อไว้กับ บ้านนี้เมืองนี้ จะสิ้นสุดลงเมื่อใด?

สถาบันหนึ่งที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงว่า เป็นเครื่องมือของคณะรัฐประหารไป คือ “กระบวนการยุติธรรม” โดยเฉพาะศาล ที่คณะผู้พิพากษาลดตัวมาทำหน้าที่ตุลาการรัฐธรรมนูญ ตามคำสั่งของ “ไอ้บัง กบฎ” และภาพที่ปรากฏต่อสาธารณชนนั้น น่าอับอายยิ่งนัก คือ

การนั่งพิจารณาของผู้พิพากษาที่มีเกียรติยศ พิพากษาภายใต้พระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์เจ้าชาวไทย สวมชุดสากล โดยไม่สวมเสื้อครุยแสดงวิทยะฐานะ และพร้อมใจกันตัดสินยุบพรรคไทยรักไทย ของอดีตนายกรัฐมนตรี (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) ที่ถูกทำรัฐประหาร โดย “ไอ้บัง สามจิ๋ม” กับพวกนั่นเอง

ต่อมาได้มีการเปิดโปงกัน ในเรื่องที่เกี่ยวกับการไปปรากฏกายของคนระดับประมุขตุลาการ ทั้งประธานศาลฎีกา และประธานศาลปกครอง ในการเลี้ยงที่บ้านนักธุรกิจกบาลเกลี้ยง คือไอ้นายปีย์ มาลากุล ที่สื่อสารมวลชนลงข่าวกันอื้ออึง ซึ่งผมก็ได้เขียนถึงเรื่องนี้ในคอลัมน์ตัวเองชื่อ
และท้ายคอลัมน์ ผมสรุปทิ้งเอาไว้ว่า

...การ พบปะกันของคนกลุ่มนี้ ที่บ้านนายปีย์ มาลากุล ในวันอุบาทว์นั้น เป็นการไป... ‘สุมกบาล’ เพื่อการก่อกบฏ หรือใครว่าไม่จริง!!!?...

ที่เขียนอย่างนั้น เพราะผมพิจารณาจากสถานการณ์แวดล้อม และข้อมูลต่างๆประกอบ ก็เห็นว่า เป็นความพยายามที่จะทำการรัฐประหาร ซึ่งต่อมาก็เป็นความจริงในภายหลัง เพราะมีการยึดอำนาจเมื่อ 19 กันยายน 2549 นั่นเอง

เมื่อประธานศาลสูงทั้งสองศาล ไปมีพฤติกรรมอันไม่เหมาะควรอย่างยิ่ง ประชาชนจึงรับไม่ได้ ทำให้ฝ่ายตุลาการตกเป็น “ขี้ปาก” ของชาวบ้านในที่สุด ทั้งยังทำให้ผู้คนจำนวนมากเห็นว่า

ถ้อยคำหรูหราอย่าง “ตุลาภิวัฒน์” ตามที่กล่าวอ้างกันหลังจากการรับประทานอาหารที่ห้องอาหารอิตาเลี่ยน ที่ซอยหลังสวน นั้น

ได้ถูกผู้คนที่รักความยุติธรรม และมีสติปัญญาทั้งหลาย วิพากษ์วิจารณ์กลับว่า แท้ที่จริงแล้ว เป็นการก้าวย่างเข้าสู่ยุค “ตุลาวิบัติ” นั่นเอง

สำหรับการดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ หลังการรัฐประหาร ได้มีการตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมา เพื่อสอบสวนจัดการกับอดีตนายกฯ ซึ่งเป็นการออกกฏหมายมา “ขยี้” คนเพียงคนเดียว ทั้งๆที่ประมวลกฏหมายวิธิพิจารณาความอาญา ยังใช้บังคับอยู่ และศาลไทย ได้ยอมรับอำนาจของคณะรัฐประหาร ไว้ในคำพิพากษา แต่ก็ยังมีผู้พิพากษาอย่างท่าน กีรติ กาญจนรินทร์ ที่มีความหาญกล้า ไม่ยอมรับอำนาจดังกล่าว
บทความของผมชื่อ “จดหมายฟ้องโลก” ที่มีทั้งเวอร์ชั่นภาษาไทยและเวอร์ชั่นฝรั่ง ได้บรรยายเหตุผลเอาไว้ชัดเจน (มีคนเข้ามาอ่านเกือบหนึ่งหมื่นห้าพันราย) และจดหมายฉบับนี้ ได้ถูกแจกจ่ายไปทัวโลก จึงอยากให้ทุกท่าน ได้อ่านทั่วกันใน (ลิงก์)

น่าแปลกมาก เพราะยังไม่มีผู้ออกมาคัดค้าน หรือโต้แย้งว่า ความเห็นของผมที่ปรากฏทั้งในจดหมายและบทความนั้น ไม่ถูกต้อง!

ที่น่าดีใจอย่างมากก็คือ นายประพันธ์ นัยโกวิท ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรองอัยการสูงสุด ปัจจุบันเป็นกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ได้กล่าวตอนหนึ่งระหว่างบรรยายพิเศษเรื่อง “จัดการเลือกตั้งอย่างไรให้สุจริตและเที่ยงธรรม” ให้กับนักศึกษาหลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูงเมื่อ 1 ต.ค.2553 ว่า

“ระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เป็นระบอบเหมาะสมที่สุดของประเทศไทย และมองว่าอนาคตจะไม่มีการปฏิวัติรัฐประหารอีก เพราะกระแสโลกเปลี่ยนแปลงและไม่สนับสนุน ส่วนที่ผ่านมาการปฏิวัติรัฐประหารยังคงสามารถทำได้ ก็เพราะอำนาจตุลาการให้การยอมรับ รับรองว่าถูกต้องตามกฎหมาย แต่เมื่อใดที่อำนาจตุลาการไม่ยอมรับขึ้นมา อาจมีกฎหมายให้โทษย้อนหลังได้”

ท่านผู้อ่านที่เคารพ ผมมีความเชื่อโดยสุจริตว่า วันหนึ่งวงการตุลาการบ้านเรา จะเกิดความกล้าหาญ ไม่ยอมลงให้กับอำนาจปากกระบอกปืน แล้วหันมาพิจารณาคดี ให้ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม เฉกเช่นนานาอารยะประเทศ นั่นคือ

ไม่ให้การยอมรับ การปฏิวัติรัฐประหารว่า ถูกต้องตามกฎหมาย!

แต่ ก่อนถึงเวลานั้น ก็ดันมีข่าวเรื่อง “คลิปฉาว” ของศาลรัฐธรรมนูญ หลุดออกมาสู่สายตาสาธารณะ ทำให้ประชาชนต้องขุ่นเคืองใจ และตั้งปุจฉากันอย่างมากมาย แต่เมื่อวันพุธที่ 27 ตุลาคม 2553 ที่ผ่านมา นสพ.มติชน รายวันในคอลัมน์ “เรียงคนมาเป็นข่าว” โดย “วิหคเหินฟ้า” ได้เขียนสั้นๆ แต่ฉายภาพให้เห็นความเป็นไปในเรื่องนี้ได้ป็นอย่างดี เพราะเขาว่าเอาไว้ อย่างนี้ครับ

...เรื่อง "คลิป" ยังไม่จบ เพราะ "ผู้พิพากษาหนุ่ม" เห็นคลิปแล้ว เริ่มตั้งคำถามกับพฤติกรรมของ “ผู้ใหญ่” ที่เจตนากดดัน อภิชาติ สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ให้มาเป็น “พยาน” คนเป็น “ผู้พิพากษา” ด้วยกัน ทำไมจะอ่านเกมไม่ออก หวังว่าคงไม่เกิด “วิกฤตตุลาการ” รอบสอง

...เพราะปล่อยให้ “ตุลาการ” ไปเกี่ยวข้องกับ “การเมือง” มากเกินไป ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ถึงขั้น “ประมุข” ของศาล ไปนั่งประชุมร่วมกันที่บ้าน ปีย์ มาลากุล เพื่อจัดการกับ กกต.ชุด พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ สถาบันตุลาการจึงถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่อยมา...

นี่ไงครับ!

อ่าน แล้วทำให้เรารู้ชัดเจน แจ่มแจ้งแดงกระแจ๋แหว ว่า มาตรฐานความเป็นธรรม ในการพิจารณาคดีความของตุลาการบ้านเรานั้น ไม่ว่าจะเป็น ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญ ขณะนี้ ต่างก็มี “ปัญหาตุลาการ” แบบครบวงจรทั้งระบบ อย่างไม่ต้องสงสัยเลย

ส่วนจะเป็น “ตุลาการวิบัติ” ระดับธรรมดาๆ หรือถึงขั้น “ตุลาการวิบัติ-ฉิบหาย” นั้น

พิจารณากันเอาเอง เถอะครับ!!!

*************

***หมายเหตุ เพื่อความเข้าใจให้ชัดเจนเพิ่มขึ้น ขอให้ท่านผู้กรุณาอ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม คือ
- “ศาลไทย... ไม่ใช่ศาลทาส (นะโว้ย) !!!”

วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ความเป็นคน

ที่มา ข่าวสด

คอลัมน์ เหล็กใน




68 ราย

คือจำนวนผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมนับถึงวันที่ 28 ต.ค.

ขณะที่จำนวนผู้ได้รับผลกระทบรวมแล้วมากถึง 3 ล้านคน

น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ถือเป็นวิกฤตหนักหนาสาหัสที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ประเทศ

หลายจังหวัดเลวร้ายที่สุดในรอบ 100 ปี!

โบราณว่าไว้ คนเราจะเห็นคุณ เห็นค่ากัน ก็ยามเดือดร้อน ทุกข์ยาก ลำบาก

จะเห็นคุณค่า 'ความเป็นคน (แบบไหน อย่างไร)' ก็ยามเดือดร้อน ทุกข์ยาก ลำบาก นี่แหละ

ได้เห็น ได้รู้จักตัวตนจริงๆ แท้ๆ ของคนคนนั้น

โดยไม่เกี่ยวกับหล่อ-ไม่หล่อ รวย-จน มี-ไม่มียศถาบรรดาศักดิ์

เหมือนที่ผู้คนทั้งบ้าน ทั้งเมือง กำลังเห็น กำลังรู้จัก ใครต่อใครอยู่ในเวลานี้

โดยเฉพาะใครหลายๆ คนที่มีตำแหน่ง หน้าที่ ต้องดูแลผู้ประสบภัยที่กำลังเดือดร้อน ทุกข์ยาก ลำบาก

น้ำท่วมครั้งนี้ เปิดเผย 'ความเป็นคน...' จริงๆ แท้ๆ ออกมาหมดสิ้น

ชนิดที่ว่า 'เปลือก' ลอกหลุดไปกับน้ำจนเปลือยล่อนจ้อนเลยทีเดียว!?

ได้เห็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบสูงสุดไปเยี่ยมผู้ประสบภัย หลังน้ำท่วมมิดหลังคาบ้านผ่านไปแล้ว 3 วัน

และยังไม่ยอมเปียกอีกต่างหาก

ได้เห็นผู้มีตำแหน่งสูงสุด ไม่ทำหน้าที่กำกับ ดูแล บังคับบัญชาโดยตรงด้วยตนเอง

ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องใหญ่ร้ายแรงระดับวิกฤตประเทศ

ได้เห็นคณะผู้บริหารประเทศ ตัวใครตัวมัน กลุ่มใครกลุ่มมัน พรรคใครพรรคมัน

ไม่ร่วมระดมเป็นหนึ่งเดียวเพื่อประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ในการบริหาร จัดการวิกฤตปัญหา

ได้เห็นกลุ่มองค์กรที่ไม่ใช่ภาครัฐ ร่วมแรง ร่วมใจ ร่วมบริจาค ได้จำนวนเงิน กำลังคน และสิ่งของมากกว่าการจัดการของภาครัฐ

ยิ่งน้ำยังท่วม ยิ่งน้ำยังขังอยู่ยาวนานเท่าไหร่

'เปลือก' ของใครหลายๆ คนก็ยิ่งหลุด ยิ่งลอก

แม้น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้จะเป็นวิกฤตร้ายแรง มีผู้คนเดือดร้อน ทุกข์ยาก ลำบาก เกือบทั้งประเทศ

แต่ท่ามกลางวิกฤตร้ายแรง ท่ามกลางความเดือดร้อน ทุกข์ยาก ลำบาก

ก็ทำให้ได้เห็น ได้รู้จัก ได้ตัดสิน

'ความเป็นคน' ของคน!?

การ์ตูนเซีย 30/10/53

ที่มา ไทยรัฐ

Pic_122774

การ์ตูนเซีย 30/10/53

ยุบศาล รธน. เกาไม่ถูกที่คัน

ที่มา มติชน



โดยประสงค์ วิสุทธิ์

เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์"มติชน"ว่า ได้ยินข่าวว่า มีข่าวพูดกันมากในฝ่ายการเมืองที่ต้องการแก้ไขในส่วนของศาลรัฐธรรมนูญโดยจะ ให้ยุบองค์กรนี้และให้งานเกี่ยวกับการวินิจฉัยคดีรัฐธรรมนูญไปอยู่ที่ศาล ฎีกาหรือศาลปกครอง


เหตุผลที่กล่าวอ้างว่า เป็นที่มาของข่าวดังกล่าวคือ เกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของศาลรัฐธรรมนูญถูกย่ำยี โดยมีการให้ข่าวเชิงทำลายความน่าเชื่อถือของศาลรัฐธรรมนูญมากขึ้นเรื่อยๆ


ณ ที่นี้คงไม่มาถกเถียงกันว่า เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ดีหรือไม่ดีในการยุบศาลรัฐธรรมนูญเพราะนอกจากต้องถกเถียงกันทางด้านวิชาการ ในประเด็นต่างๆ มากมายแล้ว ต้องดูโครงสร้างของสถาบันการเมืองทั้งระบบด้วย มิเช่นนั้นแล้วการตั้งโน่น ยุบนี่ก็เหมือนเอารัฐธรรมนูญมาปะผุอย่างเช่นที่กำลังทำอยู่ทุกวันนี้หรือการ ร่างรัฐธรรมนูญปี 2550


แต่ประด็นที่ต้องการนำเสนอคือ มิใช่ศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้นที่มีปัญหา องค์กรตามรัฐธรรมนูญสำคัญๆ อาทิ ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ฯลฯ ล้วนมีปัญหามากมาย ถ้าไม่เร่งแก้ไขหรือปฏิรูปครั้งใหญ่อาจจะส่งผลกระทบต่อประชาชนและความน่า เชื่อถืออย่างรุนแรงเช่นกัน (องค์กรตามรัฐธรรมนูญบางแห่งแทบไม่มีความน่าเชื่อถือหลงเหลืออยู่อีกแล้ว?)


ปัญหาในองค์กรเหล่านี้มีอยู่ด้วยกัน 2 ด้านหลักซึ่งมีส่วนสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออก


ด้านแรก คุณภาพหรือมาตรฐานในการวินิจฉัยชี้ขาดคดี ต้องยอมรับว่า กกต. และ ป.ป.ช.ถูกตั้งคำถามในเรื่องนี้ค่อนข้างมากกว่าศาลยุติธรรมและศาลปกครอง อย่างไรก็ตามปัญหานี้ผูกพันอยู่กับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและสังคมอย่าง รวดเร็วด้วย


ด้านที่สอง คุณภาพของบุคคลากรและการบริหารจัดการ ปัญหานี้องค์กรเก่าแก่กว่า 100 ปี อย่างศาลยุติธรรม แม้จะมีความพยายามในการปรับปรุงการบริหาร แต่ปัญหาหนักที่ทับถมศาลยุติธรรมคือ ปริมาณคดีค้างการพิจารณาเป็นจำนวนมาก


ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2553 คดีค้างในศาลทุกชั้น(ชั้นต้น-อุทธรณ์-ฎีกา)รวมแล้ว 265,058 คดี จริงอยู่ในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ อัตราเร่งในการพิจารณาค่อนข้างเร็ว แต่คดีที่รับใหม่ก็มีปริมาณสูง เช่น เพียง 8 เดือนของปีนี้มีคดีรับใหม่ในศาลชั้นต้นกว่า 700,000 คดี


ขณะ ที่ปัญหาหนักตกอยู่ที่ศาลฎีกาที่มีผู้ พิพากษาเพียง 100 คนเศษ แต่มีคดีค้างอยู่กว่า 37,000 คดีและมีปริมาณคดีรับใหม่ในอัตราสูง โดยไม่มีใครรู้ว่า คดีที่ค้างอยู่นานเกินกว่า 10 ปีมีจำนวนเท่าใดเพราะเป็นข้อมูลที่ไม่อาจตรวจสอบได้


อย่าลืมว่า ยิ่งคดีพิจารณาล่าช้าเท่าใด ยิ่งไม่ยุติธรรมกับประชาชนมากเท่านั้น

ขณะ ที่องค์กรอื่น แม้ตั้งขึ้นใหม่ แต่ก็มีปัญหาในด้านการบริหารจัดการอย่างหนักหน่วงไม่แพ้กัน เพราะเป็นการรวมคนมาจากร้อยพ่อพันแม่ ต่างวัฒนธรรมความคิดมาอยู่รวมกัน ทำให้หลายแห่งมีการช่วงชิงอำนาจ ไม่มีความผูกพันกับองค์กร ไร้กฎระเบียบที่ชัดเจน ทำให้เกิดการเล่นพรรคเล่นพวก ฯลฯ


อาทิ สำนักงานศาลปกครองไม่มีการกำหนดขอบเขตงานและอำนาจหน้าที่ที่ชัดเจนของที่ปรึกษา แต่ใช้วิธีการง่ายๆคือ แต่ง ตั้งตุลาการศาลปกครองสูงสุดที่เกษียณอายุเป็นที่ปรึกษาทั้งหมด ทำให้มีที่ปรึกษาถึง9-10คน ทำให้ต้องจ่ายเงินค่าตอบแทนรายละ 60,000 บาท/เดือน รวมเดือนละ 600,000 บาท ปีละ 7,200,000 บาท(ยังไม่รวมค่าปรับปรุงห้องทำงานใหม่ให้พอกับจำนวนที่ปรึกษาที่เพิ่มขึ้นอีก) ขณะที่ตุลการศาลปกครองสูงสุดมีเพียง 17 คนเท่านั้น


คำถามคือ ถ้ามีตุลาการศาลปกครองสูงสุดเกษียณอายุอีกจะตั้งเป็นที่ปรึกษาไปเรื่อยๆเช่นที่ผ่านมาหรือไม่ และมีจำนวนเท่าใดจึงจะเพียงพอ


ศาล รัฐธรรมนูญก็มีปัญหาเช่นเดียวกันองค์กรตามรัฐธรรมนูญอื่นๆและดู เหมือนว่าจะหนักหน่วงกว่าด้วยซ้ำโดยเฉพาะเรื่องมาตรฐานคำวินิจฉัยที่ผ่าน มา(ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญชุดไหนก็ตาม)และปัญหาบริหารจัดการโดยเฉพาะคนสนิทของ ประธานศาลรัฐธรรมนูญที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากคนในสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเอง ว่า แอบอิงอำนาจ"นาย"ในการแสวงหาผลประโยชน์ในรูปต่างๆ โดยผู้มีอำนาจทำตัวเป็น"จ่าเฉย"จนปัญหาบานปลายกลายเป็นคลิปฉาว


จริง อยู่ การโจมตีศาลรัฐธรรมนูญของพรรคฝ่ายค้านอาจมีเป้าหมายในทางการเมืองในเรื่อวง คดียุบพรรค แต่สิ่งสกปรกที่เกิดขึ้นในสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องมีการปัดกวาดเช็ดถู เช่นเดียวกัน

จันทจิรา เอี่ยมมยุรา: ตัวตรงเงาไม่คด

ที่มา ประชาไท

ชื่อบทความเดิม ตัวตรงเงาไม่คด - “ถ้าตัวตรง ไม่ต้องกลัวเงาคด ถ้าหัวตรง ไม่ต้องกลัวเท้าเอียง”
เผยแพร่ครั้งแรกที่
เว็บไซต์นิติราษฎร์

ดู เหมือนกระแสน้ำที่ท่วมท้นประเทศไทยอยู่ขณะนี้จะพัดพา เอาข่าวคราวเรื่องคลิปลับกรณี คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ละลายหายไปกับสายน้ำเรียบร้อยแล้ว แต่สิ่งที่ไม่เป็นข่าวก็ไม่ได้แปลว่าไม่เป็นปัญหา เพราะคลิปลับซึ่งข่าวว่ามีด้วยกัน 5 ตอนนี้กลายเป็นวัตถุพยานเพิ่มน้ำหนักความระแวงสงสัยของสาธุชนที่มีมาก่อน หน้านี้แล้วว่าศาลนั้นยังคงเที่ยงธรรมและเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชนอยู่ หรือไม่ ด้วยเนื้อหาในคลิปแสดงไปในทิศทางว่ามีการวิ่งเต้นล็อบบี้เจ้าหน้าที่ระดับ สูงของศาล คือเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญมิให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากนี้มีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางคนหารือกันถึงวิธีการเพื่อให้ได้พยาน บุคคลบางคนมาให้การต่อศาล [1] แต่ พลันที่ข่าวนี้เผยแพร่ออกไปตุลาการศาลรัฐธรรมนูญกลับเห็นว่านี่เป็นขบวน การบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของศาลรัฐธรรมนูญด้วยการเผยแพร่คลิป

ล่า สุดคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกโรงมีมติให้เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐ ธรรมนูญแจ้งความดำเนินคดีขบวนการจัดฉากเผยแพร่คลิปฉาวในข้อหาข่มขู่และหมิ่น ประมาท [2] สร้าง ความฉงนสนเท่ห์ให้แก่สาธุชนที่มีใจเป็นธรรมจำนวนไม่น้อยว่าเหตุใดศาล รัฐธรรมนูญหรือหน่วยงาน ป.ป.ช.จึงไม่ดำเนินการสอบสวนให้ได้ความกระจ่างแจ้งเสียก่อนว่าคลิปดังกล่าว เป็นของจริงหรือตัดแต่ง มีตุลาการหรือข้าราชการศาลรัฐธรรมนูญคนใดต้องรับผิดชอบกับความไม่ชอบมาพากล เรื่องนี้อย่างไรบ้าง รวมทั้งบุคคลภายนอกที่วิ่งเต้นล็อบบี้ศาลด้วย

อย่างนี้จะเข้าทำนองตัวไม่ตรง แต่ไปโทษว่าคนอื่นทำเงาคดหรือไม่

ปี นี้ผู้รู้ออกมาให้ข้อมูลว่าประเทศไทยจะประสบกับพายุฝนที่โหมกระหน่ำ หนักหนาที่สุดในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา ความอึมครึมของฟ้าฝนดูจะไม่แตกต่างจากบรรยากาศในวงการยุติธรรมไทยสักเท่าใด นัก ระหว่างรอวันฟ้าสว่างผู้เขียนไปพบหนังสือเล่มหนึ่งที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ใช้เป็นตำราเรียนในวิชาหลักวิชาชีพนักกฎหมายของนักศึกษานิติศาสตร์ชั้นปีที่ 4 มาตลอดยี่สิบกว่าปี หนังสือเล่มนี้บรรจุเนื้อหาการบรรยายของนักกฎหมายและตุลาการคนสำคัญ ๆ ของวงการกฎหมายไทยร่วมสมัยเกี่ยวกับการปฏิญาณตนเข้าสู่วิชาชีพและการปฏิบัติ ตนของนักกฎหมาย ตั้งแต่วิชาชีพทนายความไปจนถึงผู้พิพากษาตุลาการอันเป็นขั้นสูงสุดของ วิชาชีพกฎหมาย บรรยากาศเมืองไทยเวลานี้และข่าวคลิปลับคดียุบพรรค ปชป. ย่อมดึงดูดความสนใจของผู้เขียนต่อหนังสือเล่มนี้เป็นพิเศษ และนับเป็นวาระอันเหมาะสมที่จะนำสาระสำคัญบางตอนในหนังสือเล่มนี้มาคุยกับ ท่านผู้อ่านเว็บไซต์นิติราษฎร์ในรอบนี้

ข้อความตอนหนึ่งบรรยายโดย ศาสตราจารย์โสภณ รัตนากร อดีตประธานศาลฎีกา ในหัวข้อเรื่อง “หลักวิชาชีพนักกฎหมาย : ตุลาการ” ท่านกล่าวว่า

สำหรับ ผู้พิพากษาตุลาการ เรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นเรื่องสำคัญที่สุด และถือเป็นอุดมการณ์ของตุลาการทุกระบบไม่ใช่เฉพาะของไทย จึงได้เขียนเอาไว้ในประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการเป็นข้อแรก โดยบัญญัติว่า

“หน้าที่สำคัญของผู้พิพากษา คือการประสาทความยุติธรรมแก่ผู้มีอรรถคดี ซึ่งจักต้องปฏิบัติด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเที่ยงธรรม ถูกต้องตามกฎหมายและนิติประเพณี ทั้งจักต้องแสดงให้เป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชนด้วยว่าตนปฏิบัติเช่นนี้อย่าง เคร่งครัดครบถ้วน เพื่อการนี้ผู้พิพากษาจักต้องยึดมั่นในความเป็นอิสระของตนและเทิดทูนไว้ซึ่ง เกียรติศักดิ์แห่งสถาบันตุลาการ”

เหตุที่ประมวล จริยธรรมข้าราชการตุลาการยกเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต ไว้ เป็นข้อแรก และถือเป็นอุดมการณ์แห่งวิชาชีพที่สำคัญที่สุดเพราะเหตุว่าถ้าผู้พิพากษาไม่ มีความซื่อสัตย์สุจริต สถาบันตุลาการก็อยู่ไม่ได้ เป็นที่เชื่อถืออะไรไม่ได้ [3] ซึ่งจะนำไปสู่ความเสื่อม และล่มสลายของสถาบันตุลาการในที่สุด

ความซื่อสัตย์สุจริตและความเป็นอิสระของผู้พิพากษานอกจากต้องมีอยู่ในตนอย่างแท้จริงแล้ว

ตอน ท้ายของประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการข้อนี้ยังเรียกร้องให้ผู้ พิพากษา “จักต้องแสดงให้เป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชนด้วยว่า ตนปฏิบัติเช่นนี้อย่างเคร่งครัดครบถ้วน”ซึ่งอาจารย์โสภณหมายความว่า ผู้ พิพากษามีหน้าที่ต้องทำให้ประชาชนเห็นจริงด้วยว่า เขาได้รับความยุติธรรมโดยปราศจากข้อเคลือบแคลงสงสัย ไม่ใช่ว่าตัวผู้พิพากษาคิดว่าได้ให้ความยุติธรรมแล้ว แต่ประชาชนสงสัยว่าเขาไม่ได้รับความยุติธรรม อย่างนี้ใช้ไม่ได้

มี คำพูดคำหนึ่งในวงการตุลาการว่าผู้พิพากษาไม่เพียงต้องซื่อสัตย์สุจริต แต่จะต้องทำตัวให้ไม่มีฉายาแห่งความไม่สุจริต คือ ไม่ให้มีเงาให้คนอื่นเขาสงสัยในความไม่สุจริตนั่นเอง

ผู้เขียนเห็นว่าคำว่า “ฉายาหรือเงา” สำหรับผู้พิพากษา นอกจากจะหมายเอาที่พฤติกรรมอันไม่สุจริตของตัวผู้พิพากษาซึ่งทำหน้าที่ พิพากษาตัดสินคดีโดยตรงแล้ว ยังหมายรวมไปถึงพฤติกรรมของบุคคลใกล้ชิดผู้พิพากษาทั้งในหน้าที่การงานและใน ครอบครัวซึ่งการกระทำของบุคคลเหล่านั้นอาจทำให้บุคคลภายนอกเข้าใจไปได้ว่า เป็นการยินยอมหรือความเห็นชอบของผู้พิพากษาผู้นั้น

กล่าวเฉพาะเจาะ จงเรื่องคลิปลับ หากตั้งคำถามว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ปรากฏตัวในคลิปทั้งโดยตัวเองและโดยเงา (โดยนัย) จะเข้าข่ายมีพฤติกรรมที่อาจถูกสงสัยในความซื่อสัตย์สุจริตและความเป็นอิสระ แล้วหรือไม่ และสมควรดำเนินการทางกฎหมายประการใด ผู้เขียนขอมอบให้องค์กรผู้มีหน้าที่สอบสวนอย่างคณะกรรมการ ป.ป.ช.เป็นผู้ตอบ
ส่วนคดียุบพรรคประชาธิปัตย์นั้น ตุลาการที่ถูกสงสัยควรปฏิบัติตัวอย่างไร ประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ ข้อ 14 กล่าวถึงการปฏิบัติหน้าที่ในอรรถคดีว่า

“ผู้ พิพากษาพึงถอนตัวออกจากการพิจารณา และพิพากษาคดีเมื่อมีเหตุที่ตนอาจจะถูกคัดค้านได้ตามกฎหมาย หรือเมื่อมีเหตุประการอื่นที่เกี่ยวกับตัวผู้พิพากษาอันอาจทำให้การพิจารณา พิพากษาคดีนั้นเสียความยุติธรรม และจักต้องไม่กระทำการใด ๆ อันเป็นการจูงใจผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาพิพากษาคดีนั้นในภายหลังในประการที่ อาจทำให้เสียความยุติธรรมได้”

เรื่องนี้อาจารย์โสภณเห็นว่า เป็นเรื่องที่สำคัญของผู้พิพากษา เพราะการถอนตัวไม่เพียงแต่เป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจของผู้พิพากษาเท่านั้น แต่ยังเป็นการป้องกันมิให้มีข้อครหาเกิดขึ้นภายหลัง เพื่อดำรงความบริสุทธิ์ยุติธรรมของสถาบันศาลและเพื่อรักษาไว้ซึ่งความศรัทธา ของประชาชนต่อศาลด้วย

ผู้เขียนเห็นว่าเหตุผลประการหลังนี้เองเป็น รากฐานของบรรดาข้อบัญญัติ ประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการและนิติประเพณีทั้งหมดทุกประการ คดียุบพรรคการเมืองไม่ว่าพรรคใดล้วนเป็นเรื่องใหญ่ มีประชาชนที่เขาหวงแหนพรรคสนับสนุนอยู่จำนวนมาก หากประชาชนเหล่านั้นรู้สึกว่าการยุบหรือไม่ยุบพรรคการเมืองใดไม่ได้ขึ้นอยู่ กับพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงในคดีแล้ว ย่อมเกิดความไม่เชื่อถือเคารพศรัทธาสถาบันศาลและตุลาการตามมา และหากความรู้สึกเช่นนี้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางในสังคมแล้ว (แม้ความรู้สึกอาจตรงหรือไม่ตรงกับข้อเท็จจริงก็ตาม) วิถีทางการระงับความขัดแย้งในสังคมโดยสันติย่อมสิ้นสุดลง ประชาชนจะเลิกนำคดีมาสู่ศาลและหันไปยุติความขัดแย้งด้วยความรุนแรง (ดังปรากฏการณ์ระเบิดเกลื่อนเมืองขณะนี้) ท้ายที่สุดความหายนะย่อมเกิดขึ้นกับสถาบันศาลและสังคมไทยอย่างไม่อาจหลีก เลี่ยงได้

ผู้เขียนเห็นว่าผู้พิพากษาและตุลาการซึ่งได้ปฏิญาณตนตาม รัฐธรรมนูญ รวมทั้งสถาบันแห่งรัฐทั้งหลายซึ่งมีหน้าที่ประกันความอิสระของตุลาการ [4] มีหน้าที่โดยตรงที่จะต้องรักษาความบริสุทธิ์ยุติธรรมของสถาบันศาลและความศรัทธาของประชาชนต่อศาลไว้เท่าชีวิตตน

ก่อน จบผู้เขียนนึกขึ้นได้ว่าในสมัยที่ท่านอาจารย์โสภณ รัตนากร ดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกานั้น ท่านเป็นผู้ที่ไล่ผู้พิพากษาออกจากราชการถึง 17 คน นับว่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการตุลาการไทย สาเหตุการไล่ออกก็มีต่าง ๆ นานา แต่ไม่เห็นเคยตีโพยตีพายเลยว่ามีขบวนการบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของศาล ยุติธรรม ข่มขู่หรือหมิ่นประมาทศาล เรื่องพรรค์นี้ผู้หลักผู้ใหญ่ซึ่งเป็นตุลาการที่ผู้เขียนเคารพนับถือพูดเสมอ ว่า “ถ้าตัวตรง ไม่ต้องกลัวเงาคด ถ้าหัวตรง ไม่ต้องกลัวเท้าเอียง”

-------------------------------------

1. มติชนออนไลน์ วันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 05:06:31 น. เผยแพร่ข่าวนี้พร้อมกับสรุปสาระของคลิปแต่ละตอน ดังนี้

ตอน ที่ 1 เป็นภาพ "ผู้ใหญ่" พบและปรึกษาหารือบิ๊กตุลาการบางคนโดยอ้างว่า เป็นการพบเพื่อให้ช่วยไม่ให้พรรคประชาธิปัตย์ถูกยุบ โดยรับปากว่า หากผ่านวิกฤตนี้ได้จะปูนบำเหน็จด้วยตำแหน่งที่สูงส่ง

ตอนที่ 2 เป็นคลิปและคำสนทนาของส.ส.ในฐานะตัวแทนฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์คนหนึ่ง นัดพบเจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญ ที่ห้องอาหารแห่งหนึ่ง เพื่อปรึกษาการเตรียมการให้กกต.ที่ให้การเป็นคุณ ในการอ้างข้อกฎหมาย เพื่อให้พรรคไม่ถูกยุบ

ตอนที่ 3 เป็นคลิปตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางคนปรึกษาหารือเพื่อจะอ้างคำให้การของนาย อภิชาต เพื่ออ้างว่ามีอำนาจทำได้และพ่วงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ตอน ที่ 4 เป็นคลิปคำพูดหลายคำของวงปรึกษาหารือที่ซ่อนนัยยะหากตัดสินไม่ยุบประชาธิ ปัตย์ เกรงจะมีข้อครหานินทา จึงจะดึงนายอภิชาตมาร่วมรับในสองมาตรฐาน

ตอนที่ 5 เป็นทรรศนะของตุลาการรัฐธรรมนูญบางคนที่มีต่อ ส.ส.เพื่อไทย ใช้คำว่า "มัน"ทุกครั้งที่เอ่ยชื่อ
จาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1287228593&grpid=00&catid

2. หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม 2553 ใน http://www.ryt9.com/s/nnd/1015442

3. โสภณ รัตนากร “หลักวิชาชีพนักกฎหมาย : ตุลาการ” ใน รวมคำบรรยายหลักวิชาชีพนักกฎหมาย, แสวง บุญเฉลิมวิภาส บรรณาธิการ, พิมพ์ครั้งที่ 5, กรุงเทพฯ วิญญูชน, 2545, หน้า 158-159.

4. ตัวอย่างเช่น รัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ค.ศ.1958 มาตรา 64 วรรคแรก บัญญัติว่า “ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเป็นผู้ประกันความเป็นอิสระของตุลาการ”

รวมฮิตช็อตเด็ดทองมาร์คในเวทีโลก

ที่มา Thai E-News


มือที่มองไม่เห็น(ตัว)ของใคร?-เป็น ธรรมเนียมปฏิบัติของการประชุมสุดยอดผู้นำนานาชาติ ต้องมีภาพแบบนี้เกิดขึ้นตอนจบประชุม คือการจับมือประสานกันอย่างแน่นเหนียว แต่การประชุมอาเซียน-จีนหนล่าสุดที่ฮานอย มีบางมือของบางคนที่ผู้นำนานาชาติทำท่าไม่อยากสัมผัส(ภาพข่าว:REUTERS)



เฉลย..ยัง ไม่เป็นที่แน่ชัดว่า สำนักข่าวต่างประเทศแค่บังเอิญ หรือ ตั้งใจจะให้ภาพนายกฯหุ่นเชิด ของระบอบทรราชย์อำมาตย์ในเวทีโลก ออกมาเสมือนถูกรังเกียจจากผู้นำนานาชาติ แต่ดูแล้วภาพแนวนี้ออกมาถี่ หลังการสังหารหมู่ผู้เรียกร้องประชาธิปไตยในไทย

สำนักข่าวต่าง ประเทศยิงช็อตเด็ด แสดงให้เห็นภาพอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำท่าหันไปขอจับมือกับนายกฯเหวิน เจีย เป่าของจีน ระหว่างประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน ครั้งที่ 13 ที่ฮานอย เวียดนาม เมื่อวันศุกร์ 29 ต.ค. แต่ดูเหมือนจะไม่ได้รับความใส่ใจ ส่วนนายกฯสิงคโปร์ก็ทำท่าเหมือนไม่อยากยื่นมือมาสัมผัสด้วยเช่นกัน


อีก ภาพ อภิสิทธิ์ไปประชุม UN ที่วอชิงตัน เมื่อ 24 กันยายนที่ผ่านมา ทำท่าพยายามเรียกร้องความสนใจจากโอบาม่า แต่เหมือนจะถูกเมิน ราวกับไม่มีตัวตนของเขายืนอยู่ตรงนั้น


อย่าง ไรก็ตามเขาได้รับการชดเชยด้วยการกระชับมืออย่างอบอุ่นแนบแน่นจากนายพลอาวุโส ตานฉ่วย เผด็จการมือเปื้อนเลือดรุ่นพี่ ขณะที่เจ้าตัวทำสีหน้าพะอืดพะอม เหมือนยังไม่ยอมทำใจรับสภาพ

วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สังคมข่าวชาวเสื้อแดง:80 ปี จิตร ภูมิศักดิ์ -4 ปี นวมทอง ไพรวัลย์ ดาวยังพรายศรัทธา เย้ยฟ้าดิน

ที่มา Thai E-News



โดย นักข่าวชาวรากหญ้า
28-31 ตุลาคม 2553

***สังคม ข่าวชาวเสื้อแดง ประจำวันที่ 28-31 ตุลาคม 2553 กิจกรรมฝ่ายประชาธิปไตยยังคึกคักเข้มแข็ง ไฮไลต์อยู่ที่กิจกรรมรำลึก 80 ปีแห่งวีรประวัตินักปฏิวัติประชาชน จิตร ภูมิศักดิ์ -4 ปีมหาวีระประชาชน นวมทอง ไพรวัลย์ ที่จากไปพร้อมกับการ"เกิดใหม่"ของไพร่ตาสว่างหลายสิบล้าน ค่อนประเทศ-กิจกรรมแรลลี่เส้นทางสีแดง 18 จังหวัดภาคอีสาน 1700 โลเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมปาก นักโทษการเมือง และสารพันกิจกรรม ส่งข่าวคราวภาพถ่าย คลิป บทความได้ที่ thaienews99@googlegroups.com เหมือนเคย***





4 ปีวีระประชาชน นวมทอง ไพรวัลย์-นวม ทอง ไพรวัลย์ ขับรถแท็กซี่ชนรถถังต่อต้านรัฐประหาร 19 กันยาฯ49 โดนโฆษกกองทัพบกหมิ่นแคลนว่า รับจ้างทักษิณ ไม่มีใครยอมตายเพื่ออุดมการณ์ได้...ต่อมา 31 ตุลาคม 49 นวมทองแขวนคอตายที่สะพานลอยหน้าหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เหตุการณ์ผ่านไป จนป่านนี้ พวกปฏิกริยาหมารับใช้อำมาตย์ก็ยังสบประมาทประชาชนเหมือนเดิมว่า รับจ้างทักษิณมา โดยลืมไปว่า ใครจะรับจ้างมาตายอีกตั้ง 92 ศพ...พวกมึงยังไม่สำเหนียกอีกหรือ?

ขอเชิญร่วมนิทรรศการรำลึกลุงนวม ทอง ไพรวัลย์ ในวันอาทิตย์ 31 ตุลาคม เวลา 16.00-20.00 น. ณ อนุสรณ์สถานสี่แยกคอกวัว และบริเวณสะพานลอยหน้าไทยรัฐวิภาวดีฯตามโปสเตอร์ข้างบน


ช็อตเด็ดวันนี้


***บก.ลาย จุดเขียนลงเฟซบุ๊ค ชมเปาะว่ารูปนี้ สาวเสื้อแดงกล้าหาญและใจเกินร้อยจริงๆ! กล้าฉายเดี่ยวสวมบทนอนตายต่อหน้าต่อตาเหล่า Police ที่ผูกผ้าพันคอแดงซะด้วย "We need democracy-พวกเราต้องการประชาธิปไตย) จะเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่ทั่วโลกจะต้องบันทึกไว้ สุดยอดมาก (ขอบคุณภาพจากคุณ amerilao เวป IF)***

ปรองดองนะจ๊ะ

***ขบวน การปรองดองเรนเจอร์ พากันไปออกแถลงการณ์เยาะหยันกรณีบัน คี มูน เลขาธิการUNมาเมืองไทย แต่ดันไปเรียกร้องให้ปล่อยนักโทษการเมืองพม่า ไม่ไยดีข้อเรียกร้องให้ปลดปล่อยนักโทษการเมืองเสื้อแดง สอบสวนลงโทษผู้บงการสังหารหมู่เสื้อแดง ด้วยตอน"ปรองดองกันนะจ๊ะคนไทย"สไตล์มือเปื้อนเลือด***

***รูปถ่ายจักรภพล่าสุด


เวบไซต์ประชาธิปไตยร้อยเปอร์เซ็นต์ รายงานภาพถ่ายล่าสุดของจักรภพ เพ็ญแข โดยรายงานว่า เป็นควันหลงจากงานโอท็อปของคนเสื้อแดง ที่ทางกลุ่มเรดไซเบอร์ได้จัดขึ้น เมื่อวันที่ 1-3 ตุลาคมที่ผ่านมา ณ ห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ บิ๊กซี ลาดพร้าว ชั้น 6

ในวันนั้นศูนย์ข่าว "TPNews" ได้ตั้งบูทรับสมัครสมาชิกข่าวสั้น- SMS ผ่านมือถือ, ขายหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊คส์ผลงาน "คุณจักรภพ" และจัดมุมให้แฟนคลับเขียนข้อความอวยพร, ให้กำลังใจ "คุณจักรภพ"ด้วย

ณ วันนี้ "สมุดเซ็นเยี่ยม" ทุกเล่ม พร้อมรูปถ่ายแฟนๆ ได้ถึงมือ "คุณจักรภพ" เรียบร้อยแล้ว ด้วยความซาบซึ้งยิ่ง "คุณจักรภพ" จึงฝากรูปถ่ายพร้อมคำขอบพระคุณ เป็นกลอน มาให้แฟนๆ ทุกท่าน ดังนี้ :


แต่ละพรแต่ละคำจำไว้ว่า
ในยามเหนื่อยยามล้าย่อมสู้ไหว
เมื่อครอบครัวเสื้อแดงแรงน้ำใจ
ผมฮึดสู้ขึ้นใหม่เพราะได้แรง

ส่งหัวใจข้ามฟ้ามาอารักษ์
เป็นเสาหลักศักดิ์ศรีที่มีแสง
ฉายบ้านเมืองมืดดำรื้อกำแพง
ประชาธิปไตยฉายแสงด้วยแรงเรา

ขอกราบขอบพระคุณให้ทุนเพิ่ม
กำลังใจใส่เติมดั่งเสริมเสา
สถาบันมวลชนคนอย่างเรา
ย่อมแข็งเท่าหรือแข็งกว่ากาลีเมือง.



ขอกราบขอบพระคุณทุกๆ คำอวยพรด้วยใจเคารพรักอย่างสูงครับ

ผม-จักรภพ เพ็ญแข

แฟนๆจักรภพหากอยากดูรูปชุดใหญ่ หลายรูปให้ตามไปดูที่เวบประชาธิปไตย100%***


ภาพข่าวกิจกรรมแรลลี่กรุงเทพฯ-ราชบุรี และเวทีเขาแก่นจันท์คึกคักสวยงาม

เสื้อแดงราชบุรี ในฐานะเจ้าภาพ ขอรายงานภาพข่าวกิจกรรม ซึ่งสำเร็จลุล่วงด้วยดี

ช่วงเช้า ขบวนแรลลี่ไปตลาดน้ำดำเนินสะดวก แหล่งท่องเที่ยวราชบุรี มีชื่อระดับโลก

จากนั้นไปแวะเที่ยวโสถ์คริสต์เก่าแก่อายุ100ปีที่บางนกแขวก

งานแรลลี่หนนี้มีรถร่วมประมาณ 130-140 คัน คึกคักกันดีมาก

จาก นั้น รถทั้งหมดร่วมกันแห่ไปในเมืองราชบุรี ไปผูกผ้าแดงที่หอนาฬิกากัน ได้ข่าวมาว่าพวกสาวกพันธมิดราชบุรี อกจะแตกตายหลายคน ทนไม่ได้ที่เห็นรถเป็นร้อยคันยาวเหยียด ผูกผ้าแดงวิ่งผ่านกลางเมือง

ตกเย็นเวทีเสวนาก็คึกคักดี มีคนเสื้อแดงและไม่แดงมาร่วมสามพันคน ตำรวจบอกมากกว่าที่เขาคาด

งาน นี้ เรามีกล่องกิจกรรม ชวนคนหยอดเงิน บอกว่าหักค่าเวทีและอื่นๆแล้วจะเอาเงินที่เหลือไปช่วยน้ำท่วม ก็ช่วยๆกันให้ก็ได้ ไม่ให้ก็ไม่เป็นไร ที่มีให้ตั้งแต่สิบบาท ร้อยบาท บางคนให้ห้าร้อย พันก็มี

สรุปตัวเลขมาแล้ว รายรับเราได้สามหมื่นเศษ รายจ่ายประมาณสองหมื่นบาท เราเหลือเงินช่วยน้ำท่วมประมาณ 13000 บาท
และได้ส่งเงินไปช่วยเสื้อแดงสิงห์บุรี ซื้อเรือให้ 1 ลำมูลค่า 5000 บาทแล้ว ที่เหลือ เราก็จะส่งช่วยเหลือที่อื่นต่อ

โดย สรุป งานนี้คือมวลชนที่มาน่าจะได้ความรู้ และเพิ่มเติมไฟ ได้กำลังใจ เพื่อไปขับเคลื่อนกันต่อไป และที่ได้เพิ่มสำหรับพวกเราคนจัดงานคือกำลังใจ แม้จะเหนื่อยแต่ก็ภูมิใจ ส่วนพวกข้าราชการสมุนอำมาตย์ที่น่าจะรู้ได้ก็คือ บทเรียนราคาแพง ที่ดันทะลึ่งไปล็อคโรงแรมไม่ให้เราเช่าสถานที่ จากเดิมจะจัดเล็กๆย่อมๆคนซัก3-4ร้อย เลยกลายเป็น 3 พัน...เลยทำให้งานเราใหญ่กว่าเดิมหลายเท่าตัว***

กิจกรรม นปช.สัญจรแดงยุโรป เมือง Helsingborg สวีเดน 23 ต.ค.
From กิจกรรมงาน นปช.สัญจรแดงยุโรป ที่เมื�


กลุ่มนปช.เยอรมัน (ทัวร์นกขมิ้นแดงแจ๊ด) มีกิจกรรมนัดพบพี่น้องคนไทยหัวใจสีแดงในยุโรป เมื่อ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา

โดย เจ้าภาพกิจกรรมในครั้งนี้ทางพี่น้องเสื้อแดงในประเทศสวีเดน ร่วมกับกลุ่มพี่น้องนปช.แดงยุโรป มีตัวแทนจากประเทศเดนมาร์ก นอร์เวย์ เข้าร่วมช่วยกันเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมใหักับพี่น้องเสื้อแดงวีรชนผู้ เสียชีวิต และเพื่อนพ้องน้องพี่คนเสื้อแดง อีกทั้งกลุ่มแกนนำนปช.แดงทั้งแผ่นดิน หลังเหตุการณ์สลายชุมนุม ที่ บ่อนไก่และ ราชประสงค์

จุดประสงค์ของกิจกรรม

เป็น กระบอกเสียง ประกาศข้อเท็จจริงที่ยังไม่ได้ถูกเปิดเผยให้กับชาวต่างประเทศได้รับรู้ รับทราบ เรื่องราวความเป็นมาของกลุ่มคนเสื้อแดงทั้งในและนอกประเทศ ที่มีเป้าหมายการเรียกร้องให้เกิดระบอบการปกครองที่เป็นประชาธิปไตยในแนวทาง สันติวิธี อันเป็นสิ่งที่มีความชอบธรรม และสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เสรีภาพในการแสดงออกถึงความต้องการความเสมอภาค ให้เป็นไปตามหลักสากล

จุดนัดพบฯ : รวมพลที่ร้านอาหารไทย Phuun Thai เมือง Helsingborg ประเทศ Sweden

สถานที่ดำเนินกิจกรรม : ลานอเนกประสงค์ หน้าท่าเรือเดินทะเล เมืองHelsingborg กิจกรรม เริ่ม เวลา 13:00 น. เวลาท้องถิ่น

- กลุ่ม นปช.เยอรมัน(ทัวร์นกขมิ้นแดงแจ๊ด) ได้กล่าวเชิญชวนพี่น้องที่เข้าร่วม ส่งตัวแทนร่วมกันปราศัยเป็นภาษาสวีดิช เยอรมัน เดนมาร์กและ ภาษาอังกฤษ ในหัวข้อ ความจริงที่เกิดจากความอยุติธรรมที่รัฐบาลทรราช จัดการกับประชาชนที่ต่อสู้เรียกร้องระบอบประชาธิปไตยของคนเสื้อแดงในประเทศ และเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้สูญเสียชีวิต ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจ และครอบครัวผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมของ ทหารรับใช้อำนาจเผด็จการ

เพื่อให้เกิดการช่วยเหลือ การเยียวยาที่เหมาะสมและเป็นรูปธรรม และกระจายข่าวให้สังคมโลก ได้รับรู้เรื่องราวเหตุการณ์อีกด้านที่รัฐบาลโจรพยายามปกปิดข่าวสาร ข้อเท็จจริงต่างๆที่เกิดขึ้น

- ร่วมกันร้องเพลง นักสู้ธุลีดิน เพื่อสืบสานอุดมการณ์การเรียกร้องประชาธิปไตย

หลังจบกิจกรรม ร่วมเดินประกาศ We Want Justice/Aphisith Get Out /ใครสั่งฆ่า เอี้ยสั่งฆ่า กลับจุดนัดพบร้าน phuun thai

เวลา 15:30 น. เวลาท้องถิ่น เจ้าภาพแดงสวีเดน เชิญพี่น้องร่วมแสดงความคิดเห็นเรื่องการเมืองการปกครอง และฟังคำปราศัยของตัวแทนจากกลุ่ม เดนมาร์ก สวีเดน นอร์เวย์ และ เยอรมัน
เวลา 16:00 น. ติดต่อโฟนอินคุณจตุพร พรหมพันธ์ วิเคราะห์ข่าวสารและเหตุการณ์การเมืองไทยในปัจจุบัน
เวลา 17:00 น. ร่วมรับประทานอาหาร และร้องเพลงเสื้อแดง / ร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือเร่งด่วน พี่น้องไทยที่ประสบปัญหาอุทกภัย
เวลา 22:00 น. จบรายการ อำลาแยกย้ายกลับภูมิลำเนา***



***ศูนย์ข่าวประชาชน(People Channel)จัดเสวนา ณ ห้องเสวนา ศูนย์ข่าวประชาชน People Channel ชั้น 5 บิ๊กซี ลาดพร้าว

พฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม 53

เวลา 13.00 – 16.00 น.เสวนา “ความหมายแห่งเสรีชน”
โดย อรรถชัย อนันตเมฆ
อุ๋ย ไทยเดลฟรี
ศักดิ์ดา บูรพงศ์
อารี แท่นคำ
ซาร่า ดำเนินรายการ

เสาร์ที่ 30 ตุลาคม 53
เวลา 13.00 น. ปิดท้ายเดือนตุลาด้วยภาพยนตร์ “14 ตุลา สงครามมหาประชาชน”

อาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม 53

เวลา 13.00-17.00 เม้าท์กันสนั่นเมือง พบกับ :ป้อม กรองทอง,เต้ มดชมพู,อ้น ชัยนรินทร์ พร้อมแขกรับเชิญสุรชัย แซ่ด่าน เปิดใจหลังโดนสั่งฟ้องคดีหมิ่นฯ,อดีตนักศึกษาเสรีปัญญาชน,ตัวแทนREDนนท์ มาร่วมกัน "เมาท์กระจาย" ***

***เสื้อแดงช่วยน้ำท่วม-เชิญบริจาคช่วยน้ำท่วมกับกลุ่มเสื้อแดงที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เต๊นท์ฝั่งโรบินสัน หรือที่บิ๊กซี ลาดพร้าว***

*** RED NURSE จากอิมพีเรียล พากันนำสิ่งของบรรเทาทุกข์พี่น้องชาวตำบลโผงเผง อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง พี่น้องได้รับกับมือด้วยความตื้นตันใจที่คนประสบภัยการเมืองเสื้อแดง ยังมีแก่ใจช่วยคนประสบภัยน้ำท่วม ทางเสื้อแดงอ่างทองขอบคุณทุกภาคส่วนที่เข้ามาช่วยเหลือพี่น้อง ท่านใดจะสอบถามหรือบริจาคสิ่งของให้พี่น้องชาวอ่างทองที่ถูกน้ำท่วม ติดต่อได้ที่ อ.อ๊อด 085-178-6678 หรือที่เจ้ไก่ ร้านไก่โฆษณา 081-851-4818 รับรองพี่น้องได้รับของครบ ไม่มีปัญหากวนใจ***

*** 80 ปี จิตร ภูมิศักดิ์-ภาค วิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ, กองทุนจิตร ภูมิศักดิ์, มูลนิธิจิตร ภูมิศักดิ์, ชมรมประวัติศาสตร์ จุฬาฯ และกลุ่มประชาคมจุฬาฯเพื่อประชาชน ขอเชิญร่วมงาน "80 ปี จิตร ภูมิศักดิ์" ระหว่างวันศุกร์ที่ 29 - เสาร์ที่ 30 ตุลาคมนี้

...
ศุกร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2553
.....
09.00-9.15 น. กล่าวต้อนรับโดย คณบดีคณะอักษรศาสตร์
09.15-9.30 น. กล่าวเปิดงานโดย คุณสัมผัส พึ่งประดิษฐ์
09.30-10.00 น. ปาฐกถานำ โดย อ. ดร. ชาญวิทย์ เกษตรศิริ
10.00-10.30 น. พัก – กาแฟ
10.30-12.00 น. เสวนา "แง่มุมทางประวัติศาสตร์การเมืองและวัฒนธรรมของ จิตร ภูมิศักดิ์" โดย ชูศักดิ์ ภัทรกุลวณิชย์, บัณฑิต จันทศรีคำ, ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์
ดำเนินรายการ ผศ. ดร. สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ

13.00-14.30 น. เสนอบทความวิชาการเกี่ยวกับจิตร ภูมิศักดิ์

บทความที่ 1 ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ "กลับไปอ่านโฉมหน้าศักดินาไทย"

บทความที่ 2 บาหยัน อิ่มสำราญ “โคทาน: ภารตนวนิยายแปลของจิตร ภูมิศักดิ์”

บทความที่ 3 ธิกานต์ ศรีนารา “การกีดกันความเป็น “คอมมิวนิสต์” ออกจาก จิตร ภูมิศักดิ์ หลัง-พคท.”

14.30-15.00 น. พัก – กาแฟ

บทความที่ 4 ยุกติ มุกดาวิจิตร “จิตร ภูมิศักดิ์ในฐานะนักชาตินิยม: ข้อพิจารณาเบื้องต้นจากการศึกษา “โองการแช่งน้ำฯ””

บท ความที่ 5 วิลลา วิลัยทอง ““ดาวยังพราย ศรัทธาเย้ยฟ้าดิน”: การใช้ชีวิตประจำวันของจิตร ภูมิศักดิ์และนักโทษการเมืองในคุกช่วงทศวรรษ 2500”

บทความที่ 6 เก่งกิจ กิติเรียงลาภ “ความหมาย ฐานะ และผลสะเทือนของ “จิตร ภูมิศักดิ์” “หลัง 2516””

วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553

13.00-14.30 น. เสวนา "จิตร ภูมิศักดิ์ ในความเห็นของคนรุ่นใหม่" โดย ประจักษ์ ก้องกีรติ (ผู้นำเสวนา), ไอดา อรุณวงศ์, ธนาพล อิ๋วสกุล, สลักธรรม โตจิราการ, และดนัย พลอยพลาย

14.30-15.00 น. พัก – กาแฟ

15.00-17.00 น. การแสดงดนตรี อ่านบทกวีและแสดงละคร โดยนิสิตกลุ่มประชาคมจุฬาฯ เพื่อประชาชนและชมรมประวัติศาสตร์ จุฬาฯ ณ ห้องโถง 101 อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ คณะอักษร ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


ข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ โทร. 0-2218-4672 begin_of_the_skype_highlighting 0-2218-4672 end_of_the_skype_highlighting แฟ็กซ์ 0-2218-4673***

***คิก ออฟ กิจกรรมเส้นทางสีแดง 1700 โลล่ายุติธรรม (เพิ่มจากเดิม12จังหวัด เป็น18จังหวัด ปลายทางที่ลาว ระยะทางจากเดิม900 เพิ่มเป็น1700กิโลเมตร)-อาจารย์ ธิดา โตจิราการ ภรรยาหมอเหวง โตจิราการ กับคณะที่ปรึกษาโครงการฯ เช่น บก.ลายจุด จะไปร่วมวางดอกไม้แดงหน้าเรือนจำคลองเปรม โดยงานนี้คุณหมอสันต์ หัตถีรัตน์ ประธานมูลนิธิีรชนเพื่อประชาธิปไตย (อดีตประธานสมาพันธ์ปชต. ผู้นำการต่อสู้ยุค 17 พฤษภา 35)ในวันอาทิตย์ที่ 31 ตค. เวลา 16.00 น.

เชิญ ร่วมส่งขบวนเดินทางเส้นทางสีแดง (Red Path) อาทิตย์ 31 ตค.ที่ราชประสงค์ตั้งแต่ 10.00 น. ร่วมกันเขียนจดหมายให้กำลังใจพี่น้องเสื้อแดงอีสานที่ถูกคุมขังคดีการเมือง ใส่ซองจดหมายสีแดงที่ใหญ่ที่สุดในโลก ร่วมปล่อยขบวนและปั่นจักรยานกับ บก.ลายจุดและกลุ่มวันอาทิตย์สีแดงและปล่อยนกพิราบ 91 ตัว สัญลักษณ์ของเสรีภาพ 16.00 น.วางดอกไม้แดงหน้าเรือนจำคลองเปรมให้กับแกนนำเพื่อเดินทางสู่อีสาน (รายละเอียดกิจกรรมดูตอนท้ายข่าว)***

***กิจกรรมนี้มีกันทั่วโลก นำโดยคุณคอนเนอร์ เพอร์เซล ชาว ออสเตรเลียที่ติดคุกในไทยเพราะขึ้นปราศรัยเวทีเสื้อแดงที่ผ่านมา และได้ออกจากคุกแล้ว จัดงานพร้อมกันกับที่ขบวนแรลรี่ปั่นจักรยานโครงการเส้นทางสีแดง(ดูรายละเอียดท้ายสังคมข่าว)ที่จะออกมาเรียกร้องให้ปลอ่ยตัวแกนนำและคนเสื้อแดงที่ติดอยู่ในคุก


โดย คุณคอนเนอร์จะรวบรวมพี่น้องเสื้อแดงที่ซิดนีย์ ไปประท้วงหน้าสถานทูตไทยประจำออสเตรเลียในวันที่ 31 ต.ค.วันเดียวกับที่โครงการเส้นทางสีแดง เริ่มเคลื่อนขบวนเส้นทางสีแดงจากราชประสงค์ไปอีสานนาน1เดือน ระยะทาง 900 กิโลฯเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยตัวแกนนำ

ทั้งนี้คุณคอนเนอร์และเสื้อแดงออสเตรเลีย รวมทั้งผู้ดำเนินโครงการ แจ้งมาว่า อยากให้คนไทยทั่วโลกร่วมทำกิจกรรมนี้พร้อมๆกันทั่วโลก จึง ขอประชาสัมพันธ์ไปยังเสื้อแดงทั่วโลกร่วมกันคิกออฟกิจกรรมเส้นทางสีแดงไป พร้อมๆกัน หากสามารถมาร่วมชุมนุมกันได้ที่สถานทูตก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะกดดันรัฐ บานให้ปล่อยตัวแกนนำหรือคนเสื้อแดงที่อยู่ในคุก***

***จดหมายจากคุกการเมืองของน้องๆนักศึกษานักโทษการเมือง



ถึง เสรีปัญญาชนทุกคน

สวัสดี นักศึกษา นิสิต สมาชิกทุกท่าน และผู้ช่วยเหลือทุกท่าน พี่กิต ตุ๊ก และทุกๆคนที่นี่ ขอบคุณ จดหมายจากคนข้างนอกถึงคนข้างใน

ทุกๆ คนที่เขียนมาให้กำลังใจพวกเราให้สู้และระลึกถึงวีรชน,วีรบุรุษที่เคยมา สัมผัส ในคุกคลองเปรมลาดยาวนี้ ในอดีต มี ทั้ง จิตร ภูมิศักดิ์,ครูครอง จันดาวงษ์,ทองพันธ์ สุทธิมาศ,นักแสดงศิลปิน,นักการเมือง ฯลฯ

นี้ คือนักต่อสู้กับความอยุติธรรมและเผด็จการอำมาตย์ ที่ขวางประชาธิปไตย์มาโดยตลอด ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน แนวทางเผด็จการยังเหมือนเดิมแค่เปลี่ยนแนววิธีการป้ายร้าย เช่น อดีตบอกว่าประชาชนฝ่ายต่อต้านรัฐ ว่า พวกคอมมิวนิตย์ แต่ปัจจุบัน บอกว่า ผู้ก่อการร้ายเช่น

การกระชับพื้นที่ เป็นคำพูดที่สวยหรูแม้แต่ประชาชน เยาวชน พูดยังกับว่ารัฐบาลแค่ขอพื้นที่คืนไม่มีเหตุอะไร แต่ที่ผู้ประสบเหตุการร์เห็นกลับเป็นการล้อมปราบล้อมยิงทำให้ตายและบาดเจ็บ ต่างหาก

ถิ่นกาขาว ตอนนี้รุ่งเรื่องเพราะกินบุญเก่า ก่อกรรมทำเข็ญกับประเทศชาติ ประชาชน สิ้นบุญเมื้อไหร่อีกไม่นาน เสรีภาพ มนุษยชน ที่มนุษย์จะต้องได้รับเท่าเทียมกันเสมอภาคทุกคน และพวกเราจะสอนลูกสอนหลานให้รักประชาธิปไตย เพราะมันคือทุกสิ่งงทุกอย่าง ที่พวกเค้าจับได้และทำให้เขาสบายมันเป็นสิ่งที่งดงามที่ต้องแลกด้วยอิสรภาพ

รักและเคารพทุกคน

ทุกๆคนอยู่ร่วมกัน10ชีวิตรอการช่วยเหลือ ***

***อาจารย์ชำนาญ จันทร์เรือง แห่ง มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนแจ้งข่าวมาว่า ตามที่อาจารย์สมเกียรติ ตั้งนโมผู้ก่อตั้งเว็บไซต์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนได้เสียชีวิตไปเมื่อสามเดือนก่อน ทำให้การรับบทความได้หยุดชะงักลงชั่วคราว ตอนนี้มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนได้เริ่มเปิดรับบทความใหม่แล้วทางอีเมล์แอดเดรสใหม่ คือ midnightuniversity@gmail.com โดยจะสามารถเผยแพร่บทความในหน้าเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนได้ในราวสัปดาห์หน้า จึงขอแจ้งข่าว ปชส.มาเพื่อทราบโดยทั่วกัน***

*** งานรวมพลังคนเสื้อแดงยุโรปเดนมาร์กเป็นเจ้าภาพ สถานที่ชุมนุม RÅDHUSPLADSEN โคเปนเฮเกน วันที่ 30ตุลาคม เริ่มงานเวลา 13.00น ร้องเพลงแดงทั่วแผ่นดินร่วมกัน แนะนำตัวแทนของกลุ่มจากประเทศต่างๆทั่วยุโรป มีการแสดงต่างๆร่วมกัน ร่วมรับฟังโฟนอินจาก นายกฯในดวงใจ ทักษิณ ชินวัตร ถ่ายภาพหมู่เป็นที่ระลึก ร่วมกันทำความสะอาดสถานที่จัดงาน จบงานด้วยเพลง ตะโกนบอกฟ้า และนักสู้ธุลีดิน ประมาณ16.00 น.จบงาน เวลา18.00น รับประทานอาหารร่วมกัน

พบกันวันที่ 31 ตุลาคม สถานที่วัดไทยเดนมาร์ก STENLØSE 8.00 น. รับประทานอาหารเช้า 10.00 น.ทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคีอุทิศให้แด่วีรชนผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย***

***ชาวชุมชนบ่อนไก่จัดกิจกรรมรำลึกไว้อาลัยวีรชน 31 ตุลาคมนี้ที่ชุมชนบ่อนไก่ หน้าธ.กรุงเทพฯ สาขาลุมพินี กำหนดการ

15.30 น.พบกันที่บริเวณจัดงาน
16.00 น.ผู้เห็นเหตุการณ์พาไปชี้จุดคนตาย พาผู้สื่อข่าวดูรอยกระสุน เพื่อให้เห็นว่าวิถีกระสุนมาจากฝั่งทหาร
17.10 น.ร่วมกันยืนสงบไว้อาลัยวีรชนผู้เสียชีวิต
17.15 น.ร่วมกันปล่อยลูกโป่ง และผูกผ้าแดงไว้อาลัย สานต่อเจตนารมณ์วีรชน
17.30 น.ร่วมกันจุดเทียนเพื่อให้บ้านเมืองสว่างจากการมืดมิดมานาน ประชาชนจะได้ตาสว่างมากๆขึ้น เสร็จภารกิจแยกย้ายกันกลับบ้าน***

*** ขอเชิญร่วมกิจกรรมงานวันนิคม จันทรวิทุร ประจำ ปี 2553 มีสัมมนาเรื่อง “การปฏิรูปประเทศไทยกับคุณภาพชีวิตแรงงาน” วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม 2553 ณ ห้องประชุมศาสตราจารย์นิคม จันทรวิทุร ชั้น 7 และ ห้องประชุมประภาศ อวยชัย ชั้น 4 ตึกอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จัดโดยมูลนิธินิคม จันทรวิทุร ร่วมกับ สถาบันทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


8:00 - 8:30 น. พิธีเปิดห้องประชุมศาสตราจารย์นิคม จันทรวิทุร ชั้น 7 ตึกอเนกประสงค์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
กล่าวรายงานโดย รศ. ดร. ไว จามรมาน ผู้อำนวยการ สถาบันทรัพยากรมนุษย์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

การกล่าวสุนทรพจน์และเปิดห้องประชุมฯ โดยอธิการบดี และ ผู้แทนครอบครัว
จันทรวิทุร
8:30 - 8:45 น. ผู้เข้าสัมมนาลงทะเบียนเข้าร่วมสัมมนา ณ ห้องประชุมประภาศ อวยชัย ชั้น 4
ตึกอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
8:45 - 9:00 น. กล่าวต้อนรับ โดย
ศ. ดร. ธีระ ศรีธรรมรักษ์ ประธานมูลนิธินิคม จันทรวิทุร
9:00 – 9:15 น. กล่าวเปิดการสัมมนา โดย อธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
9:15 - 9:30 น. แนะนำองค์ปาฐก โดย
• นายปนิธิ ศิริเขต ผู้อำนวยการสถาบันแรงงานศึกษา
9:30 - 10:15 น. การปาฐกถานิคม จันทรวิทุร ครั้งที่ 8 ประจำปี พ.ศ. 2553 หัวข้อ
“การปฏิรูปประเทศไทยกับคุณภาพชีวิตแรงงาน” โดย
• รศ. แล ดิลกวิทยรัตน์ อาจารย์ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (เกษียณอายุ) และกรรมการมูลนิธิอารมณ์ พงศ์พงัน
10:15 – 10:30 น. รับประทานอาหารว่าง
10:30 – 11:45 น. การอภิปรายเชิงวิชาการและนโยบาย หัวข้อ “การปฏิรูปประเทศไทยกับการปฏิรูปแรงงานเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต” โดย
• คุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี*
• ดร.สุเมธ ฤทธาคนี ประธานคณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร*
• รศ. ดร. ไว จามรมาน ผู้อำนวยการ สถาบันทรัพยากรมนุษย์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์*
• ดร. สาวตรี สุขศรี อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
• นางสาวธนพร วิจันทร์ ประธานกลุ่มบูรณาการแรงงานสตรี
• ดร.โชคชัย สุทธาเวศ เลขาธิการ มูลนิธินิคม จันทรวิทุร (ดำเนินการอภิปราย)
11.45 -12.15 น. ซักถามและร่วมแสดงความคิดเห็นโดยผู้เข้าร่วมสัมมนา
12:15-12:30 น. สรุปและกล่าวปิดการสัมมนา โดย
• นายฐาปบุตร ชมเสวี รองประธาน และ ประธานคณะกรรมการบริหารมูลนิธินิคม จันทรวิทุร
12:30 – 13:30 น. รับประทานอาหารกลางวัน
หมายเหตุ
1. *วิทยากร อยู่ระหว่างการทาบทาม
2. พิธีกรดำเนินรายการ : อาจารย์วิภา ดาวมณี และ ผู้แทนจากสถาบันทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์***


***คนเสื้อแดงจัดงาน"คาราวานสินค้าราคาถูกยุคค่าเงืนบาทแข็ง"ที่โครงการเอื้ออาทร บึงกุ่ม จองที่ขายฟรี ติดต่อคุณปุ้ย 082-6301700***


***เวบไซต์www.serichon.com จั ดกิจกรรมโยนโบว์ลิ่ง หา ทุนสนับสนุนวิทยุออนไลน์เสรีชน ที่เมเจอร์โบว์ล ชั้น6 อิมพีเรียล ลาดพร้าว เสาร์ที่ 6 พฤศจิกายนนี้ 09.00-13.00 ค่าสมัครทีมละแค่1500(3ท่านต่อทีม)ชิงถ้วยนายกฯทักษิณ หากหาทีมไม่ได้ เจ้าภาพจัดหาให้ที่หน้างาน (มาท่านเดียวแค่500)ฝีมือไม่เกี่ยว ไม่ต้องพกมา พกมาแค่ความฮากับพกเพื่อนรู้ใจ สมัครหรือขอรายละเอียดที่serichonteam@yahoo.com โทร087-0570640***

***6 พ.ย.นี้ชมคอนเสิร์ต"ใจประสานใจ"โดยบ้านเลขที่111ที่สมุทรสาคร บัตรราคา 120 บาท ติดต่อร่วมงาน 082-2423794***

***กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย แนวร่วมพลเมืองไทย กลุ่มแดงเชียงใหม่ ร่วมกันจัดงาน"ลอยกระทงรักไทขับไล่อภิสิทธิ์"ขึ้นที่เวียงกุมกาม อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ โดยจะเชิญชวนนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศร่วมงานในวันที่ 21 พฤศจิกายนนี้ เวลา 18.00-23.30น.

โดยจุดหมุ่งหมายของงานให้สะท้อนผลงานอันอัปยศของนายอภิสิท ธิ์เวชชาชีวะ ซึ่งในงานจะมีกิจกรรมแห่กระทงการเมืองเผาอภิสิทธิ์เผา เทียนเล่นไป ปล่อยโคมลอย รำวงย้อนยุค และมีการประกวดนางนพมาศ โดยคนเสื้อแดงจะ ส่งนางนพมาศทุกอำเภอมาประกวดในงาน และจะมีการปราศรัยจากกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และปราศรัยจากกลุ่มเชียงใหม่แดง***

***ท่านที่ชอบบทความวิพากษ์การเมืองให้ถึงราก ตอนนี้เชิญ www.timeupthailand.netเปิดเป็นทางการแล้ว นำทีมโดยจรรยา ยิ้มประเสริฐ เจ้าของบทความร้อน"ทำไมจึงไม่รัก..." ทยอยนำเสนอเรื่องราวและบทความที่พูดเรื่องรากฐานบ้านเมืองกับประชาธิปไตย ***

*** "นิราศรัฐ ก.ไก่: 2542 - 2552"

หนังสือผลงานของ กานต์ ณ กานท์: เขียน
ไชยันต์ รัชชกูล: คำนำเสนอ

จำหน่าย ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ 21-31 ตุลาคม 2553 ที่บูธสนพ.อ่าน & สนพ.ฟ้าเดียวกัน บูธ N44 โซน ซี1 และบูธสนพ.ไซเบอร์ฟิชมีเดีย W19 โซนเอเที่ยม อย่าลืมอุดหนุนกวีที่มีจุดยืนฝ่ายประชาธิปไตยอย่างเข้มข้นคนนี้***

***คุณเคยอ่านหรือยัง วารสาร"อ่าน"ซึ่ง"สิงห์ สนามหลวง"หนอนหนังสือระดับกูรูวงการหนังสือเมืองไทย ยกย่องให้เป็นหนังสือที่เข้มข้นแห่งวงการนักเขียนนักอ่านยิ่งกว่านิตยสาร"โลกหนังสือ"เคยสร้างชื่อไว้ในยุคหลัง 6 ตุลาคม 2519


เอา ฉบับล่าสุดการ์ตูนม็อบอำมาตย์นี่ก็เล่นเอา"จุก"ไปเลยหละ...ข้าวปลาอาหาร กินไปไม่นานเป็นขี้ ซื้อเหอะหนังสือดีดี พรุ่งนี้ได้อ่านนานนาน

พบ กับวารสารอ่านและหนังสือเล่มของสำนักพิมพ์อ่านในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ 21-31 ตุลานี้ ที่บูธสนพ.อ่าน & สนพ.ฟ้าเดียวกัน บูธ N 44 โซน ซี 1 หรือที่ร้านก็องดิด (ถ.ตะนาว), ร้านศึกษิตสยาม (วัดราชบพิธ), ร้านริมขอบฟ้า (อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย), ร้านโอเดียน สยาม(ใกล้โรงหนังสกาลา), ร้านตะวัน (อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ), ร้านเล่า เชียงใหม่ (ถ.นิมมานฯ), ร้านสามัญชน เชียงใหม่ (คาร์ฟู หางดง) ***

*******
เชิญร่วมหลั่งน้ำใจช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม(ปาก)อย่าปล่อยให้พวกเขาถูกขังลืมกับโครงการเส้นทางสีแดง
เชิญร่วมโครงการเส้นทางสีแดงจากคลองเปรมสู่11จังหวัดอีสาน860กม. เยียวยา+ตามหายุติธรรม


โครงการ เส้นทางสีแดง (Red Path Project)ขอเชิญร่วมขบวนเดินเท้า และปั่นจักรยานจากกรุงเทพฯสู่อีสาน นำกำลังใจและความช่วยเหลือสู่พี่น้องเสื้อแดงอีสาน 18 จังหวัด 1700 กม. 31ต.ค.-30 พย.นี้ แวะเยี่ยมผู้ต้องขัง ร่วมทำกิจกรรมผูกผ้าแดง วางดอกไม้แดงหน้าเรือนจำ นำเงินทองสิ่งของบริจาคมอบให้พี่น้องเสื้อแดง เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำนปช.ฯลฯ และรณรงค์สู่ระดับนาชาติ


โครงการ เส้นทางสีแดง (Red Path Project) เป็นโครงการด้านมนุษยธรรมเพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการสังหารหมู่ใน วันที่ 10 เมย.และ 13-19 พค.ที่รัฐบาลกระทำต่อประชาชนชาวไทยที่เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา โครงการนี้ดำเนินการโดยไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใดๆ

โดยโครงการ นี้มีข้อเรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยตัวแกนนำนปช.และผู้ต้องขังในคดี ชุมนุม เรียกร้องให้รัฐบาลยุติการปฏิบัติ 2 มาตรฐานทางกฏหมาย และเรียกร้องให้นานาชาติได้หันมาตระหนักและให้ความสำคัญเกี่ยวกับการละเมิด สิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงหลังรัฐประหาร 19 กย. 2549

โครงการนี้มี คุณสมบัติ บุญงามอนงค์ (แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง) และอาจารย์ธิดา โตจิราการ เป็นที่ปรึกษาโครงการในประเทศไทย และมีคุณพอร์แชล คอนเนอร์ (อดีตนายทหารบกออสเตรเลียที่ถูกจับกุมคุมขังและถูกซ้อมอย่างทารุณในเรือนจำ คลองเปรม) เป็นสมาชิกกลุ่มและที่ปรึกษาโครงการในต่างประเทศ

โครงการ เส้นทางสีแดงประกอบด้วยคนเสื้อแดงที่รักความเป็นธรรมและมีความมุ่งมั่นที่จะ นำน้ำใจและความช่วยเหลือมอบให้แก่พี่น้องเสื้อแดงที่อีสานซึ่งได้รับผลกระทบ จากการสังหารหมู่ มากที่สุด คนเสื้อแดงในภาคอีสานจำนวนมากถูกสังหาร บาดเจ็บ พิการ และสูญหายอีกจำนวนมาก สมาชิกโครงการจะร่วมกันเดินเท้าและปั่นจักรยานเพื่อไปเยี่ยมเยียน เยียวยา และให้กำลังใจบุคคลที่น่าเห็นใจเหล่านี้ได้มีกำลังใจที่จะดำเนินชีวิตต่อไป และไม่ย่อท้อที่จะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริงที่พวกเขาโหยหามาชั่ว ชีวิต

ขบวนเดินทางจะเริ่มออกเดินทางในวัน อาทิตย์ที่ 31 ตค. เวลา 10.00 น.ที่ราชประสงค์โดยจะปั่นจักรยานและเดินเท้าไปเรือนจำคลองเปรมเพื่อทำการ วางดอกไม้แดงและปล่อยนกพิราบเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพ โครงการนี้จะเดินทางด้วยระยะทางกว่า 900 กม. ผ่าน 18 จังหวัดในภาคอีสาน ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 31 วันโดยประมาณ

พบกันตั้งแต่10.00อาทิตย์ 31 ตค.ที่ราชประสงค์ครับ !

กำหนดการเดินทาง เส้นทางสีแดง ( Red Path Project )
18 จังหวัด 22 จุดแวะพัก ระยะทาง 1,700 กม.


วันที่ ต้นทาง ปลายทาง ระยะทาง (กม.)

31 ตค. ราชประสงค์ / คลองเปรม ปทุมธานี 46
1 พย. ปทุมธานี อยุธยา 53
2 พย. อยุธยา มวกเหล็ก 100
3 พย. มวกเหล็ก มวกเหล็ก
4 พย. มวกเหล็ก ลำตะคอง 26
5 พย. ลำตะคอง นครราชสีมา 94
6 พย. นครราชสีมา นครราชสีมา
7 พย. นครราชสีมา นครราชสีมา
8 พย. นครราชสีมา บัวใหญ่ 101
9 พย. บัวใหญ่ ชัยภูมิ 55
10 พย. ชัยภูมิ ชุมแพ 108
11 พย. ชุมแพ ขอนแก่น 82
12 พย. ขอนแก่น ขอนแก่น
13 พย. ขอนแก่น กาฬสินธ์ 77
14 พย. กาฬสินธ์ มหาสารคาม 44
15 พย. มหาสารคาม ร้อยเอ็ด (สุวรรณภูมิ) 98
16 พย. ร้อยเอ็ด (สุวรรณภูมิ) ยโสธร 48
17 พย. ยโสธร ศรีษะเกษ (ราศีไศล) 66
18 พย. ศรีษะเกษ (ราศีไศล) ศรีษะเกษ (ราศีไศล)
19 พย. ศรีษะเกษ (ราศีไศล) อุบลราชธานี 95
20 พย. อุบลราชธานี อำนาจเจริญ 75
21 พย. อำนาจเจริญ มุกดาหาร 88
22 พย. มุกดาหาร นครพนม (ธาตุพนม) 161
23 พย. ธาตุพนม สกลนคร 48
24 พย. สกลนคร พังโคน 54
25 พย. พังโคน อุดรธานี 118
26 พย. อุดรธานี อุดรธานี
27 พย. อุดรธานี หนองคาย 51
28 พย. หนองคาย สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 12
29 พย. หนองคาย หนองคาย -
30 พย. ลาว ร่วมทอดกฐินสามัคคีพี่น้องไทย-ลาว ชมคอนเสิรท์ใหญ่ แป๊ะ คนบางสนาน และศิลปินเสื้อแดง
1 ธค. เดินทางกลับโดยรถไฟ รถด่วนขบวนที่ 762 ออกจากหนองคาย 06.00 น. ถึงหัวลำโพง 17.10 น. สิ้นสุดขบวนเดินทางที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเวลา 18.00 น. (ถ่ายรูปกับคนเสื้อแดง สื่อมวลชนถ่ายรูป ทำข่าว)


หมายเหตุ : 1. ตารางการเดินทางอาจมีการปรับเปลี่ยนในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น

2. สื่อมวลชนต้องการทำข่าว ติดต่อ 081-583 6964 E-mail : red_truth_only@hotmail.co.th Face Book : เรดทรู้ธ

3. ประสานงานเส้นทาง ติดต่อ คุณสุรวิทย์ 085-459 7007 (เบอร์โทรกรณีฉุกเฉิน : ศูนย์นเรนทร ประสานงานรถพยาบาลฉุกเฉินทั่วประเทศ 24 ชม.1669 / ตำรวจทางหลวง 1193 )

คนไทยเสื้อแดงในต่างประเทศสามารถ เข้าร่วมทำกิจกรรมนี้พร้อมๆกันทั่วโลก ร่วมกันคิกออฟกิจกรรมเส้นทางสีแดงไปพร้อมๆกัน หากสามารถมาร่วมชุมนุมกันได้ที่สถานทูต หรือสถานกงสุลของไทยในต่างประเทฒก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะกดดันรัฐบานให้ ปล่อยตัวแกนนำหรือคนเสื้อแดงที่อยู่ในคุก

*************

COMING SOON :Talk Show วอน นอน คุก In Bangkok ที่นี่เร็วๆนี้ โดย ดารา(เนื้อย่าง)เกาหลี'วอน นอน คุก'และมิตรสหายหน้าตาน่ารักขาวตี๋ วัยรุ่นกรี๊ดครบเซ็ต

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker