บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ตร.สั่งไม่ฟ้องแกนนำแดงเมืองเพชร จอบ7สีปรี๊ดแตก ไม่ยอมจบแจ้นร้องสภาทนายความให้ช่วยตามหักคอ

ที่มา Thai E-News



คนผิดยังลอยหน้า?-รายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์เอเชียอัพเดต ช่วงที่เฉลิมปะทะคารมกับสมจิตต์ 7 สี ซึ่งใช้คำถามตอนหนึ่งว่า "รัฐบาลทำแบบนี้เหมือนเป็นการหักคอ(เซ็นเซอร์)ให้ทำตามคำแนะนำของรัฐบาล ซึ่งร.ต.อ.เฉลิมตอบว่า คุณพูดเองนะ คุณกล้ามาก หากผมยืนให้สัมภาษณ์ต่อ คุณอาจต้องติดคุก ซึ่งผู้สื่อข่าวช่อง 7 ย้อนว่า"ก็ไม่เป็นไรค่ะ"

ต่อมา่มีผู้ไปร้องต่อช่อง 7 สีต้นสังกัดของสมจิตต์ให้จัดการแก้ไข แต่มาถึงวันนี้ยังลอยนวลตามเอาเรื่องแกนนำเสื้อแดงเพชรบุรีแบบไม่ยอมจบ

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
9 ธันวาคม 2554

ตำรวจสั่งไม่ฟ้องแกนนำเพชรบุรี-สมจิตต์7สีไม่ยอมจบปรี๊ดแตกฟ่อร้องสภาทนาย
ผู้ สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้า กรณีที่ น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 แจ้งความดำเนินคดีกับนางสาวพรทิพย์ ปักษานนท์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เพชรบุรี ไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลดุสิต ในข้อหา "ทำให้ผู้อื่นเกิดความหวาดกลัว หรือความตกใจ โดยการขู่เข็ญ" จากการโพสต์รูปภาพนางสาวสมจิตต์ พร้อมข้อความ "เปิดโฉมหน้านักข่าวที่ทำให้นายกฯปูเดินหนี ที่แท้เป็นนักข่าวสาว ช่อง 7 สี จำหน้าหล่อนไว้นะครับ เห็นที่ไหนก็จัดให้หน่อยก็แล้วกันครับ" ส่งต่อผ่านจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ในกลุ่มเครือข่ายคนเสื้อแดง

ล่าสุด พ.ต.ท.พิตตินันท์ อุทธสิงห์ รองผู้กำกับการสืบสวนฯปฏิบัติราชการแทนผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลดุสิต มีความเห็น "สั่งไม่ฟ้อง" น.ส.พรทิพย์ ปักษานนท์ โดยผู้สื่อข่าวช่อง 7 สี กล่าวว่า ได้รับหนังสือแจ้งเรื่องดังกล่าวจาก พ.ต.ท.พิตตินันท์ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. เนื่องจากบ้านน้ำท่วมมาเป็นเวลากว่า 1 เดือนและเพิ่งกลับเข้าไปทำความสะอาด จึงทราบว่าตำรวจมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง นางสาวพรทิพย์แล้ว ลงวันที่ 3 ธ.ค. โดยในหนังสือดังกล่าวให้เหตุผลว่า

"สถานีตำรวจนครบาลดุสิต ขอเรียนว่า พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบได้รวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว โดยมีความเห็นควร "สั่งไม่ฟ้อง" ผู้ต้องหา เนื่องจากผู้ต้องหาไม่ได้เป็นผู้เขียนข้อความและลงรูปภาพดังกล่าว โดยได้คัดลอกมาจากเว็บไซต์ที่มีผู้โพสต์ข้อความอยู่ก่อนแล้ว และไม่ได้มีเจตนาส่งข้อความถึงผู้กล่าวหาอันเป็นการข่มขู่แต่อย่างใด แต่ได้คัดลอกและส่งข้อความไปยังกลุ่มเพื่อนเพื่อสื่อสารถึงกัน"

น.ส.สมจิตต์ กล่าวว่า หลังจากรับทราบดุลพินิจของพนักงานสอบสวนแล้วได้โทรศัพท์ปรึกษากับนายเกรียง ศักดิ์ วรมงคลชัย อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการ ได้รับคำแนะนำให้ไปที่สภาทนายความเพื่อยื่นเรื่องต่อฝ่ายช่วยเหลือสภาทนาย ความให้สอบข้อเท็จจริงเพื่อตั้งสำนวนให้สภาทนายความช่วยเหลือ โดยถือเป็นการพิทักษ์คุ้มครองสิทธิตามกฎหมาย ซึ่งในคดีอาญากฎหมายให้สิทธิผู้เสียหายฟ้องดำเนินคดีเองได้ แม้พนักงานสอบสวนและอัยการจะสั่งไม่ฟ้องก็ตาม

ผู้สื่อข่าวช่อง 7 กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าจะเดินทางไปที่สภาทนายความ เพื่อปรึกษาข้อกฎหมายเกี่ยวกับคดีนี้ เพราะส่วนตัวเห็นว่าพนักงานสอบสวน ตีกรอบการพิจารณาคดีเล็กกว่าข้อเท็จจริง เช่น ไม่มีการรวมผลกระทบที่เกิดขึ้น จากการกระทำของนางสาวพรทิพย์ จนทำให้มีคนเสื้อแดงไปคุกคามที่ต้นสังกัด เพื่อขอให้ปลดดิฉันออกจากการเป็นผู้สื่อข่าว ซึ่งพนักงานสอบสวนอ้างว่าเป็นคนละเรื่องกัน ไม่สามารถนำมารวมเป็นเหตุในคดีเดียวกันได้ เรื่องนี้ดิฉันคิดว่าในคดีนี้นอกจากพฤติกรรมโดยตรงของนางสาวพรทิพย์แล้ว พนักงานสอบสวนควรจะได้พิจารณาถึงข้อเท็จจริงประกอบพฤติกรรมแวดล้อมที่เกิด ขึ้นทั้งหมดด้วยจึงจะถือว่าให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายอย่างแท้จริง" น.ส.สมจิตต์ กล่าว

เหลิมปะทะเดือดสมจิตร7สีถึงขั้นงัด112ขู่ระวังคุก ถึงตอนนี้ยังลอยนวล

เจ้าเก่าขาประจำ-นาง สาวสมจิตร นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 ซักถามต้อนร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ประเด็นออกพรฎ.อภัยโทษให้ทักษิณ จนเกิดปะทะคารมกัน โดยเฉลิมตอบว่า่คำถามเรื่องรัฐบาลกดดันในหลวงนั้น หากตอบไปจะทำให้คนถามติดคุก (แฟ้มภาพ)


เว็บไซต์ASTVผู้จัดการ รายงานว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ที่รัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เกิดปะทะคารมกับผู้สื่อข่าว โดยเฉพาะนางสาวสมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสถานที่โทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 ที่เป็นผู้ซักถาม ในระหว่างการให้สัมภาษณ์นั้น บรรยากาศเป็นไปอย่างตึงเครียด และมีการตอบโต้กันไปมาระหว่าง ร.ต.อ.เฉลิมกับผู้สื่อข่าวอยู่ตลอดเวลา

โดยเฉพาะคำถามถึงการเอื้อประโยชน์ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ในการออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษฯ ครั้งนี้ รวมไปถึงประเด็นที่เกี่ยวกับการใช้พระราชอำนาจ โดย ร.ต.อ.เฉลิมได้พยายามหลีกเลี่ยง โดยอ้างว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควร และอาจเข้าข่ายการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ รวมไปถึงพยายามตักเตือนผู้สื่อข่าวว่า บางคำถามมีความไม่เหมาะสม และขอให้ทีวีดาวเทียมบางช่องนำถ้อยคำของผู้สื่อข่าวไปออกอากาศทั้งหมดอีก ด้วย

โดยเมื่อนางสาวสมจิตต์ถามว่า หากมีความมั่นใจว่าเป็นเรื่องที่ทำถูกกฎหมายแล้ว เหตุใดจึงไม่สามารถเปิดเผยได้ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า “ยังไม่ถึงเวลาแม่คุณทูนหัว”

เมื่อนางสาวสมจิตต์ถามว่า หากทำเช่นนี้มองหรือไม่ว่าจะเป็นการกดดันองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยใช้คำถามว่า"รัฐบาลทำแบบนี้เหมือนเป็นการหักคอ(เซ็นเซอร์) ว่าจะต้องทำตามในสิ่งที่มีการถวายคำแนะนำ รองนายกฯ กล่าวตอบว่า “ผมไม่ตอบ เพราะหากยืนสัมภาษณ์ต่อไป คุณสมจิตร (น.ส.สมจิตร นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสถานที่โทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 ซึ่งเป็นผู้ถาม) อาจจะเป็นผู้ที่ติดคุก”

สำหรับกรณีที่มีการวิจารณ์ว่าหลักเกณฑ์ใน พ.ร.ฎ.อภัยโทษฯ ที่ออกในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังมีการระบุว่าผู้ที่ได้รับการอภัยโทษ ต้องมาอยู่ในสถานที่คุมขังก่อน ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เรื่องนี้ตนสามารถตอบได้ซ้ำไปซ้ำมาว่าจะทำได้ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย รวมทั้งขอปฏิเสธด้วยว่า เหตุที่ไม่เปิดเผยเรื่องออกมาตอนนี้ ไม่ได้กังวลว่าสังคมจะออกมาต่อต้าน เพราะไม่มีความจริงใดที่จะปิดบังเป็นความลับได้ตลอด ส่วนใครจะออกมาต่อต้านก็ขอให้ต้านไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเกิดความขัดแย้งขึ้นในช่วงวันมหามงคล คณะรัฐมนตรีจะแสดงความรับผิดชอบหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวตอบว่า “คุณสมจิตรเป็นนักข่าวมานาน ผมไม่อยากต่อว่า อะไรที่มันเปิดไม่ได้ ผมก็ยังไม่เปิด คุณถามผมไม่จนหรอก คำถามนี้เป็นสิ่งที่ไม่น่าถาม รู้สึกว่าคุณกล้าจริงๆ เลย”

เมื่อถามอีกว่า คิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะได้กลับมาภายในปีนี้ตามที่พรรคเพื่อไทยได้เคยหาเสียงไว้หรือ ไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เป็นสิ่งที่ตนปราศรัยในช่วงเลือกตั้ง ที่เมื่อไปในพื้นที่ที่มีคนรัก พ.ต.ท.ทักษิณ หากไม่พูดถึงจะเป็นไปได้อย่างไร ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณจะได้กลับมาหรือไม่ ตนไม่ทราบ เพราะว่า พ.ร.ฎ.อภัยโทษฯ ยังไม่ออก

ผู้สื่อข่าวพยายามถามย้ำว่า หากพูดเช่นนี้แล้ว ความรับผิดชอบของนักการเมืองในการปราศรัยหาเสียงอยู่ที่ใด ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิมหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถาม โดยกล่าวถึงกรณีผู้เสียชีวิต 91 รายจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อเดือน เม.ย.-พ.ค.53 ในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ โดยอ้างว่าเรื่องนี้ยังไม่มีคนตายเลย เหตุใดจึงพยายาม

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะได้มีโอกาสเข้าร่วมงานฉลองมงคลสมรสของ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรสาวหรือไม่ ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “แล้วคุณจะไปพาดพิงอะไรเรื่องครอบครัวคนอื่น ซึ่งผมคงตอบคำถามแทนไม่ได้ มีเคเบิลทีวีช่องไหนขอให้นำคำพูดของคุณสมจิตต์ไปออกทุกคำพูดหน่อย” เมื่อกล่าวจบ ร.ต.อ.เฉลิมได้เดินออกจากวงล้อมสื่อมวลชน โดยกล่าวทิ้งท้ายว่าตนไม่เคยหนีนักข่าว เพราะเป็นคนชอบพูด แต่ที่ต้องไปวันนี้ เพราะกลัวมีคนติดคุก ทั้งนี้จากรายงานข่าวของASTVผู้จัดการ

อนึ่งนางสาวสมจิตต์ เป็นผู้สื่อข่าวช่อง 7 ประจำรัฐสภา แสดงตัวชัดเจนว่าสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิืปัตย์ โดยเรียก"อาจารย์"ทุกคำ เคยเขียนหนังสือเชียร์ 2 เล่ม แต่มักมีอคติกับฝ่ายพรรคเพื่อไทย เคยตั้งคำถามจนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เลี่ยงที่จะตอบคำถาม และเกิดวิวาทะกับคนเสื้อแดง ตามมาด้วยการฟ้องร้องดำเนินคดีกัน และคนเสื้อแดงบุกไปประท้วงที่ช่อง 7 มาแล้ว

ร.ต.อ.เฉลิมเคยกล่าวในที่ประชุมสภา กรณีน.ส.สมจิตต์ดำเนินคดีคนเสื้อแดงเพชรบุรีที่ส่งอีเมล์ว่า"ให้จัดหนัก เพราะอคติกับนายกฯยิ่งลักษณ์"โดย เห็นว่าการทำหน้าที่ของน.ส.สมจิตร ในฐานะสื่อมวลชนที่ตั้งคำถามกับนายกฯเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นการตั้งคำถามโดยอคติ เสมือนเป็นผู้นำฝ่ายค้าน และข้อความในฟอร์เวิร์ดเมล์ของคนเสื้อแดงเพชรบุรี ที่ระบุว่า "ถ้าเห็นที่ไหน ก็จัดให้หน่อย" ไม่มีความหมายที่จะแปลว่าจะเป็นการข่มขู่ ทำให้นางสาวสมจิตต์ให้สัมภาษณ์ตอบโต้ว่า ถ้าเช่นนั้น"ไอ้ปื๊ดก็คงไม่ได้ฆ่าคน"
มีข้อสังเกตว่้าเวลาสัมภาษณ์สุเทพ เทือกสุบรรณ นางสาวสมจิตต์ทำด้วยท่าทางนอบน้อมคารวะผู้ใหญ่ จนแทบจะถอนสายบัวสัมภาษณ์อยู่แล้ว



คลิปข่าวนักข่าวช่อง7เดินตามมาร์ค แล้วมัวแต่มองสุดปลื้มจนทำให้เดินสะดุดหัวปักหัวปำ วันมาร์คไปเปิดตัวหนังสือที่เธอเป็นคนเขียนเชียร์ เรียกว่าคนละอารมณ์กับตอนถามจิกตีจนนายกฯยิ่งลักษณ์ต้องเดินหนี หรือคนละเรื่องกับตอนปะทะคารมกับเฉลิม

*********
รายงานเกี่ยวเนื่อง:ไหนว่าไม่มีอคติแฉวีรกรรมเก่านักข่าว7สีจิกหัวเสื้อแดงซ้ำ ไำม่ทำหน้าที่สื่อสวมบทองครักษ์พิทักษ์มาร์ค

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker