บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

นพ.ประเวศ ชี้ไทยอยู่ในช่วงมหาวิกฤติสยาม เตือน พ.ต.ท.ทักษิณ กลับอย่านำสู่ความแตกแยก

กรุงเทพฯ 27 ก.พ.-“นพ.ประเวศ” เตือนไทยตกอยู่ในช่วง “มหาวิกฤติสยาม” แนะแก้ตั้งแต่ระดับรากหญ้าให้แข็งแกร่ง ส่วนกรณี “พ.ต.ท.ทักษิณ” กลับไทย ขอประชาชนช่วยกันอย่าให้เกิดความแตกแยก พร้อมชื่นชมแพทย์ 3 คนที่ต่อสู้เรื่องยาเพื่อคนจน การันตี “นพ.ศิริวัฒน์” เป็นคนดี

ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส กล่าวในการสัมมนาเรื่อง “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนตำบลสุขภาวะ” ว่า ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงของมหาวิกฤติสยาม ที่มองไม่เห็นและไม่มีทางออก ได้แก่ วิกฤติเศรษฐกิจ วิกฤติสังคม วิกฤติสิ่งแวดล้อม วิกฤตการณ์บ้านเมือง และวิกฤติกลไกรัฐล้มเหลว การแก้ไขวิกฤติเหล่านี้ จำเป็นต้องแก้ไขตั้งแต่ระดับราษฎร คือ ในชุมชน เมื่อมีฐานที่แข็งแรงก็จะทำให้เกิดหญ้าที่แข็งแรงเช่นกัน

“เหมือนกับการสร้างเจดีย์ การสร้างประชาธิปไตยระดับชาติ ควรเน้นหลักในระดับชุมชนเพื่อความยั่งยืน เพราะการเมืองระดับชุมชนไม่มีการซื้อเสียงเหมือนการเมืองระดับชาติ และยังสอดคล้องกับพระราชดำริของรัชการที่ 7 ที่ทรงให้ความสำคัญกับประชาธิปไตยท้องถิ่น หรือแม้แต่การเมืองต่างชาติ ก็ให้ความสำคัญกับการเมืองท้องถิ่น เช่น สหรัฐก็ใส่ใจการเมืองของแต่ละรัฐ” ศ.นพ.ประเวศ กล่าว และยกตัวอย่างอีกว่า เช่น เรื่องสุขภาพประชาชนนั้น ควรมีการดูแลตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ป้องกันโรคที่เป็นและหายได้ง่าย เช่น ไข้หวัด ก็สามารถลดค่าใช้จ่ายของระดับประเทศได้

ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับประเทศไทยนั้น ศพ.ประเวศ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นบุคคลที่มีทั้งคนรักและคนเกลียด ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่แปลกใหม่ของสังคม มีหลายคนที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ดังนั้น ต้องช่วยกันระมัดระวังอย่าให้นำไปถึงความแตกแยก ทั้งนี้ ตนไม่มีอะไรจะฝากถึง พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเคยบอกไว้แล้วในขณะยังมีอำนาจอยู่ ว่าอย่าใช้อำนาจในการแก้ปัญหา แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่เคยทำได้ ส่วนที่เกรงว่าจะเกิดความขัดแย้งกัน และจะนำมาสู่การปฏิวัติอีกนั้น เชื่อว่าทหารคงเข็ด ไม่กล้าปฏิวัติอีก เพราะการปฏิวัติตอนแรกอาจเป็นเรื่องง่าย แต่หลังจากปฏิวัติจะทำอย่างไรต่อไป นี่เป็นเรื่องยาก ซึ่งก็มีบทเรียนมาจากการปฏิวัติครั้งที่ผ่านมา

ศ.นพ.ประเวศ ยังให้สัมภาษณ์กรณีการโยกย้ายข้าราชการระดับสูง ทั้งของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่า ต้องให้กำลังใจและสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาล แต่ในส่วนของกระบวนการยุติธรรม ไม่ต้องการให้มีการแตะต้อง รัฐบาลควรเป็นกลาง และกระบวนการยุติธรรมไม่ควรเข้าไปแทรกแซง

ส่วนเรื่องปัญหาการดำเนินการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร (ซีแอล) ยา และปัญหาในกระทรวงสาธารณสุขนั้น ต้องบอกว่า ความจริงต้องชื่นชม นพ.วิชัย โชควิวัฒน์ ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการ อย. ที่กล้าทำงานเรื่องยาเพื่อคนจน คนไทยต้องช่วยให้กำลังใจ ช่วยเชียร์คนทำงาน ทั้งนี้ ตนเห็น นพ.ศิริวัฒน์ มาตั้งแต่เป็นนักเรียนแพทย์ เป็นคนดี การโยกย้าย นพ.ศิริวัฒน์ ก็เคยมีมาแล้วในอดีต สมัยเป็นรองเลขาธิการ อย. ได้เข้าไปจับกุมเรื่องยาที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับน้องของผู้บริหารระดับสูง ส่วนนายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นั้น ตนไม่รู้จัก ไม่มีความเกี่ยวข้อง

“เรื่องของสิทธิบัตรยาในต่างประเทศมีบทเรียนให้เห็น เช่น ในสหรัฐ บริษัทยาหลายบริษัทต่างร่วมมือกันล็อบบี้ตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การอาหารและยาของสหรัฐมาแล้ว แต่ในส่วนของประเทศไทยผมยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด แต่เราอยู่ในกลุ่มประเทศการค้าและการแข่งขันทางการตลาดที่ไม่แตกต่างกัน จึงเชื่อว่าก็คงไม่แตกต่าง” ศ.นพ.ประเวศ กล่าว.-สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2008-02-27 12:32:09

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker