เหล็กใน
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เป็นอธิบดีที่ถูกจับจ้องและวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด
โดยเฉพาะเรื่องความเป็นกลาง
ในห้วงเวลาที่สังคมมีความแตกแยกแบ่งเป็น 2 ฝ่าย
กรมสอบสวนคดีพิเศษยิ่งต้องทำคดีด้วยความโปร่งใส จะเอียงเอนไปทางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้เลย
แต่ทุกวันนี้นายธาริตแทบแยกไม่ออกจากรัฐบาล
ทำตัวราวเป็นศัตรูคนเสื้อแดง
คดีความต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดงตกเป็นผู้ต้องหา ได้รับความสนใจจากนายธาริตเป็นพิเศษ
แต่คดีความที่คนเสื้อแดงเป็นผู้เสียหาย หรือถูกกระทำ แทบไม่ได้รับการเหลียวแลจากนายธาริตเลย
ชัดๆ ก็คือคดีเข่นฆ่าประชาชน 91 ศพจนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่คืบหน้าไปจากเมื่อ 4 เดือนก่อนเท่าไหร่
คดีกราดยิง 6 ศพที่วัดปทุมวนาราม คดีสังหารนักข่าวญี่ปุ่นและอิตาลี
ยังตอบไม่ได้เลยว่าใครเป็นคนกราดยิง?
ยังตอบไม่ได้ว่า พลซุ่มยิง หรือสไนเปอร์ เป็นใคร?
คดีความที่คนเสื้อแดงโดนยิงบาดเจ็บนับพันรายจากเหตุการณ์สลายม็อบแดงก็ยังค้างคาอยู่ หาตัวผู้กระทำผิดไม่ได้
คดี ระเบิดต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่มีแนวโน้มว่าจะไม่ใช่ฝีมือฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล เมื่อถูกโอนไปให้ดีเอสไอรับผิดชอบก็ดูเหมือนจะอึมครึมมืดมนไปหมด
ผิดกับการไล่ล่าเช็กบิลคนเสื้อแดงที่ดูว่าดีเอสไอทำงานคึกคักเป็นพิเศษ
ขวนขวายหาหลักฐานเช็กบิลคนเสื้อแดง
ล่า สุดยังปล่อยให้นายเมธี อมรวุฒิกุล พยานคดีก่อการร้ายที่อยู่ในโครงการคุ้มครองพยานของดีเอสไอ ใช้เวทีดีเอสไอแถลงชูหมัดชูกำปั้น ประกาศเล่นงานคนเสื้อแดง
และที่ยุ่งหนักเข้าไปใหญ่คือการทำงานล้ำเส้น
การเปิดประเด็น 39 นักฆ่าฝึกอาวุธที่เขมร เตรียมกลับเข้ามาก่อการร้ายในไทย
เรื่องแบบนี้เป็นหน้าที่ของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษออกมาแถลงหรือ?
การกล่าวพาดพิงประเทศกัมพูชา โดยที่ไม่นำหลักฐานที่ชัดเจนมาอ้างอิง
เหมาะสมแล้วหรือ?
ในที่สุดก็เป็นเรื่อง เมื่อรัฐบาลกัมพูชาแถลงตอบโต้ทันควัน
ระบุ เจ้าหน้าที่ไทยใช้กลอุบายทางการเมืองที่มุ่งร้ายโยงกัมพูชาเข้าไปเกี่ยวพัน กับปัญหาภายในประเทศไทย และเรียกร้องให้ดีเอสไอยุติการใช้เกมสกปรกในการใช้หลักฐานที่ทำขึ้นหวังหัน เหความสนใจจากปัญหาทางการเมืองของไทยเอง
ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาที่กำลังกระเตื้องขึ้น
เลวร้ายลงไปทันที เพราะถ้อยแถลงของนายธาริตแท้ๆ