บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คำเตือนคนกรุงเทพฯจากผู้ประสบภัยน้ำท่วมหมู่บ้านชลลดา บางบัวทอง:ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา

ที่มา Thai E-News

Before
After
ขอ ย้ำเตือนทุกท่านที่แถวบ้านท่านน้ำยังแห้งดี ยังไม่เห็นแม้เงาของน้ำ อย่าชะล่าใจ คนมักจะคิดว่าจะอยู่เฝ้าบ้านชั้นสอง ถ้าน้ำท่วมชั้นหนึ่ง ขอเตือนเลยว่า เมื่อน้ำท่วมแล้ว น่ากลัวยิ่งกว่าอะไร โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ทุกอย่างถูกปกคลุมด้วยน้ำเวิ้งว้างกว้างไกลสุดตา ทุกอย่างอยู่ใต้มวลน้ำขนาดมหึมา ทางการไฟฟ้าจะตัดไฟ ทีวีก็ไม่มีดู จะรู้ข่าวภายนอกจากโทรศัพท์ทางเดียว ถ้าแบตเตอรี่หมดจะทำอย่างไร?

ท่านอาจจะได้เพียงเสื้อผ้าชุดเดียวที่ท่านใส่อยู่พร้อมกับชีวิตของท่าน ของอย่างอื่นจะไม่สามารถเอาออกมาได้แน่นอน ไม่เชื่อก็ลองท้าทายกับมหานทีครั้งนี้ดู

โดย วันทนีย์
25 ตุลาคม 2554
เปิดแผนที่ระยะเวลาน้ำท่วมแต่ละเขตกทม.(ที่มา:หนังสือพิมพ์ M2F)

จากใจผู้เขียน:อยากเล่าเรื่องวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ครั้ง ประวัติศาสตร์ของประเทศที่ต้องประสบพบกับตัวเอง ให้เป็นบทเรียนแก่ผู้ที่น้ำยังไหลไปไม่ถึง จะได้เตรียมตัวรับมือได้ทัน จึงเขียนมาให้อ่านในอีกมิติหนึ่ง

หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมไม่มากก็น้อย


ตอนที่ 1 : 16 ปีที่ไม่เหมือนเดิม

ครอบครัวเราเป็นครอบครัวหนึ่งที่ประสบภัยน้ำท่วมร่วมกับชาวบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี เมื่อตอนเช้ามืดของวันพุธที่ 19 ตุลาคม 2554 จนถึงวันนี้ 22 ตุลาคม

ที่หาเวลามานั่งเขียนเพื่อบอกเล่าให้เตรียมการก่อนที่น้ำจะมา ด้วยความปรารถนาที่จะแชร์ประสบการณ์ตรงกับท่านทั้งหลาย

น้ำท่วมครั้งนี้ไม่เหมือนกับน้ำท่วมใหญ่ปี 2538 อย่างสิ้นเชิง

เมื่อปี 2538 เป็นครั้งแรกที่หมู่บ้านชลลดาของเราโดนน้ำท่วมใหญ่ทั้งหมู่บ้านจมน้ำอยู่ เป็นเดือน แต่น้ำไม่เข้าในตัวบ้าน ส่วนใหญ่จะกั้นบ้านที่ประตูรั้วด้วยการก่ออิฐบล็อกเท่ากับความสูงของประตู รั้ว เตรียมอุดท่อน้ำทิ้ง เมื่อน้ำเข้ามาในรั้วก็จะสูบออกด้วยไดโว่ออกนอกบ้าน ก็สามารถอยู่ในตัวบ้านได้ไม่ลำบากมากนัก

ถึงแม้น้ำจะท่วมขังอยู่เป็นเดือนก็ตาม สามารถออกมาเดินตรงถนนหน้าบ้านได้ น้ำจะสูงแค่เข่าหรือเอวของขนาดคน ทางราชการส่งรถบรรทุกขนาดใหญ่มาช่วยวิ่งรับส่งคนหรือนำอาหารมาส่งให้กับชาว ชลลดาที่อยู่เฝ้าบ้าน และคนที่กลับไปดูบ้าน

ในสมัยนั้น สภาพถนนหนทางและบ้านเมืองไม่เหมือนปัจจุบัน ถนนกาญจนาภิเษกกำลังก่อสร้างยังไม่เสร็จสมบูรณ์ รถไฟฟ้ายังไม่มี หมู่บ้านจัดสรรยังไม่เกิดเป็นดอกเห็ดแบบสมัยนี้ ทำให้บริเวณนี้เป็นที่ว่าง เป็นท้องทุ่งเหมาะกับการรับน้ำจากเขื่อนเมื่อน้ำล้นเขื่อน

และเช่นเคยไม่มีการบอกกล่าวจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กพฝ. หรือกรมชลประทานที่บริหารจัดการน้ำ ปล่อยน้ำมาโครมเดียวน้ำมาถึงหมู่บ้านและท่วมขัง แต่ไม่มีการกันเป็นชั้น ๆ แบบยุคนี้ที่ได้รับบทเรียนมา 16 ปี

ไม่มีใครอยากให้น้ำท่วมท้องถิ่นตัวเองจึงทำเขื่อนกั้นน้ำเป็นชั้น ๆ มาตั้งแต่ทางเหนือตั้งแต่ นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สระบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี ฉะเซิงเทราและจ่อคิวกรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ ฯ

สิ่งที่จะบอกให้รู้ก็คือ ที่หมู่บ้านชลลดาใช้ประสบการณ์ของปี 2538 มารับมือน้ำของปี 2554 ซึ่งขอบอกเลยว่ าเอามาใช้กันไม่ได้เลย

สิ่งที่กรรมการหมู่บ้านและลูกบ้านชลลดาเตรียมรับมือกับน้ำปีนี้เสียเปล่าโดยสิ้นเชิง (ที่เขียนมานี้ไม่ได้ตำหนิผู้ใด และสิ่งที่กรรมการทำนั้นเป็นสิ่งประเสริฐ เสียสละเพื่อลูกบ้านพยายามกั้นน้ำอย่างเต็มที่แล้ว ผู้เขียนต้องขอชื่นชมมา ณ ที่นี้ด้วย) เพราะถ้าน้ำมาโครมเดียวโดยไม่กั้นเขื่อนต้านน้ำ ระดับน้ำจะไม่สูงมากขนาดนี้ จะเหมือนปี 2538 ที่น้ำไม่สูง แรงดันน้ำไม่มาก ยังอยู่กันในหมู่บ้านได้

แต่ปีนี้กั้นเขื่อนขนาดใหญ่จากต้นทางยันปลายทาง อานุภาพของน้ำรุนแรงขนาดน้อง ๆ สึนามิ ไม่ว่าจะป้องกันอย่างไรก็ถูตีแตกทุกที่ จนจ่อคอหอยกรุงเทพฯ ในขณะนี้ เพราะน้ำมันมาก และจะมาทุกทิศทุกทาง แรง และเร็ว แถมพุดเข้าตัวบ้านอย่างกับน้ำพุขึ้นอยู่กับบ้านท่าน

มีรอยรั่วแม้เพียงเล็กน้อยน้ำก็เข้าบ้านได้ จุดที่อุดไว้น้ำไม่เข้า มันเลือกเข้าทางจุดอ่อนของบ้านท่าน…………..น้ำมันน่ากลัวไหมล่ะ!!!!!!!!!

ตอนที่ 2 : ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา

ตอนที่เราดูข่าวการอพยพของพี่น้องที่ถูกน้ำท่วมต่างจังหวัด เราอาจคิดในใจว่าคงมาไม่ถึงบ้านเรา น้ำก็ยังแห้งดี คงไม่มีอะไรน่ะ

สู้อุตส่าห์ป้องกันไว้แล้ว กั้นอิฐบล็อกหน้าบ้านแล้ว ไดโว่ก็ซื้อเตรียมไว้แล้ว ทรายก็ซื้อมาไว้อุดท่อน้ำทิ้งเพื่อไม่ให้น้ำเข้าแล้ว ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว........ คงเอาอยู่น่ะ!!!!! ไม่น่าจะมีอะไรมาก อย่างมากก็คงท่วมอยู่แค่ถนนนอกบ้าน ไม่เข้าตัวบ้านแน่นอน.........................เพราะมีมโนภาพของปี 2538

แต่หารู้มั้ยว่า ในปี 2554 คนที่คิดเช่นนี้ ล้วนมีชะตากรรมเหมือนกันคือ เวลาน้ำมาแล้ว จะตกใจทุกคน เพราะน้ำมันจะขึ้นเร็วมาก และมาทุกทิศทุกทาง พอคิดจะย้ายของ ก็ย้ายของไม่ทันทุกราย บางรายหนีตายมาได้แค่เสื้อผ้าชุดเดียวที่ติดตัวมาเท่านั้น!!!!!!!!!

ขอย้ำเตือนทุกท่านที่แถวบ้านท่านน้ำยังแห้งดี ยังไม่เห็นแม้เงาของน้ำ มั่นใจความสูงของตัวบ้าน หรือพวกที่น้ำท่วมใกล้ ๆ บ้านแล้ว แต่ยังไม่ท่วมบ้านตัวเอง ท่านก็อย่าชะล่าใจ อย่าประมาทเป็นอันขาด

สิ่งที่ท่านต้องทำตอนนี้เลย ไม่ว่าจะอยู่ในบริเวณที่มีความเสี่ยงหรือไม่ก็ตาม ท่านต้องเตรียมตัวดังต่อไปนี้

1. รีบวางแผนเก็บข้าวของขึ้นชั้นสองทันที บางคนก็หาผ้าพลาสติกอย่างหนามาห่อหุ้มเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นใหญ่ที่ยกขึ้นที่ สูงไมไหว ค่อย ๆ เก็บไปวันละนิดวันละหน่อย พอน้ำมาข้าวของท่านจะได้ไม่เสียหายมากเกินไป

2. ของมีค่า เอกสารสำคัญเก็บไว้ด้วยกัน รีบจัดเสียแต่ตอนนี้ จะได้ไม่มาเสียใจภายหลัง

3. แพ็คเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ที่เราใช้อยู่ในชีวิตประจำวันทุกอย่าง... เน้นทุกอย่างไว้อีกชุดหนึ่ง เพื่อพร้อมอพยพทันทีเมื่อน้ำมา แต่ถ้าให้ดีทิ้งไว้ท้ายรถหรือฝากไว้บ้านญาติก่อนที่น้ำจะมา จะดีที่สุด

เพราะอะไรหรือ? ถ้าทุกท่านดูข่าวน้ำท่วมจะเห็นผู้ที่อพยพหนีตายออกมาทุกที่จะเอาอะไรออกมาไม่ได้มาก หรือไม่ได้เลย ได้แต่ตัวมาจริง ๆ

เพราะเมื่อถึงตอนนั้น รถก็วิ่งไม่ได้ ต้องเดินอย่างเดียวเป็นระยะทางไกล ๆ จะขนอะไรไม่ได้เลย ขอเตือน อย่ารอให้น้ำมาแล้วค่อยมายกของหนีเป็นอันขาด ท่านจะไม่ได้อะไรเลย

4. เรื่องต่อมาก็คือ คนมักจะคิดว่าจะอยู่เฝ้าบ้านชั้นสอง ถ้าน้ำท่วมชั้นหนึ่ง ขอเตือนเลยว่า ถ้าหมู่บ้านท่านเป็นหมู่บ้านใหญ่ เหมือนหมู่บ้านชลลดา

เมื่อน้ำท่วมทั้งหมู่บ้านแล้ว น่ากลัวยิ่งกว่าอะไร โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ทุกอย่างถูกปกคลุมด้วยน้ำเวิ้งว้างกว้างไกลสุดตา บังเกอร์หรือคันกั้นน้ำไม่ว่าจะสูง-ต่ำ แค่ไหนก็จมอยู่ใต้น้ำหมดสิ้น หน้าหมู่บ้านทำคันทราย คันหินกรวดสูง 2-3 เมตรก็ยังเอาไม่อยู่ ทุกอย่างอยู่ใต้มวลน้ำขนาดมหึมา คิดดูก็แล้วกัน??????

ทางการไฟฟ้าจะตัดไฟ เพราะมีคนเสียชีวิตเพราะถูกไฟดูดจำนวนมากตามข่าวที่เราได้รับทราบกัน (ได้รับข่าวจากเพื่อนที่ส่งมาทาง FB มีพลทหารที่ไปช่วยน้ำท่วมเสียชีวิต หาข่าวนั้นไม่เจอแล้ว จะได้สดุดีความดีโดยระบุชื่อพลทหารท่านนั้นที่เสียชีวิตในหน้าที่ ในขณะที่ช่วยขนย้ายประชาชนที่ลพบุรี)

เมื่อไม่มีไฟฟ้าใช้ เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดก็ใช้งานไม่ได้ ยุงก็ชุม มืดก็มืด น้ำก็ไหลมาไม่หยุดเสียงดังและแรงอย่างน้ำตก คนที่ไม่เข้มแข็งจริง ๆ จะอยู่ได้อย่างไร?????

ทีวีก็ไม่มีดู จะรู้ข่าวภายนอกจากโทรศัพท์ทางเดียว ถ้าแบตเตอรี่หมดจะทำอย่างไร?????

และสุดท้ายจะอยู่ได้กี่วัน ถ้าเสบียงอาหาร-น้ำดื่มที่เตรียมไว้หมด จะหาได้จากไหน ยิ่งถ้าไม่มีเรือก็จะเดินทางเข้า-ออกได้อย่างไร เพราะรถใหญ่แค่ไหนก็ผ่านไม่ได้ ต้องเรืออย่างเดียว ฯลฯ

นี่เป็นสิ่งที่ท่านต้องคิดให้ละเอียด คิดให้ดี เพราะตอนแรกเตรียมการไว้อย่าง พอน้ำมา ต้องเปลี่ยนแผนแทบไม่ทัน และเอาอะไรออกมาไม่ได้เลย ต้องมาหาซื้อข้าวของเครื่องใช่ใหม่อีก

ดังคำกล่าวที่ว่า “ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา”

ตอนนี้ข้าพเจ้าเข้าใจซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่งกับบทเรียนครั้งนี้ จึงขอให้เป็นอุทาหรณ์สอนใจท่านทั้งหลาย


ปล. ตอนใกล้สองยามวันก่อน ดูข่าว TPBS ที่สัมภาษณ์หัวหน้าชุมชนที่ทาง ศปส.และกทม. ประกาศให้ขนย้ายข้าวของ ผู้สูงอายุและเด็กเล็กให้ไปอยู่ศูนย์อพยพภายใน 3 วันก่อนที่น้ำจะมา แต่ผ่านมาหนึ่งวัน มีคนย้ายออกไปเพียง 2 ครอบครัว ทั้ง ๆ ที่มาลงชื่อเป็นร้อย หัวหน้าชุมชนหมดหนทางที่จะชักจูงลูกบ้านให้ออกซึ่งตรงกับเนื้อหาตอนที่ 2 ที่ต้องการบอกคนที่น้ำยังไม่มาว่า

"ได้โปรดกรุณาทำตามที่ทางราชการบอกเถิด ถ้าท่านรีบวางแผนเก็บข้าวของและย้ายออกทันทีตอนนี้ ท่านจะรอดปลอดภัย และสามารถรักษาทรัพย์สินส่วนใหญ่ของท่านที่ท่านรักและหวงแหน เพราะกว่าที่ท่านจะได้มาด้วยหยาดเหงื่อแรงงานของท่าน อันนี้เราเข้าใจ

แต่ถ้าท่านดื้อแพ่ง เพราะคิดว่ายังไม่เห็นเงาของน้ำเลย ทำไมต้องย้าย สู้อยู่บ้านดีกว่า น้ำมาแล้วค่อยหนีื ถึงเวลานั้นจะไม่ใครช่วยท่านได้ ท่านต้องหาทางเอาตัวรอดด้วยตัวท่านเองแบบทุลักทุเลเหมือนที่ชาวชลลดา บางบัวทองประสบมา

ถึงตอนนนั้น ท่านอาจจะได้เพียงเสื้อผ้าชุดเดียวที่ท่านใส่อยู่พร้อมกับชีวิตของท่าน ของอย่างอื่นจะไม่สามารถเอาออกมาได้แน่นอน ไม่เชื่อก็ลองท้าทายกับมหานทีครั้งนี้ดู แล้วอย่ามาเสียใจภายหลังหาว่า หล่อไม่เตือนนะ จะบอกให้

ดั่งคำพังเพยที่ว่า "ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา" ตรงกับเหตุการณ์นี้จริง ๆ

*********
เรื่องเกี่ยวเนื่อง:โปสเตอร์คู่มือการเตรียมตัวเพื่อเป็นผู้ประสบภัยที่ดี

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker