รับขวัญอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับเมืองไทย
ล่าสุดคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ลงมติด้วยเสียง 3 ต่อ 2 แจกใบแดงให้นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะ ส.ส.ระบบสัดส่วนกลุ่ม 1 พรรคพลังประชาชน ในคดีทุจริตเลือกตั้งที่จังหวัดเชียงราย
ส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
แต่เจ้าตัวไม่นั่งรอชะตา หลังจากทราบมติ กกต. นายยงยุทธได้แถลงยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ก่อนประกาศขอยุติบทบาทประธานสภาฯ ไม่ขึ้นนั่งบนบัลลังก์ โดยมอบหมายให้รองประธานสภาฯทั้ง 2 คนทำหน้าที่แทน จนกว่าศาลฎีกาจะมีมติชี้ขาด
โชว์สปิริตถอยฉากเอง
ก็ไม่ได้พลิกล็อกจากตัวเลขที่ “ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ” ได้เปิดอัตราต่อรองไปก่อนหน้านี้ว่า นายยงยุทธได้ลุ้นเสียว 3 ต่อ 2
โดนมากกว่ารอด
และก็เป็นอะไรที่เจ้าตัวก็คงจะรู้โพยล่วงหน้า กับการแวบเหินฟ้าไปซุ่มหารือกับอดีตนายกฯทักษิณที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
เคลียร์ใบแดงไม่ออก
อย่างไรก็ตาม โดยตัวเลขที่ออกมา 3 ต่อ 2 ถือว่ามีความหมายพอสมควร จากบรรทัดฐานการพิจารณาคดีของ กกต.ในการแจกใบแดง ส.ส.เขตเลือกตั้งต้องใช้เสียง 4 ใน 5
และนี่เพิ่งเป็นครั้งแรกในการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ส.ส.ระบบสัดส่วน
โดยข้อกฎหมายก็ยังลักลั่นอยู่
ไม่อย่างนั้น นายสุเมธ อุปนิสากร กกต. ก็คงไม่ออกมาเคลียร์ปมล่วงหน้า ออกตัวก่อนลงมติเลยว่า การวินิจฉัยคดีของนายยงยุทธ กกต.สามารถลงมติ 3 ใน 5 เสียงเพื่อให้ผลออกมาอย่างใดอย่างหนึ่งได้ โดยไม่ต้องใช้มติ 4 ใน 5
เนื่องจากขณะนี้เป็นการลงมติวินิจฉัยหลังจากประกาศผลการเลือกตั้งไปแล้ว ทั้งนี้เป็นไปตามาตรา 8 วรรค 2 พ.ร.บ.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง
และก็เป็นนายสุเมธที่ยอมรับหลัง กกต.ลงมติว่า เป็น 1 ใน 3 ของเสียงส่วนใหญ่ที่ให้ใบแดงกับนายยงยุทธ และได้เขียนคำวินิจฉัยส่วนตัวเสร็จสิ้นแล้ว พร้อมที่จะเปิดเผย แต่เกรงว่าจะผิดกฎหมาย เนื่องจากต้องส่งสำนวนให้ศาลฎีกาพิจารณา
แต่แพลมไต๋ การพิจารณายึดในส่วนของพยานบุคคลที่ยืนยันชัดเจน ไม่ได้ให้ความสำคัญวีซีดีที่นายยงยุทธอ้างว่า เป็นการจัดฉาก
พร้อมๆกับยอมรับว่า มติของ กกต.ที่ออกมาจะต้องมีผู้โต้แย้ง แต่ขอให้ทุกฝ่ายรอผลการตัดสินของศาลฎีกา
สะท้อนนัย ตัวเลขมีความหมาย
ที่แน่ๆ น้ำหนักทางคดีคงลดลงไป อย่างไรเสีย 3 ต่อ 2 ก็ไม่แน่นปึ้กเหมือนตัวเลข 5 ต่อ 0 กกต.ลงมติเป็นเอกฉันท์
และโดยมาตรฐาน กกต.ชุดนี้ที่เป็นอดีตผู้พิพากษาเสีย 4 และอดีตรองอัยการสูงสุดอีก 1 ถือว่าเหลี่ยมคูกฎหมายระดับเซียนด้วยกัน ทั้งนั้น
นั่นก็หมายถึง 2 เสียงที่ค้านใบแดงของนายยงยุทธก็ใช่จะเบาหวิวซะที่ไหน
ตามรูปการณ์ก็อย่างที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะทีมที่ปรึกษากฎหมายพรรคพลังประชาชน ออกมากระตุ้นต่อมความหวัง มติ 3 ต่อ 2 ของ กกต. ไม่ได้มีความเป็นเอกฉันท์ เพราะฉะนั้นหนทางการต่อสู้คดียังพอมีโอกาส ขึ้นอยู่กับทางศาลฎีกาว่าจะมีการพิจารณาในแนวทางใด
ยังพอมีช่องหายใจให้ดิ้นกันได้
และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มาถึงตรงนี้แม้จะมีข่าวร้ายใบแดงของ “ขุนศึกคู่กายนายใหญ่” อย่างนายยงยุทธ แต่ก็คงไม่มีผลต่อการเดินทางกลับของอดีตนายกฯทักษิณ
กองเชียร์เตรียมผ้าเช็ดหน้ารอซับน้ำตาได้
แต่ให้ฟังรุ่นเก๋าที่ประสบการณ์เชี่ยวกราก “ลุงหมัก” นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ออกมาส่งซิกเตือนเป็นนัยๆ ถ้าคนไปรับมากมายก่ายกองก็จะเกิดเหตุ คนไปรับน้อยหน่อยก็จะเกิดเหตุน้อยลง ถ้าไม่ไปเลยก็คงจะดีมาก พ.ต.ท.ทักษิณคงจะสบายใจดี เพราะถ้าไปรับกันมากๆ คนเขาก็หมั่นไส้
กรุณาให้เป็นไปตามธรรมชาติ
เป็นอะไรที่สอดรับกับ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ที่ระบุไม่ห่วงม็อบนั้นม็อบนี้ แต่ให้ระวังมือที่ 3 จะสร้างสถานการณ์
งานนี้ต้องคุมพวกออกนอกหน้าให้ดีๆ.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
คอลัมน์ ข่าวการเมือง(วิเคราะห์)