โดย ประสงค์ วิสุทธิ์
อุปสรรคสำคัญในการไต่สวนของกรณีการทุจริตสอบเข้าอบรมมหลักสูตรนายอำเภอ(นอ.)หรือโรงเรียน ปีงบประมาณ 2552 ซึ่งเป็นคำร้องที่ยื่นเพื่อถอดถอนนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกจากตำแหน่งคือ จะทำอย่างไรให้บรรดาปลัดอำเภอผู้เข้าอบรมหลักสูตรดังกล่าวจำนวน 142 คนซึ่ง ถูกแจ้งข้อกล่าวหาทั้งความผิดทางอาญาและวินัยร้ายแรงให้ความร่วมมือกับคณะ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ในการซัดทอดเพื่อให้ เชื่อมโยงถึง"ผู้มีอำนาจทางการเมืองในกระทรวงมหาดไทย"ว่า เป็นผู้บงการทำให้เกิดการทุจริตดังกล่าว
เพราะขณะนี้ปลัดอำเภอหลายคน นอกจากทุกข์แสนสาหัสกับความหวาดกลัวว่า อาจจะต้องถูกไล่ออกจากราชการและโดนดำเนินคดีอาญาแล้ว ยังต้องเป็นหนี้เป็นสินกับสหกรณ์ออมทรัพย์ของกรมการปกครองไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท เนื่องจากกู้เงินจำนวนดังกล่าวมาจ่ายเป็น"ค่าหัว"ให้"ผู้มีอำนาจ"เพื่อให้สามารถสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอได้ซึ่งคิดว่า เป็นหนทางก้าวหน้าในชีวิตราชการโดยขณะนั้น ไม่คิดว่า จะกลาย เป็นหนทางไปสู่ความหายนะ
การ ที่จะให้ปลัดอำเภอเหล่านี้ให้ความร่วมมือ นั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช.น่าจะต้องหาช่องทางในทางกฎหมายในการกันบุคคลเหล่านี้เป็นพยานหรือหา ช่องหรือลดโทษเพราะถึงอย่างไรบุคคลเหล่านี่ก็มิใช่ตัวการหลักในการกระทำความ ผิด
แต่เป็นนักการเมือง"ระดับปลัดอำเภอ"ที่ถูกหวยเกาะญาติพี่น้องขึ้นมามีอำนาจโดยร่วมมือกับคนระดับรองผู้ว่า-ผู้ว่าราชการจังหวัด 3 เกลอที่ยอมลดตัวเป็นลูกน้องด้วยการประจบสอพลอจนได้ดิบได้ดีได้รับแต่งตั้งเป็นพ่อเมืองและเป็นใหญ่ในกระทรวงกันถ้วนหน้า
มีข่าวว่า บุคคลกลุ่มนี้ร่วมกับ ส.ส.จังหวัดใหญ่ในภาคอีสานเดินสายออกเก็บเงิน"ค่าหัว"จากปลัดอำเภอคนละ 800,000 บาทและจัดทำรายชื่อปลัดอำเภอ 150 คนยัดใส่มือให้ผู้บริหารระดับสูงในกรมการปกครองจนเป็นที่มาของการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช.และบันทึกแจ้งข้อกล่าวหากับบุคคลที่เกี่ยวข้อง
ตาม บันทึกแจ้งข้อกล่าวหาของสำนักงาน ป.ป.ช.ได้ระบุพฤติการณ์ในการทุจริตโดยละเอียด มีการลำดับวัน เวลาไว้อย่างชัดเจน โดยแบ่งออกเป็น 2 ช่วง
ช่วงแรก ก่อนวันที่ 20 มีนาคม 2552 นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครองในขณะนั้นเชิญนายวุฒิชัย เสาวโกมุท ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ เข้าไปที่ห้องทำงานแจ้งว่า"ผู้มีอำนาจทางการเมืองในกระทรวงมหาดไทย"ได้สั่งการผ่านมาทางนายครรชิต สลับแสง เลขานุการกรมการปกครองว่า ในการสอบคัดเลือกโรงเรียนนายอำเภอครั้งนี้ ผู้มีอำนาจดังกล่าวมอบรายชื่อผู้เข้าสอบจำนวนประมาณ 150 คน มาให้และแจ้งว่า บุคคลเหล่านี้จะต้องสอบได้
หลังจากมีการจัดสอบ นายวุฒิชัยได้นำกระดาษคำตอบอัตนัยมาตรวจโดยนำรายชื่อที่ได้รับมาจากนายวงศ์ ศักดิ์ 150 คน มาช่วยเหลือให้คะแนนสูง ทั้งๆ ที่เขียนคำตอบได้ไม่ดีหรือเขียนจำนวนน้อยแผ่น
ช่วงที่ 2 ต่อมามีข่าวแพร่หลายว่า ผู้บริหารกรมการปกครอง เรียกรับเงินถึงรายละ 8 แสนบาทในหนังสือพิมพ์ และมีการเชิญทั้งนายวงศ์ศักดิ์ และนายวุฒิชัยไปชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติ มิชอบ สภาผู้แทนราษฎร มีการซักถามเรื่องกระดาษคำตอบ
บุคคลทั้ง สองเกรงว่า จะมีการตรวจสอบกระดาษคำตอบในรายที่ให้ความช่วยเหลือ จึงให้ตัวแทนนักเรียนนายอำเภอรุ่น 68 , 69 และ 70 ที่เข้าสอบคัดเลือกมาพบนายวงศ์ศักดิ์ และนายวุฒิชัย ที่ห้องทำงาน ในวันหยุดเสาร์หรืออาทิตย์ เพื่อนำกระดาษคำตอบเปล่าให้รายชื่อบุคคลที่ช่วยเหลือไปคัดลอกคำตอบใหม่ ตามตัวอย่าง 3-4ตัวอย่างที่เตรียมไว้ ตามที่ให้คะแนนได้สูงไว้ก่อนหน้านี้
ปรากฏ ว่า ทั้งนายวงศ์ศักดิ์ สัวสดิ์พาณิชย์และนายครรชิต สลับแสง ให้สัมภาษณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหา ขณะเดียวกันปลัดอำเภอหลายคนก็ยืนยีนว่า ทำข้อสอบด้วยตนเอง จึงต้องดูว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะมีพยานหลักฐานขนาดไหนในการพิสูจน์ความผิดตามข้อกล่าวหา
แน่ นอน หลักฐานที่เป็นกระดาษคำตอบที่เขียนคำตอบเหมือนกันหมดจำนวน 142 คน อาจเป็นพยานหลักฐานสำคัญอย่างหนึ่ง แต่ยังไม่สามารถเชื่อมโยงถึง"จอมบงการ"ที่เป็น"ผู้มีอำนาจในกระทรวง มหาดไทย"ได้
ถ้าคนมหาดไทยยังปิดปากเงียบ อย่างไร้ศักดิ์ศรี ยอมตายแทนนักการเมือง ก็เท่ากับล่อยให้คนชั่วลอยนวลเพื่อก่อกรรมทำเข็ญต่อไป