โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
29 พฤศจิกายน 2554
กลุ่มแอคชั่นเพื่อประชาธิปไตย (ACT4DEM) ได้เปิดรณรงค์ให้ลงชื่อข้อเรียกร้อง "ให้รัฐบาลยกกเลิกมาตรา 112 ปล่อยตัวนักโทษการเมือง และนักโทษการเมืองทุกคนที่ เฟสบุ๊ค เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2554 อันเป็นวันยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีและวันครบรอบ 3 ปี การยึดสนามบินสุวรรณภูมิของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ทั้งคนยึดและคนสั่งยังลอยนวล
ผ่านไปสามวันยอดผู้ลงชื่อกว่า 40 องค์กรนานาชาติ และกว่า 900 บุคคล และขณะนี้ ACT4DEM ได้เปิดให้การลงชื่อทำได้ง่ายขึ้นด้วยการจัดทำให้ลงชื่อออนไลน์
ขอเชิญชวนผู้รักประชาธิปไตยช่วยกันลงชื่อเพื่อเรียกร้องรัฐบาลที่ประชาชน เลือกให้ยกเลิกกฎหมายมาตรา 112 และปล่อยนักโทษการเมืองและนักโทษคดีหมิ่นฯ
ข้อเสนอถึงรัฐบาลของประเทศไทย และองค์กรอาเซียน เรียกร้องให้ยกกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (มาตรา 112 ของประมวลกฏหมายอาญา) และเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษการเมือง และนักโทษคดีหมิ่นฯ ทุกคน
ข้อเสนอแนะฉบับนี้ จัดทำโดยประชาชนและองค์กรที่รู้สึกวิตกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับอนาคตแห่งประชาธิปไตยของประเทศไทยและของกลุ่มประเทศอาเซียน
ในปี พ.ศ. 2554 ประเทศถูกองค์กรสากลหลายสำนักจัดระดับเป็น “ไม่มีสิทธิและเสรีภาพด้านสื่อและอินเตอร์เน็ต” นักข่าวไร้พรมแดนได้ลดอันดับความมีสิทธิ เสรีภาพในการรับข่าวสารของประเทศไทย จากลำดับที่ 59 ไปอยู่ที่ลำดับ 153
หลังจากการรัฐประหารปี พ.ศ. 2549 มีผู้คนที่ถูกดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว จากไม่เกิน 10 คนต่อปีเป็น 100 คนต่อปี และในปี 2553 จำนวนผู้ต้องหาคดีหมิ่นฯ ได้เพิ่มสูงขึ้นกว่า 500 คน
ทุกวันนี้ไม่มีใครรู้ว่ามีคนที่ต้องติดคุกด้วยคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกี่ ร้อยคน หรือถูกดำเนินคดีกี่คนขนาดนักกฏหมายก็ไม่รู้ข้อมูลเหล่านี้ แต่ที่แน่ๆ นักโทษคดีหมิ่นฯ ถูกละเมิดสิทธิ คุกคามทำร้ายและบีบคั้นทางจิตใจในทุกด้านทั้งในและนอกห้องขัง
หลังจากเหตุการณ์การที่กองกำลังของกองทัพไทยเคลื่อนเข้าปราบปรามและสังหาร หมู่ประชาชนเมื่อเดือนเมษายน และพฤษภาคม พ.ศ.2553 ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 93 คน และ บาดเจ็บ 2,000 คน กฏหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ได้ถูกนำมาใช้รุนแรงมากขึ้น เพื่อทำให้ผู้คนที่รู้สึกสุดทนมากขึ้นเรื่อยๆกับความไม่มียุติธรรมในประเทศ ไทยเกิดความกลัวและไม่กล้าแสดงความคิดเห็นใดๆ
ข้อเรียกร้องฉบับนี้ พุ่งเป้าถึงต้นตอของวิกฤติการเมืองไทยในปัจจุบัน นั่นก็คือผลกระทบที่เกิดจากความน่าสะพรึงกลัวของกฏหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่มีต่อพัฒนาการของระบอบประชาธิปไตย
ข้อเรียกร้องฉบับนี้ เปิดให้ทั้งองค์กร และประชาชนทั่วไปร่วมลงชื่อ และจะเปิดให้มีการลงชื่อต่อไปจนกว่านักโทษและผู้ต้องหาในคดีหมิ่นพระบรมเด ชานุภาพทุกคน จะได้รับการปล่อยตัวและมีการยกเลิกกฏหมายมาตรา 112 นี้
เพื่อทันกิจกรรมยื่นข้อเรียกร้องนี้เป็นครั้งแรกต่อรัฐบาลไทยในวันที่ 10 ธันวาคม 2554 คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าภายในวันที่ 9 ธันวาคม จะมีผู้ร่วมลงชื่อ จำนวน 11,135 รายชื่อ เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งตัวเลขผู้เสียชีวิตเพราะการเมืองไทยตลอด60 ปี แห่งการกดขี่และคุกคามสิทธิและเสรีภาพในประเทศไทย
นับตั้งแต่เปิดให้ลงชื่อในเฟสบุ๊คเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2554 จนถึงขณะนี้ มีผู้ร่วมลงชื่อในนามองค์กร 40 กลุ่ม และในนามส่วนบุคคลมากกว่า 900 คน
อำนาจอธิปไตยของประเทศไทยนั้นอยู่ในอุ้งมือของประชาชน การต่อสู้ของภาคประชาชน เพื่อขจัดพลังอำนาจที่ฉ้อฉล ที่จำกัดศักยภาพของพวกเขาในการตระหนักถึงสิทธิตามครรลองประชาธิปไตยในประเทศ ไทย จำต้องได้รับพลังสมานฉันท์จากคนไทยและจากนานาชาติ
ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมลงชื่อในข้อเรียกร้องฉบับนี้
ขอขอบพระคุณอย่างสูง
กลุ่มแอ็คชั่นเพื่อประชาธิปไตยในประเทศไทย
(ACT4DEM)
* * * * * * * * * *
นักโทษคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112
-คุณดารณี ชาญเชิงศิลปกุล ผู้สื่อข่าวที่ออกมาร่วมประท้วงหลังการรัฐประหาร พ.ศ. 2549 เธอถูกจับขังคุกตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2552 และกำลังมีปัญหาด้านสุชภาพ แต่เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ได้รับการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่กระนั้นเธอก็ยืนหยัดต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม
- ธันย์ฐวุฒิ ทวีวโรดมกุล พ่อหม้ายและนักออกแบบเว็บไซด์เสื้อแดง ถูกตำรวจกลุ่มหนึ่งบุกจับที่บ้านและถูกขังคุกทันที ตำรวจกล่าวหาว่าเว็บไซด์ นปช.ยูเอสเอ เป็นภัยต่อสถาบันกษัตริย์ เขาเขียนจดหมายจากคุกถึงลูกชายวัย 10 ขวบของเขาว่า … สิ่งเดียวในตอนนี้ที่ป๊าหวังมากที่สุดนั่นคือการได้ออกไปอยู่กับน้องเว็บอีก ครั้งโดยเร็ว“น้องเว็บต้องรู้ไว้เสมอนะว่าป๊าไม่ได้ฆ่าคนตาย ป๊าไม่ได้คดโกงใคร ไม่ได้ขายยาเสพติด หรือหลอกลวงใคร ป๊าก็แค่ทำงานช่วยเหลือเพื่อนๆในสิ่งที่ป๊าสามารถทำได้เท่านั้น แล้วก็ถูกจับ”
-คุณสุรชัย แซ่ด่าน แกนนำเสื้อแดงวัย 68 ปี ป่วยเป็นโรคต่างๆ มากมาย และกำลังอดอาหารประท้วงในคุก เขาถูกจับเข้าคุกเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 เขาเขียนข้อความส่งออกมาจากคุกถึงคนเสื้อแดงว่า อย่ายอมแพ้ จงสู้ต่อไป
- คุณสมยศ พฤกษาเกษมสุข บรรณาธิการนิตยสาร เรดพาวเวอร์ และนักสิทธิแรงงาน ถูกจับที่ชายแดนไทย-กัมพูชาเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2554 เขาส่งจดหมายจากคุกในชื่อหัวจัดหมาย "เหยี่ออธรรม" โดยระบุว่า "ผมจะสู้ให้ได้รับเสรีภาพตราบจนลมหายใจสุดท้าย ผมยอมเสียอิสระภาพ แต่จะไม่ยอมเสียความเป็นคนอย่างแน่นอน" คุณสมยศถูกกลั่นแกล้งและบีบบังคับมากมายเพื่อให้สารภาพผิด รวมทั้งถูกบังคับให้ยืนในรถผู้ต้องขังย้ายไปขึ้นศาลยังเรือนจำจังหวัดต่างๆ ทั้งสระแก้ เพชรบูรณ์ นครสวรรค์และสงขลา
-คุณเลอพงศ์ วิชัยคำมาศ (โจ กอร์ดอน) ชาวอเมริกาเชื้อชาติไทย กลับเมืองไทยเพื่อรับการรักษาโรค เขาถูกล้อมจับด้วยตำรวจดีเอสไอร่วม 20 คน ด้วยข้อหาโพสลิ้งค์ของหนังสือ "กษัตริย์ไม่เคยยิ้ม" ในเว็บบอร์ดในปี พ.ศ. 2551-2552 และถูกโยนเข้าห้องขังทันทีเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม
- อำพล ตั้งนพคุณ อากง อายุ 61 ปี ถูกตัดสินจำคุก 20 ปี เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2554 สำหรับข้อกล่าวหาว่าส่ง SMS ที่มาดร้ายต่อองค์สมเด็จพระนางเจ้า ไปยังมือถือของสมเกียรติ คล่องวัฒนาสุข เลขานุการส่วนตัวของอดีตนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อำพล ที่ทุกข์ทรมานจากโรงมะเร็งที่ลิ้น และไม่สามารถเข้าถึงการรักษาที่ถูกต้องได้ในระหว่างที่อยู่ในคุก ปฏิเสธอย่างจริงจังว่าไม่ได้เป็นคนส่งข้อความเหล่านี้
และอีกหลายร้อยชีวิตที่ไม่ทราบชะตากรรม
ร่วมลงชื่อได้ ที่นี่
หรือที่ เฟสบุ๊ค
* * * * * * * * * *
ข้อมูลเพิ่มเติม
การณรงค์รวบรวมรายชื่อ เพื่อยื่นรัฐบาลไทยให้ปล่อยนักโทษการเมือง นักโทษคดีหมิ่นฯ และยกเลิกมาตรา 112
นักโทษคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
รายงานความคืบหน้า 26 พฤศจิกายน 2554
รายงานความคืบหน้า 27 พฤศจิกายน 2554
จดหมายจากทัณฑสถานหญิงนครราชสีมา ของดารณี ชาญเชิงศิลปกุล (ดา ตอร์ปิโด)
บทกวีจากเรือนจำ: สมยศ พฤกษาเกษมสุข