บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ความแตกต่างระหว่างสองรัฐบาล โดยคุณทวดเอง ..พันทิป

ที่มา thaifreenews

โดย ป้าพลอย

Pantip-Cafe





ความแตกต่างระหว่างสองรัฐบาล

เมื่อ เกิดสถานการณ์ที่ต้องใช้การตัดสินใจอย่างฉับไว เราจึงสามารถมองเห็นภาวะผู้นำของประเทศได้ครับ ซึ่งต่อไปนี้ผมจะขอเขียนในสิ่งที่นึกได้ แต่คงจะลำดับเหตุการณ์ก่อนหลังไม่ได้นะครับ

เมื่อเกิดเหตุการณ์ จลาจลในเขมร ที่เผาสถานทูตไทย เกิดกระแสความคลั่งชาติของเขมรที่มีต่อคนไทย รัฐบาลคุณทักษิณสั่งเครื่องบินกองทัพไปรับคนไทยที่ติดค้างอยู่ในเขมรให้กลับ ประเทศทันท่วงที

รัฐบาลปัจจุบัน กลับปล่อยให้กระแสความรักชาติ ทำให้คนไทยกับคนไทยด้วยกันต้องไปตีกันตรงตะเข็บชายแดน ให้เป็นที่อับอายแก่คนต่างชาติ

เมื่อ เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบทางภาคใต้ คุณทักษิณก็ลงพื้นที่เพื่อสอบหาข้อมูลด้วยตัวเอง แม้จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็แสดงให้เห็นว่าได้พยายามแล้ว

ส่วนรัฐบาลปัจจุบัน ผ่านมาเกือบสองปี ก็ยังรอรับรายงานอยู่แต่ในทำเนียบ แล้วก็คอยบอกว่า “เรามาถูกทางแล้ว” ซึ่งสวนกับความเป็นจริง ที่การก่อการรุนแรงมากยิ่งขึ้น

เมื่อ คราวไข้หวัดซาร์ส ซึ่งเป็นโรคใหม่ที่คร่าชีวิตคนมากมาย สร้างความเสียหายต่อภาวการณ์และการท่องเที่ยว แต่เพราะเกรงว่าการให้คนสวมหน้ากาก จะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ไปอีก และหลังจากศึกษาแล้วว่า โรคซาร์สจะติดต่อได้ก็ทางแลกเปลี่ยนของเหลว คุณทักษิณถึงกับไปพบปะกับผู้คนที่สนามบินโดยไม่ได้สวมหน้ากากป้องกันใดๆเลย ผิดกับนักท่องเที่ยวที่สวมใส่หน้ากากป้องกันโรคอย่างแน่นหนา และเมื่อภาพข่าวถึงเผยแพร่ จึงทำให้สถานการณ์กลับคืนสู่ปกติอย่างรวดเร็ว เพราะความเชื่อมั่น อีกทั้งรัฐมนตรีในคณะก็ทำงานกันอย่างฉับไว จนทำให้สามารถป้องกันภัยจากโรคร้ายนี้ได้ ดังนั้นเราจึงมีคนเสียชีวิตน้อยมาก และเป็นเพราะติดโรคจากต่างประเทศเสียด้วย นี่คือภาวะผู้นำที่กล้าคิดนอกกรอบ ทำให้รักษาภาวการณ์ได้อย่างรวดเร็ว

ผิกกับไข้หวัด 2009 ทั้งที่ได้รับข่าวสารมาจากต่างประเทศก่อนหน้านี้นานมาก แต่รัฐบาลปัจจุบันกับคิดสร้างความเชื่อมั่น โดยให้ข้อมูลผิดๆ “เป็นเองก็หายเองได้ และคนเป็นแล้วก็จะไม่เป็นอีก” ดังนั้นประเทศไทยจึงมีผู้เสียชีวิตมากมายติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก และอาจจะเป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคนี้ก็ได้

ต่อมาก็มาถึง ไข้หวัดนก มีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ทำให้สัตว์ปีกตายเป็นอันมาก นอกจากส่งผลกระทบกับชีวิตและการท่องเที่ยวแล้ว ยังส่งผลกับธุรกิจสัตว์ปีกมากมายมหาศาล เพราะคนไม่กล้าบริโภคสัตว์ปีก คุณทักษิณเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ด้วยการออกอากาศพูดถึงการปรุงอาหารให้สุก ก็จะไม่ติดโรค พร้อมทั้งรับประทานไก่สุกให้ชาวบ้านเห็น นั่นจึงเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนหันมารับประทานไก่เช่นเดิม ทำให้ธุรกิจสัตว์ปีกแม้ต้องประสบกับผลกระทบ แต่ก็ไม่ถึงกับเสียหายย่อยยับ

รัฐบาล ปัจจุบันแก้ปัญหา ไข่แพง ซื้อไก่พันธุ์เพิ่ม พอไข่ถูก ให้คนกินไข่เยอะๆ ค่าเงินบาทแข็ง ให้นำเข้าเครื่องจักรเยอะๆ แล้วอีกหน่อยพอเครื่องจักรเยอะๆ ก็อาจมีปัญหากับคนว่างงาน ก็คงแนะให้ไปฝึกงานที่ต้นกล้าอาชีพอีกแน่ๆ เชื่อผมเหอะ

แล้วก็มาถึง มหันตภัยสึนามิ ที่เป็นมหันตภัยครั้งร้ายแรงที่สุดที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 เวลา 9.00 น. และในวันเดียวกันนี้ คุณทักษิณยังปราศรัยอาเสียงอยู่ที่มหาสารคาม แต่หลังจากจบปราศรัย คุณทักษิณได้เดินทางด้วยเครื่องบินจากสนามบินขอนแก่น ไปยังภูเก็ต แล้วบัญชาการช่วยเหลือด้วยตัวเอง ทำให้ทุกหน่วยงานของรัฐเร่งทำงาน พร้อมทั้งฟื้นฟูเยียวยาอย่างรวดเร็ว ทำให้เป็นที่ชื่นชมของประชาชนทั้งไทยและเทศ ถึงกับมีผู้ประสบภัยจากต่างแดนเขียนจดหมายมาชื่นชมรัฐบาลในขณะนั้นด้วย อีกทั้งคุณทักษิณยังกล้าที่จะไม่รับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ เพราะต้องการให้ช่วยเหลือประเทศอื่นที่ประสบภัยร้ายแรงกว่าเรา และอาจไม่สามารถพึ่งพาตัวเองได้ นี่ก็อีกหนึ่งตัวอย่างของการเป็นยอดผู้นำที่ทั้งกระทำ ทั้งให้ โดยมไม่ใช้ปากพูดเพียงอย่างเดียว

ส่วนน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในขณะนี้ กว่ารัฐบาลจะไปเยี่ยมก็ปล่อยเวลาผ่านไปหลายวัน ไปในขณะที่ถูกนักข่าวสอบถาม และยังไปไม่ครบตามหมายกำหนดการณ์อีกต่างหาก แถมมีการโบกไม้โบกมือให้กับประชาชนด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ทั้งที่ชาวบ้านกำลังทุกข์ระกำลำบาก และที่เจ็บปวดก็คือ “ต้องทำใจยอมรับกับเหตุการณ์น้ำท่วมรุนแรงสุดในรอบ 50 ปี” แบบนี้หรือครับที่จะได้ใจชาวบ้าน เซ็งเลยครับ

ดังนั้นจึงไม่เป็นที่ แปลกใจเลยใช่มั๊ยครับว่าทำไมตอนคุณทักษิณเป็นนายกฯ เวลาไปลงพื้นที่ จึงมีแต่ประชาชนห้อมล้อมอย่างหนาแน่น ผิดกับคุณอภิสิทธิ์เวลาลงพื้นที่ จึงมีแต่ตำรวจและทหารล้อมหน้าล้อมหลัง เพื่อรักษาความปลอดภัย

แล้วอย่าง นี้ยังมีใครออกมาตราหน้าอีกมั๊ยครับว่า คนรากหญ้าไม่สามารถที่จะเลือกผู้นำเองได้ ในเมื่อพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า คนรากหญ้าต่างหากที่มีวิสัยทัศน์ในการเลือกผู้นำของตัวเองเป็นอย่างดี รู้อยู่แต่แรกแล้วว่า ใครทำงานเป็นใครทำงานไม่เป็น ใครมีความสามารถในการแก้ปัญหา และคนรากหญ้าก็ไม่ยอมตัดปัญหาความยุ่งยากด้วยการ “เมื่อเค้าอยากเป็นนัก ก็ให้เค้าลองดู” เพราะสุดท้ายคนที่รับกรรมก็คือประชาชน ไม่ใช่นักการเมือง

นี่ จึงเป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่า ผู้มีอำนาจทั้งหลายอาจสามารถใช้อำนาจทุกอย่าง ในการสร้างรัฐบาลตามที่ใจต้องการได้ แต่ไม่มีทางที่จะมอบภาวะผู้นำ วิสัยทัศน์ในการแก้ปัญหาให้กับใครคนใดคนหนึ่งได้ เพราะนั่นเป็นความสามารถเฉพาะตัวที่ยากต่อการเลียนแบบครับ

จากคุณ : ทวดเอง

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker