บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2552

"จตุพร"ซัด ทบ. รังแกผู้หญิง ชี้ครม. "ชวน1"ควรติดคุกด้วยกันทั้งคณะ แนะ"มาร์ค"เอ็กซ์เรย์ที่ติดชายฝั่ง

ที่มา มติชนออนไลน์

"จตุพร"ซัด ครม."ชวน1"ควรติดคุกด้วยกันทั้งคณะ พท.แนะ"มาร์ค"เอ็กซ์เรย์สถานะที่ดินชายฝั่งอันดามัน สับทบ. รังแกผู้หญิง ย้อน ปลด "บิ๊กป็อก"เหตุวิจารณ์รัฐบาลก่อน ปูด ครม.เล็งตั้งพธม.ทำงานในรัฐบาล 20 ม.ค.นี้เพื่อไทยย้ำ181ส.ส.ยังเหนียวแน่น หวังตั้งรบ.อีก ยัน "2 บิ๊ก" ไม่แตกคอ พรรคยังมีเอกภาพ "ก๊กเหนือ"อยากได้ "ยิ่งลักษณ์"เป็นหัวหน้า อ้าง"แม้ว"ต่อสาย "ยงยุทธ"ขอให้อดทน

"จตุพร"ซัด ครม."ชวน1"ควรติดคุกด้วยกันทั้งคณะ

ที่พรรคเพื่อไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และผู้ดำเนินรายการทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมดีทีวี กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลผลักดันการแจกเอกสารสิทธิส.ป.ก.4-01 ว่า ส.ป.ก.เป็นหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ซึ่งมีหน้าที่แจกส.ป.ก.4-01 ให้กับเกษตรกรผู้ยากไร้เป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อใครมาเป็นรัฐบาลก็ดำเนินการในเรื่องนี้ แต่ในกรณีรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี มีสิ่งที่พิเศษกว่าใคร เนื่องจากนำที่ดินไปแจกให้กับคนที่ไม่ใช่เกษตรกรที่ยากไร้ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยออกมาขอโทษประชาชนเลย และคนที่ได้รับที่ดินเมื่อคราวก่อนเป็นสามีของนางอัญชลี วานิชเทพบุตร เลขาธิการรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งหากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ใช้มาตราฐานเดียวกับรัฐบาลพรรคพลังประชาชน รัฐบาลของนายชวน ที่ในขณะนั้นมี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่ชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะด้วยนั้น ก็ควรที่จะติดคุกกันทั้งคณะด้วย

พท.แนะ"มาร์ค"เอ็กซ์เรย์สถานะที่ดินชายฝั่งอันดามัน


นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ดินในภาคใต้โดยเฉพาะฝั่งทะเลอันดามันที่มีราคาแพง มีปัญหาการครองสิทธิ์เป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการที่มีการศึกษาในสมัยรัฐบาลของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น พบว่าบริเวณพื้นที่ดังกล่าวมีปัญหาเรื่องการบุกรุกที่ดินเป็นจำนวนมากซึ่งผู้ที่บุกรุกล้วนแล้วแต่เป็นคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสิ้น ดังนั้นหนทางที่ดีที่สุดของรัฐบาลในเวลานี้นายอภิสิทธิ์ที่บอกว่าตัวเองเป็นคนมีมาตราฐานสูงนั้น ควรที่จะดำเนินการตรวจสอบสถานะที่ดินทั้งหมด ว่าเป็นอย่างไร พื้นที่ไหนถูกบุกรุกบ้าง เพื่อให้เกิดความชัดเจนก่อนที่จะดำเนินการ


“การที่นายรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าการแจกที่ดินส.ป.ก.4-01 ในรัฐบาลชุดนี้นั้นจะไม่ซ้ำรอยรัฐบาลของนายชวน ถือว่านายอภิสิทธิ์ ยอมรับว่ารัฐบาลของนายชวน มีความผิดในเรื่องส.ป.ก.4-01 จริง และวันนี้ประชาชนเริ่มตั้งข้อสงสัยท่วงท่านายกรัฐมนตรีว่าการแจกที่ดินจะทำไปอย่างเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องของตนหรือไม่”นายจตุพร กล่าว

เมื่อถามว่าจะมีการหยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งมีที่ดินหลายแปลงที่ผู้คนแวดล้อมพรรคประชาธิปัตย์ถือครองอยู่ โดยหลักฐานทั้งหมดจะเก็บไว้ตอนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ อย่างไรก็ตามการเดินหน้านโยบายนี้ของพรรคประชาธิปัตย์ มีนัยยะอื่นซ่อนอยู่เพื่อให้ประชาชนเกิดความไม่พอใจในตัวรัฐบาล ซึ่งสามารถทำให้เบี่ยงเบนประเด็นเรื่องที่มาของรัฐบาลได้


สับทบ. รังแกผู้หญิง ย้อน ปลด "บิ๊กป็อก"เหตุวิจารณ์รัฐบาลก่อน


นายจตุพร กล่าวถึงกรณีที่โฆษกกองทัพบก ระบุว่ากรณีที่ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต หรือ หมวดเจี๊ยบ นายทหารสังกัดสำนักงานเลขานุการกองทัพบก มีความผิดกรณีที่ร่วมร่วมจัดรายการทางสถานีโทรทัศน์ดีทีวีที่เป็นรายการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ว่า หากการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลมีความผิดจริง กองทัพบกจะต้องปลดพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบกเป็นคนแรก เพราะพล.อ.อนุพงษ์ ได้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลต่างกรรมต่างวาระ ดังนั้นกองทัพบกอย่าทำตัวเป็นแม่ปูกับลูกปู ที่แม่ปูแม่ปูไม่เคยเดินตรงเลยแต่กลับสอนให้ลูกปูเดินตรง เรื่องนี้จึงถือว่าว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง ตัวเองต้องทำให้ดีก่อนถึงจะมีน้ำหน้าไปเตือนคนอื่น รังแกได้แต่ทหารผู้หญิงชั้นผู้น้อย ทีผบ.ทบ.ทำผิดตนไม่ทราบว่าโฆษกกองทัพบกไปมุดหัวอยู่ที่ไหน

นายจตุพร กล่าวถึงกรณีที่ที่มีกระแสข่าวระบุว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการล่ารายชื่อเพื่อถอดถอนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ เพราะตนทราบข่าวว่าจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายที่จะถูกประหาร จากเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม2549 ส่วนมวลชนคนเสื้อแดงจะให้ความร่วมมือหรือไม่นั้น คนเสื้อแดงไม่เคยคาดหวังว่าจะมีการถอดถอนป.ป.ช.ได้ เพราะทุกกลไกที่จะนำไปสู่การถอดถอนนั้น ล้วนแล้วแต่อยู่ข้างเดียวกับป.ป.ช.ทั้งสิ้น


ปูด ครม.เล็งตั้งพธม.ทำงานในรัฐบาล 20 ม.ค.นี้


นายจตุพร กล่าวถึงการขับเคลื่อนของกลุ่มคนเสื้อแดง ว่า เท่าที่ทราบในวันที่ 20 มกราคมนี้ คณะรัฐมนตรีจะมีมติแต่งตั้งคนในกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้ทำหน้าที่ในรัฐบาลชุดนี้ เพราะเป็นเงื่อนไขต่างต่อรองร่วมกัน ซึ่งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ไม่กล้าที่จะขัดใจเพราะพวกพันธมิตรฯพร้อมที่จะพูดทุกอย่างถ้าไม่ได้ส่งที่ตนต้องการ ซึ่งตนเห็นว่าเรื่องนี้จะเป็นการเติมเชื้อห้คนมาชุมนุมกันมากขึ้น โดยคาดว่าจะมีการชุมนุมใหญ่ที่ท้องสนามหลวงภายในสิ้นเดือนนี้

เพื่อไทยย้ำ181ส.ส.ยังเหนียวแน่น หวังตั้งรบ.อีก

น.ส.สุนีย์ เหลืองวิจิตร เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ส.ส.ของพรรคทั้งหมด 181 คน ยังคงอยู่ทำกิจกรรมทางการเมืองด้วยกันอย่างเหนียวแน่น นอกจากนี้ได้ส่งบัญชีรายชื่อ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ไปยังนายทะเบียนพรรคการเมืองของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) แล้ว จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่ส.ส.เพื่อไทยจะย้ายพรรค เพราะหากย้ายพรรคก็เท่ากับต้องขาดคุณสมบัติของการเป็น ส.ส. คงไม่มี ส.ส.คนไหนคิดสั้นไปแต่ตัว ไม่เอาตำแหน่งไปด้วย


เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคยังคงเป็นพรรคการเมืองที่มีจำนวน ส.ส.อันดับ 1 ของสภาฯ จึงมีความเป็นไปได้ตลอดเวลาที่จะจัดตั้งรัฐบาล

ส.ส.ยันพท.เอกภาพ-พรรคไม่แตก


นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย (พท.) ปฏิเสธระหว่างการแถลง "เพื่อไทย วันอาทิตย์” เมื่อวันที่ 18 มกราคม ที่อาคารบีบีดี บิวดิ้ง ถนนพระราม 4 สำนักงานพรรค ไม่มีปัญหาความแตกแยกระหว่างแกนนำที่อยู่เบื้องหลังพรรค หลังจากปรากฏกระแสข่าวการงัดข้อกันระหว่างกลุ่มนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้คงแนวทางการปัจจุบัน กับกลุ่มนายยงยุทธ ติยะไพรัช ที่เรียกร้องให้ปรับโครงสร้างพรรคใหม่ โดยเปลี่ยนตัวนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรค และนางสุณีย์ เหลืองวิจิตร เลขาธิการพรรค พร้อมกับเลิกยึด พ.ต.ท.ทักษิณ


นายวิทยากล่าวว่า ไม่มีปัญหาความขัดแย้ง ขอยืนยันว่าในพรรคยังมีเอกภาพและองคาพยพที่พร้อมขับเคลื่อนทำงานในฐานะพรรคฝ่ายค้าน นอกจากนี้พรรคจะยังไม่มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างรวมถึงหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน เนื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่รับรองกรรมการบริหารพรรค โดยจะใช้โครงสร้างเดิมคืองานในสภาจะมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน รับผิดชอบงานในฐานะเทียบเท่าผู้นำฝ่ายค้านและตนทำหน้าที่ประธานวิปฝ่ายค้าน ส่วนนายยงยุทธรับผิดชอบงานในพรรค ที่วิจารณ์ว่าพรรคหาหัวหน้าพรรคไม่ได้นั้น ไม่ต้องเป็นห่วงถ้าไม่มีใครจริงๆ ก็พร้อมจะทำให้เอง ยืนยันว่าพรรคจะไม่แตกใน 2 เดือน จะแตกได้อย่างไรพรรคมีความมั่นคง และยังไม่ได้ทำอะไรเสียหายเลย


"บี้" เอาผิดปิดสนามบิน-ถอดยศ"มาร์ค"


นายวิทยากล่าวว่า พรรคจะติดตามเพื่อเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่และรัฐบาล เร่งเอาผิดกับคนที่ปิดสนามบิน ขณะนี้พรรคเพื่อไทยกำลังดำเนินการว่ามีเอกชนรายใดทำการฟ้องร้องบ้าง ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องแรกที่ฝ่ายค้านจะตรวจสอบรัฐบาลเป็นเรื่องแรก หากรัฐบาลที่นำโดยนายอภสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพิกเฉยก็จะเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่


นายกมล บันไดเพชร นายทะเบียนพรรคและฝ่ายกฎหมาย กล่าวว่า ในวันที่ 20 มกราคมเวลา จะเข้ายื่นหนังสือเรื่องต่อ พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหมผ่านไปยัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อเรียกร้องให้ถอดยศทหารของนายอภิสิทธิ์ โดยแนบบันทึกที่ลับ กห.0423/277 ลงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2542 เรื่องรายงานผลการสอบสวนกรณีนายอภิสิทธิ์ เข้ารับราชการที่โรงเรียนนายร้อย จปร. การดำเนินการเช่นนี้เนื่องจากเห็นว่านายอภิสิทธิ์ขาดคุณสมบัติเพราะไม่เข้ารับการตรวจเลือกเป็นทหารประจำการ แต่ต่อมาได้ทุจริตร่วมกับเจ้าหน้าที่สัสดี ออก ส.ด.9 ที่เป็นเท็จมาใช้เป็นหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่จนได้รับการบรรจุรับราชการ ต่อมาได้มีการตั้งกรรมการสอบสวนของกระทรวงกลาโหม ปรากฏสอบว่ามีความผิดและให้ดำเนินการถอดยศนายอภิสิทธิ์และเรียกคืนเบี้ยหวัด ซึ่งขณะนั้นติดยศ ร.ต.อภิสิทธิ์ แต่ปรากฏว่าจนถึงปัจจุบันไม่ได้ถอดยศและเรียกคืนเงินเดือนและเบี้ยหวัดคืนแต่อย่างใด


อ้างคืนเงิน-เบี้ยหวัดไม่มีอายุความ


"การที่บุคคลในกองทัพออกมาชี้แจงว่าเรื่องนี้จบไปแล้วเพราะเวลานานผ่านมานานกว่า 20 ปีนั้น ในกฎหมายถ้าเป็นคดีอาญาจะมีอายุความ 20 ปี แต่กรณีการคืนเงินและเบี้ยหวัดจากผู้ที่ไม่มีสิทธิ ไม่มีระยะเวลาของอายุความ เงินหลวงตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ ที่สำคัญกระทรวงกลาโหมต้องถอดยศนายอภิสิทธิ์ ส่วนการคืนเงินเชื่อว่าจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะจะเท่ากับยอมรับว่าทำความผิดจริง เรื่องดังกล่าวถ้ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและปลัดกระทรวงกลาโหมเพิกเฉยจะฟ้องร้องในความผิดมาตรา 157 ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่แน่นอน นอกจากนี้ผมยังมีหลักฐานสำคัญในกรณีดังกล่าวที่ไม่เคยมีใครเปิดเผยว่ามาก่อนด้วย โดยผมจะดำเนินการขอให้ถอดยศนายอภิสิทธิ์อย่างแน่อนอน" นายกมลกล่าว


พท.เหนืออยากได้ "ยิ่งลักษณ์" หน.


นายสุรสิทธิ์ เจียมวิจักษณ์ ส.ส.เชียงราย พท.กล่าวว่า ข่าวนายยงยุทธกับนางเยาวภานั้นไม่น่ามีอะไร เป็นการออกมาเขย่า ส.ส.ในพรรคเพื่อต้องการแย่งชิงพื้นที่ข่าวกับรัฐบาลเท่านั้น เพราะไม่ว่าจะเป็นคนของนายยงยุทธหรือนางเยาวภา แต่ทุกคนถือว่าอยู่ใต้เถ้าแก่คนเดียวกันอยู่แล้ว


นายสุรสิทธิ์กล่าวว่า การเรียกร้องที่ให้มีการปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคเพื่อเปิดทางให้มีการเลือกหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคที่เป็นงานการเมืองนั้น ต้องเข้าใจว่านายยงยุทธและน.ส.สุณีย์ เข้ามาขัดตาทัพระหว่างที่พรรคกำลังค้นหาเพชรแท้ที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคอยู่เท่านั้น โดยบุคคลที่มีการหยิบยกมาพูดถึงมากที่สุดในการดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคตัวจริงคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไรก็ตาม การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อาจจะยังไม่ใช่ขณะนี้เพราะเท่าที่ทราบมีความพยายามที่จะยุบ พท.และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคเป็นครั้งที่ 3 ดังนั้น พรรคจำเป็นที่จะต้องรักษาบุคคลสำคัญเอาไว้ไม่ให้ถูกเด็ดไปอีก


นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พท.กล่าวว่า หลังหัวก๊วนถูกยุติกิจกรรมทางการเมืองทำให้เอกภาพพรรคมีมากขึ้นกว่าเดิม เพราะ ส.ส.ได้มีเวทีการแสดงความคิดเห็นมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า จากเมื่อก่อนมีแต่พวกเจ้าจอมมารดา ที่มารวมตัวกันอยู่ข้างบนของพรรคแต่วันนี้บางคนไม่ได้มามีบทบาทที่พรรคแล้ว ทำให้ ส.ส.มีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นมากขึ้น


อ้างต่อสายให้ยึด "แม้ว" ศูนย์กลาง


นายศักดา นพสิทธิ์ คณะทำงานด้านยุทธศาสตร์ พท. ที่ใกล้ชิดกับนายยงยุทธ กล่าวว่า สิ่งที่ส.ส.สะท้อนความเห็นออกไปนั้นไม่ใช่ความขัดแย้ง แต่ต้องการให้ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การทำงานของพรรคให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่นายยงยุทธ และนางเยาวภา พูดคุยกันมาโดยตลอด ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่นายยงยุทธต้องการชิงการนำทางการเมืองแต่อย่างใด เพราะอย่างไรเสียนายยงยุทธ ไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้


อย่างไรก็ตาม นายยงยุทธมีความเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถเป็นศูนย์กลางทางความคิดของ ส.ส.ในพรรคได้ เนื่องจากสมาชิกทุกคนให้การยอมรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้น การที่ไม่ดึง พ.ต.ท.ทักษิณกลับเข้ามาให้คำปรึกษากับพรรคนั้นไม่เหมาะสม เพราะเวลานี้พรรคต้องการคำปรึกษาเพื่อให้พรรคเดินหน้าต่อไปได้ โดยรูปแบบการเป็นที่ปรึกษาของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นจะเป็นอย่างไม่เป็นทางการจะไม่ไม่เกิดปัญหาข้อกฎหมาย


อ้างแม้วต่อสายขอ "ยงยุทธ"อดทน


"เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานายยงยุทธ ได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ได้บอกกับนายยงยุทธ ว่า ตราบใดที่บ้านเมือง ยังแบ่งฝักแบ่งฝ่ายอยู่ท่านก็ไม่สามารถทิ้งบ้านเมืองไปได้ รวมไปถึงปัญหาเศรษฐกิจ ที่ขณะนี้การแก้ไขปัญหาของรัฐบาลยังไม่ชัดเจน เป็นการลอกนโยบายของท่านไป แต่เอาไปใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ทำให้ตัวท่านรับไม่ได้ ซึ่งเมื่อใช้ไม่ถูกหลักและเกิดปัญหาขึ้นก็จะมาโทษตัวท่าน นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังบอกด้วยว่าให้เราอดทน เพราะเป็นเรื่องปกติที่เวลานี้สมาชิกพรรคเพื่อไทยจะมีความหวั่นไหวบ้างว่าท่านทักษิณจะอยู่ต่อไปหรือไม่ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยืนยันกับนายยงยุทธว่ามีความตั้งใจที่จะกลับบ้าน เพราะต้องการให้บ้านเมืองดีขึ้น และมีบางสิ่งที่ต้องการชี้แจงกับประชาชน แต่จะเป็นเมื่อใดนั้นต้องอาศัยจังหวะโอกาสอีกครั้งหนึ่ง" นายศักดากล่าว


ปรับฮวงจุ้ยช้างหินวางหน้าพรรค


นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พท.กล่าวว่า ลำพังเรื่องภายนอกพรรคยังจะเอาตัวเองแทบไม่รอด ถ้าแตกแยกในภายในเพื่อไทยจะเหลืออะไร ดังนั้นจึงอยากให้คนในพรรคคิดถึงภารกิจที่จะต้องฟันฝ่าต่อไป ซึ่งการที่จะฟันฝ่าได้นั้นจะมีความ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีปรับฮวงจุ้ยบริเวณหน้าที่ทำการพรรค พท. อาคารบีบีดี บิวดิ้ง ถนนพระรามสี่ โดยนำช้างหินแกะสลักคู่ ขนาดความสูง 1 เมตร มาวางบริเวณประตูทางทางเข้า-ออกของพรรค เจ้าหน้าที่พรรคบอกว่าช้างเกาะสลักคู่นี้เคยวางที่ประตูทางเข้ามาก่อนสมัยอาคารนี้ยังเป็นศูนย์จำหน่ายสินค้าของ "ชินวัตรไหมไทย" หลังจากใช้เป็นที่ทำการพรรคเพื่อไทยได้ยกออกไปแล้วนำกลับมาวางอีกครั้งเมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา


มท.2ชี้รบ.แค่งัดข้อทางความคิด


นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยจากกลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าว กรณี ส.ส. พท.ประเมินว่าไม่เกิน 4 เดือน รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ จะยุบสภาเลือกตั้งใหม่โดยเนื่องจากขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลและกลุ่มเพื่อนเนวินเป็นตัวแปรสำคัญว่า กลุ่มเพื่อนเนวินเข้าร่วมรัฐบาลเพื่อแก้วิกฤต ดังนั้นการทำกิจกรรมทางการเมืองในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลต้องเป็นเพื่อประโยชน์ประเทศชาติและประชาชน แม้อาจขัดแย้งบ้าง ก็เป็นเรื่องทางความคิด แต่สุดท้ายมีเป้าหมายเดียวกันคือเพื่อประชาชนและจะเดินไปด้วยกัน คงไม่ถึงขั้นทำให้รัฐบาลเปลี่ยนแปลง


"อภิสิทธิ์" ย้ำทำงานหนัก-ซื่อสัตย์


ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านรายการ Žเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์Ž ว่า รัฐบาลเพิ่งทำงานได้ 11 วันหลังมีการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา แต่เป็น 11 วันที่ทุ่มเททำงานอย่างหนัก เพราะทราบดีว่าการทำงานในภาวะวิกฤตเป็นการทำงานที่ท้าทายมาก ต้องยอมรับว่าตลอดเวลา 1 ปีที่ผ่านมา บ้านเมืองแทบจะเดินไม่ได้เลย มีปัญหา มีความสับสนในทางการเมือง โดยเฉพาะช่วงปลายปี 2551 ที่ปัญหาต่างๆ ถั่งโถมเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง ทำให้เกิดความตึงเครียด ความกังวล จนประชาชนจำนวนมากรู้สึกว่าจะมีที่พึ่งที่หวังหรือไม่ ประเทศไทยจะเดินต่อได้หรือไม่ เมื่อสภาผู้แทนราษฎรมีมติเลือกดำรงตำแหน่งนายกฯ และได้ดำเนินการตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญ ทั้งเรื่องการจัดตั้งคณะรัฐบาล และการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา หลังจากนี้รัฐบาลต้องทำงานหนัก ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต


"ความตั้งใจของผมคือการทำให้บ้านเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ วันนี้ก็ดีใจที่สามารถมาพูดคุยกับประชาชนจากทำเนียบ ซึ่งเป็นที่ทำงานของนายกฯ ได้ตามปกติ แต่การปรับปรุงสภาพทำเนียบ จะมีการดำเนินการต่อไป ขณะเดียวกันจะเห็นได้ว่า 11 วันทำงาน รัฐบาลมีโอกาสทำเพื่อประชาชน และสามารถเดินหน้าประเทศไทยไปได้พอสมควร" นายกฯกล่าว


กุนซือกม.นายกฯร่วมถกนัดแรก


นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเฟ้นหาคณะที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของนายกรัฐมนตรี ว่า นายกรัฐมนตรี ได้ทาบทามนักกฎหมายเข้ามาเป็นที่ปรึกษาเพิ่มอีก 3 คน รวมมีทีมที่ปรึกษา 15 คน โดยคณะที่ปรึกษากฎหมายดังกล่าวจะเริ่มประชุมนัดแรกในเวลา 16.00 น. ของวันที่ 19 มกราคม ซึ่งจะมีการพิจารณากฎหมายหลายฉบับ ไม่ว่าจะเป็น การปรับปรุงพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคล พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุ โทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ร.บ. องค์กรปฏิรูปกฎหมาย ฯลฯ


"กลไกพิเศษ" ใกล้ได้ความชัดเจน


นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการตั้งกลไกพิเศษขึ้นมาสะสางคดีการเมือง ตามแนวคิดนายนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนี้เป็นแนวคิดของนายกฯว่าอยากให้มีคณะกรรมการ 3 ชุดขึ้นมาทำทำหน้าที่ศึกษาและนำเสนอความคิดเห็นต่อรัฐบาล ประกอบด้วย 1.คณะกรรมการปฏิรูปการเมือง 2.คณะกรรมการที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของนายกฯ และ 3.คณะกรรมการพิเศษเพื่อดูแลคดีความต่างๆ ซึ่งในส่วนของคณะกรรมการปฏิรูปการเมือง และคณะกรรมการที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของนายกฯ ได้ตัวบุคคลค่อนข้างชัดเจนแล้ว แต่ในส่วนของคณะกรรมการพิเศษเพื่อดูแลคดีความต่างๆ ยังอยู่ระหว่างการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหลายคน และในเวลา 08.30 น. ของวันที่ 19 มกราคม ที่ตัวแทนองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนจะเข้าพบนายกฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล คาดว่าจะหารือเรื่องนี้ และน่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น และน่าจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับรูปแบบในขั้นสุดท้ายในเร็วๆ นี้

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker