บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554

รายงาน : “เขาหาว่า ผมยิงอาร์พีจี (ใส่กลาโหม)”

ที่มา ประชาไท

บัณฑิต สิทธิทุม เกิดเมื่อพ.ศ. 2510 บ้านเดิมอยู่ที่ อ.พล จ.ขอนแก่น จบการศึกษาที่ โรงเรียนตำรวจภูธร 2 จังหวัดชลบุรี ออกจากราชการประมาณปี 2545 เนื่องจากกระทำความผิดฐาน พ.ร.บ.ป่าไม้ มีลูก 3 คน ลูกชายคนเล็กอายุ 12 ปี ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่บางแสน ชลบุรี

เขาถูกจับกุม เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2553 เวลาประมาณ 18.30 น.ในบ้านพักอาศัยที่บางแสน

เขาเล่าว่า ขณะเจ้าหน้าที่ทำการจับกุมมีเจ้าหน้าที่ร่วมจับประมาณ 20 นาย อาวุธครบมือ หลังจากบุกเข้าจับที่บ้านพัก ตำรวจก็ค้นบ้านประมาณ 30 นาที หลังจากนั้นก็นำตัวเขาไปขัง โดยเริ่มแรกยังไม่ได้ผูกตาเขา แต่เมื่อคุมตัวมาถึงย่านบางนา เขาถูกเจ้าหน้าที่นำผ้ามาปิดตา

ต่อมาเมื่อเขาถูกเปิดผ้าปิดตาออกเขาจึงรู้ตัวว่าเขาถูกจับนำตัวมาที่ร้าน คาราโอเกะ โดยเจ้าหน้าที่ได้สอบถามเขาว่า ใครเป็นคนจ้างให้เขายิงระเบิด และถามว่าบิ๊กจิ๋วใช่หรือไม่

เขาเล่าว่าเขาถูกเจ้าหน้าสอบถามมากมาย พร้อมทั้งข่มขู่เขาว่าถ้าไม่ตอบ ไม่บอกความจริง จะเอาไปให้ทหารยิง ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำตัวเขาไปอีกที่หนึ่ง ซึ่งต่อมาทราบว่าเป็นย่านรามอินทรา จากนั้นจึงนำตัวมาที่กองปราบฯ

คุณน้ำฝน ภริยาของบัณฑิต เล่าว่าหลังจากถูกจับกุมแล้ว เธอไม่ได้รับการติดต่อจากบัณฑิตเลยและไม่รู้ว่าจะไปติดต่อที่ไหน หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน เห็นข่าวว่าคนเสื้อแดงถูกจับไปไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เธอจึงโทรศัพท์ไปสอบถามจึงทราบว่าสามีของเธอถูกขังไว้ที่เรือนจำพิเศษ กรุงเทพฯ แล้วจึงได้เดินทางมาเยี่ยมบัณฑิต

ในชั้นจับกุมเจ้าหน้าที่แจ้งว่า เขาเป็นคนยิงอาร์พีจีใส่กระทรวงกลาโหมเมื่อเดือนมีนาคม 2553 และครอบครองอาร์พีจีและอาวุธสงครามอื่นๆ เช่น ปืนกล ระเบิด รวมทั้งปลอมทะเบียนรถ เขากล่าวว่าเขาได้รับสารภาพไปแล้ว และเหตุที่เขารับสารภาพเนื่องจากเจ้าหน้าที่ข่มขู่ว่าจะเอาไปให้ทหารและเอา ไปยิงทิ้ง

หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2553 อัยการได้ยื่นฟ้องโดยระบุว่า เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2553 เขาร่วมกันกับคนอื่นๆ ที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ใช้เครื่องยิงอาร์พีจียิงใส่กระทรวงกลาโหมเพื่อข่มขู่ให้รัฐบาลไทยอันมีนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นนายกรัฐมนตรี ให้ประกาศยุบสภาตามความประสงค์ของจำเลยกับพวก อันเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อการปกครองระบบรัฐสภาอันมีพระมหากษัตริย์ เป็นประมุข เพื่อสร้างความหวาดกลัวในหมู่ประชาชนอันเป็นการก่อการร้าย

นอกจากข้อหาก่อการร้ายและสนับสนุนก่อการร้ายแล้ว บัณฑิตยังถูกฟ้องด้วยข้อหาอื่นด้วย โดยมีข้อหา ครอบครองเครื่องยิงจรวดอาร์พีจีจำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืนอาร์พีจีจำนวน 1 นัด ครอบครองลูกระเบิดเครื่องชนิดสังหาร แบบ 88 เอ็ม 67 จำนวน 3 ลูกไว้ในครอบครอง อันเป็นการสนับสนุนการก่อการร้ายของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ แห่งชาติ ร่วมกันมีอาวุธปืนกลมือขนาด .45 จำนวน 1 กระบอกกับซองกระสุนปืน 1 อัน ไว้ในความครอบครองร่วมกันมีกระสุนปืน ออโตเมติกขนาด .45 จำนวน 48 นัดไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันพกพาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และระเบิดไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันปลอมทะเบียนป้ายทะเบียนรถและใช้ป้ายทะเบียนรถปลอม

บัณฑิตเล่าให้ฟังว่าก่อนหน้านี้เขาถูกย้ายเรือนจำไปหลายแห่ง เนื่องจากพยานบุคคลอยู่ต่างจังหวัด โดยเขาถูกย้ายไปที่เรือนจำสงขลา เรือนจำพัทยา เรือนจำชลบุรี แต่ละครั้งที่เขาย้ายไปนั้นประสบความลำบากมาก เนื่องจากไม่มีเงินติดตัวไปเลย ส่วนญาติก็ไม่ได้ตามไปเยี่ยม โดยเฉพาะเมื่อไปเรือนจำทางภาคใต้

ในด้านการสืบพยานโจทก์ที่ศาลอาญานั้น มีพนักงานสอบสวนจากดีเอสไอ พ.ต.ท.สมชาย ขำล้อมเพชร มาเบิกความว่า ขณะทำการสอบสวนรับราชการอยู่ที่ สน.พลับพลาไชย 1 ตำแหน่งพนักงานสอบสวน ผู้ชำนาญการและได้รับคำสั่งให้เป็นพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ

โดยเขาเบิกความว่า ประมาณปลายปี 2552 นปช.ได้ชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยและมีการ ชุมนุมและได้ก่อวินาศกรรมตามสถานที่ราชการหลายแห่งจนนำไปสู่การประกาศ พื้นที่ห้ามชุมนุมตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงฯเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2553 โดยห้ามชุมนุมที่กทม.และปริมณฑล

ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 2553 ภายหลังมีการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง มีการชุมนุมโดย นปช.ได้ตั้งเวทีใหญ่ที่สะพานผ่านฟ้าและปิดถนนตั้งแต่แยกมิกสิกาวันจนถึงแยก ผ่านฟ้าถึงเชิงสะพานปิ่นเกล้าทำให้ประชาชนไม่สามารถใช้เส้นทางและทำให้ ประชาชนเดือดร้อน มีวัตถุประสงค์เรียกร้องครั้งนี้ให้นายกฯยุบสภา โดย นปช.ได้วางแผนเป็นขั้นตอนในการปลุกระดมมวลชนขับเคลื่อนไปสู่ความขัดแย้ง ปลุกปั่นบิดเบือนความจริง ยุยงส่งเสริมด้วยคำพูดรุนแรงก้าวร้าวเพื่อสร้างความปมขัดแย้ง อาฆาตมาดร้าย ให้ประชาชนเกลียดชังรัฐบาล จนนำไปสู่ความรุนแรงซึ่งไม่เป็นไปตามกฎหมาย ในการชุนนุม นปช.มีการสะสมอาวุธและกำลังพล และมีการก่อวินาศกรรมควบคู่ไปกับการชุมนุมประท้วงก่อให้เกิดความเสียหายแก่ ประเทศชาติซึ่งทำให้ประขาชนหวาดกลัว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นายกฯยุบสภา

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2553 มีคนร้ายเป็นชายสองคน ได้ใช้เครื่องยิงอาร์พีจีไปยังที่กระทรวงกลาโหมแต่จรวดยิงไปถูกสายไฟที่ ถ.อัษฎางค์ ฝั่งตรงข้ามกระทรวงกลาโหมทำให้จรวดไม่ตกตามเป้าหมาย การระเบิดทำให้ทรัพย์สินเสียหายและมีผู้บาดเจ็บ

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีผู้พบเห็นคนร้ายชายสองคนขับรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ ที่ซอยแพร่งนรา ผ่านมาและจอดรถรถแวะทักทายพูดคุยกับพยานที่ซอยแพร่งนรา หลังจากนั้นไม่นานก็ได้เกิดเสียงระเบิดขึ้นที่ปากซอยแพร่งภูธร

ต่อมามีผู้พบเห็นคนร้ายทั้งสองขับรถไปทิ้งไว้ที่โรงแรมที่อยู่ข้างศาล เจ้าพ่อเสือและคนร้ายทั้งสองลงจากรถและรีบเดินหนีไป พยานที่พบเห็นคนร้ายที่จอดรถเดินหนีไปเป็นผู้หญิง 2 คน โดยคนทั้งสองได้เห็นหน้าคนร้ายที่นั่งคู่คนขับ พยานทั้งสองคนได้ไปให้ปากคำที่ สน.สำราญราษฎร์พร้อมกับพยานอีก 3 คนที่เห็นคนร้ายทั้งสองก่อนเกิดเหตุ

เมื่อไปดูสถานที่เกิดเหตุพบว่า สภาพรถยนต์กระจกรถด้านซ้ายแตกและกระจกด้านขวา(แคป)แตก ภายในรถพบเครื่องยิงอาร์พีจี ระเบิด 3 ลูก อาวุธปืนกล พบเสื้อผ้าพร้อมกระเป๋าเอกสารต่างๆ หลายรายการ และพบขวดน้ำดื่มภายในรถ จึงได้รวบรวมพยานวัตถุต่างๆ ที่ตรวจพบไปให้เจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ตรวจสอบตรวจพิสูจน์ต่อไป

ผลของการตรวจพิสูจน์ปรากฏว่า 1.พบรอยลายนิ้วมือคนร้ายที่ประตูรถ 2.ที่ขวดน้ำพบดีเอ็นเอ

ส่วนพยานโจทก์ซึ่งเป็นพนักงานนิติวิทยาศาสตร์ เบิกความว่า เธอได้รับพยานวัตถุต่างๆ จากพนักงานสอบสวนโดยมีกระเป๋าสะพายที่พบในรถกระบะ โดยขณะทำการตรวจสอบพยานวัตถุได้เปิดกระเป๋าและดึงเสื้อออกมาเพื่อจะทำการ ตรวจหาดีเอ็นเอ ขณะดึงเสื้อออกมาปรากฏว่าซิมโทรศัพท์ได้หล่นออกมาจากกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตสี ดำ เธอจึงนำส่งซิมนี้แก่พนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการต่อไป

ส่วน พ.ต.ท.ธนกฤต คณิตกุล เบิกความว่า เขาเป็นผู้ไปรับมอบซิมการ์ดจากเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์มาตรวจสอบหมายเลข โทรศัพท์ ปรากฏว่ามีการบันทึก 141 หมายเลข รายชื่อส่วนใหญ่เป็นชื่อของนักเรียนพลตำรวจภูธร 2 จ.ชลบุรี จากนั้นมีการตรวจสอบข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ และเปรียบเทียบกับข้อมูลเว็บไซต์ของนักเรียนพลตำรวจโรงเรียนตำรวจภูธร 2 ชลบุรี ปรากฏว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์ของจำเลย

ทั้งนี้ พยานโจทก์ที่มาเบิกความเป็นพยานว่าเบอร์โทรศัพท์นี้เป็นเบอร์ที่จำเลยใช้ คือ เพื่อนร่วมรุ่นที่เป็นนักเรียนพลตำรวจด้วยกัน

ส่วนจำเลยได้เบิกความว่า ในวันเกิดเหตุเขาไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ ส่วนภริยาของจำเลยเบิกความว่าวันเกิดเหตุวันที่ 20 มีนาคม 2553 ตัวจำเลยไปกินข้าวที่ร้านอาหารอีสานย่านบางแสน

และวันพรุ่งนี้ (13 ธ.ค.54) จะมีการพิพากษาคดีนี้ ที่ศาลอาญา ถนนรัชดา เวลา 9.00 น.

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker