บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันศุกร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ก้มกราบแผ่นดินงามๆ [29 ก.พ. 51 - 03:26]

ก้มกราบแผ่นดิน น้ำตาไหล ภาพประวัติศาสตร์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินออกจากห้องรับพิเศษท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

นาทีแรกที่เหยียบอยู่บนมาตุภูมิ

ภายหลังต้องระหกระเหินเร่ร่อนอยู่ต่างประเทศ ลี้ภัยทางการเมืองจากการถูกรัฐประหารยึดอำนาจตลอด 1 ปี 5 เดือนกว่าๆ

537 วันเต็มๆ

“ทักษิณ” กลับมาแล้ว ภารกิจแรกคือมอบตัว ต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม

และนับเป็นสัญญาณที่ดีของอดีตนายกรัฐมนตรี ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยนายทองหล่อ โฉมงาม ในฐานะผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน และผู้พิพากษาอีก 2 ท่าน ใช้เวลาพิจารณาไม่ถึง 20 นาที ก็อนุญาตให้ประกันตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะจำเลยที่ 1 ในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาฯ ในวงเงินประกัน 8 ล้านบาท โดยศาลสั่งให้ยึดสมุดเงินฝาก แจ้งอายัดและเพิกถอนหมายจับ

ห้ามออกนอกประเทศยกเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล และห้ามกระทำการอันใดที่มีผลเสียหายต่อการดำเนินคดี นัดพิจารณาคดีครั้งแรกวันที่ 12 มีนาคม

เช่นเดียวกันไม่ต้องลุ้นกันนาน กับคิวของคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น บริษัทเอสซี แอสเสท จำกัด (มหาชน) อดีตนายกฯทักษิณได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สุดท้ายอัยการสูงสุดได้อนุญาตให้ประกันตัวในวงเงิน 1 ล้านบาท พร้อมนัดฟังคำสั่งคดีในวันที่ 3 เมษายน

หายใจหายคอโล่งกันไป

แต่ที่ยังเสียววาบ หายใจได้ไม่ทั่วท้อง ตามรายงานข่าวกรองของตำรวจตรวจสอบพบปืนซุ่มยิง ระยะไกล อานุภาพสูง หรือ “สไนเปอร์” 3 กระบอก ได้หายไปจากคลังอาวุธของหน่วยทหารบกหน่วยหนึ่ง

โดยไม่รู้ว่าใครเบิกไป

ขณะเดียวกัน นายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็ยอมรับว่า ดีเอสไอมีปืนสไนเปอร์จริง โดยมีอยู่ทั้งหมด 15 กระบอก

แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเหลืออยู่กี่กระบอก

ประเด็นลอบสังหารเขย่าขวัญในห้วงเวลาล่อแหลมสุ่มเสี่ยง

สังเกตว่า ตลอดการเดินทางออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปศาลฎีกาต่อไปถึงสำนักงานอัยการสูงสุด อดีตนายกฯทักษิณได้ใช้รถยนต์กันกระสุนยี่ห้อโฮลเด้นท์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 1991 กรุงเทพมหานคร โดยไม่กล้าแวะทักทายกองเชียร์ ที่มารอรับ

ท่ามกลางการอารักขาของตำรวจหน่วยอรินทราช การจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าระวังบนตึกสูงที่เป็นเส้นทางผ่านของขบวนรถอดีตนายกฯทักษิณ

บล็อกจุดเสี่ยงต่อการซุ่มยิงระยะไกล

โดยเฉพาะการเหมาฟลอร์เข้าพักที่โรงแรมเพนนินซูลา เนื่องจากเหตุผลเพื่อความปลอดภัย เพราะที่บ้านในซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 กำลังอยู่ระหว่างการซ่อมแซม มีคนงานก่อสร้างเข้าออกจำนวนมาก

ขณะที่โรงแรมเพนนินซูลามียุทธศาสตร์เหมาะสามารถเข้าออกได้ 3 ทาง ทั้งทางบก ทางอากาศมีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ และทางเรือที่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา

เผื่อสถานการณ์ฉุกเฉินเต็มที่

นาทีเสี่ยงๆเสียวๆแบบนี้ “ทักษิณ” ไม่ไว้ใจใครหน้าไหนทั้งนั้น

แต่มันก็เป็นอะไรที่เรียกคะแนนสงสาร ลดโทนเผชิญหน้าลงไปได้เยอะ กับบทแถลงเปิดใจ อดีตนายกฯทักษิณได้ยืนเคียงข้างคุณหญิงพจมาน นายพานทองแท้ น.ส.พิณทองทา และ น.ส.แพทองธาร พร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัว

พูดด้วยน้ำเสียงที่กลั่นออกมาจากความรู้สึกส่วนลึก

เมื่อวันที่ออกจากประเทศไทยในฐานะนายกรัฐมนตรีไปปฏิบัติภารกิจเพื่อบ้านเมืองอย่างเต็มที่ แต่ตอนกลับมาถูกกล่าวหา ต้องพิมพ์ลายนิ้วมือ เปรียบเหมือนเป็นผู้ต้องหาสำคัญ

รู้สึกเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองและครอบครัว

ยืนยันเลิกเล่นการเมือง จะใช้เวลาต่อสู้คดี ปกป้องชื่อเสียงที่ถูกทำลายอย่างไม่เป็นธรรม ทำงานด้านการกุศล การกีฬา การศึกษา ทุกอย่างที่เป็นประโยชน์กับประชาชน

“ขออาศัยเป็นประชาชนคนหนึ่ง ต้องการใช้ชีวิตในประเทศ ไทย ผมไประเหเร่ร่อนในต่างประเทศ ยืนยันไม่มีแผ่นดินไหนให้ ความอบอุ่นเท่ากับประเทศไทย ผมขอตายในผืนแผ่นดินไทย”

ไม่เหลือแวว “ทักษิณ” จอมพยศคนเก่าเลย.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน

คอลัมน์ ข่าวการเมือง(วิเคราะห์)

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker