ภาพถ่ายตัดสิน-ศาล ชั้นต้นพิจารณาจากภาพว่าจำเลยช่วยกันขนยางเข้าไปในศาลากลางจริง จึงเชื่อได้ว่า มีการวางแผนและแบ่งหน้าที่กันทำ ส่วนฝ่ายจำเลยต่อสู้ว่า ในวันดังกล่าวมีการเจรจาให้ขนยางเข้าไปเพื่อกดดันรัฐบาลในขณะนั้นให้หยุดฆ่า ประชาชนที่ชุมนุมประท้วงในกรุงเทพฯ ซึ่งตำรวจก็มิได้ห้ามปราม(ดังภาพประกอบ) รวมทั้งจำเลยให้การว่า มีการห้ามปรามกัน และบางคนก็มีการขนยางออกด้วยซ้ำ
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
27 ตุลาคม 2554
นายอานนท์ นำภา หัวหน้าสำนักกฎหมายราษฎรประสงค์ ทนายความคนเสื้อแดงจังหวัดมุกดาหาร ถูกกล่าวหาเผาศาลากลางจังหวัดในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ที่ผ่านมา รายงานว่า ในวันนี้ ผลคำพิพากษาคดีของศาลชั้นต้นได้ตัดสินยกฟ้อง 16 คน และลงโทษจำคุก 13 คน คนละ 20 ปี ในข้อหาเผาศาลากลาง
จำเลยทุกคนกำลังใจดีมาก คนที่ศาลยกฟ้องก็ไม่ยอมกลับบ้าน รอให้กำลังใจเพื่อนๆ สำหรับการฟังผลการยื่นประกันตัวที่ประทับใจมากๆ วันนี้คือ ทุกคนต่อสู้คดีอย่างสมศักดิ์ศรี
ผมยอมรับว่าวันนี้กลัวจำเลยหลบหนีด้วยซ้ำ เพราะโทษสูง แต่เป็นฝ่ายจำเลยเองที่โทรมาปลุกทนายความตั้งแต่หัวรุ่ง ในส่วนของคดีคงต้องสู้กันต่อไปในชั้นอุทธรณ์
เบื้องต้นศาลชั้นต้นพิจารณาจากภาพว่าจำเลยช่วยกันขนยางเข้าไปจริง จึงเชื่อได้ว่า มีการวางแผนและแบ่งหน้าที่กันทำ ส่วนฝ่ายจำเลยต่อสู้ว่า ในวันดังกล่าวมีการเจรจาให้ขนยางเข้าไปเพื่อกดดันรัฐบาลในขณะนั้นให้หยุดฆ่า ประชาชนที่ชุมนุมประท้วงในกรุงเทพฯ ซึ่งตำรวจก็มิได้ห้ามปราม(ดังภาพประกอบด้านบน) รวมทั้งจำเลยให้การว่า มีการห้ามปรามกัน และบางคนก็มีการขนยางออกด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม คดีความคงต้องว่ากันไปตามระบบ และทุกคนยังรอประกันตัวอยู่
วันนี้แทนที่จะเห็นน้ำตาของคนที่ถูกลงโทษกลับเป็นน้ำตาของคนที่ รอดแล้วเข้าไปโอบกอดเพื่อนๆ ... ให้กำลังใจกัน ขอบคุณทีมทนายทุกท่านทั้งจากส่วนกลางและพี่ๆทนายในจังหวัดมุกดาหาร ขอบคุณ ส.ส.เพื่อไทย ที่ใช้ตำแหน่งยื่นประกันจำเลย ขอบคุณเสื้อแดงที่ทำให้เราได้รับรู้ เป็นพี่น้อง และร่วมต่อสู้บนถนนสายนี้ "ถนนสายที่มุ่งสู่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง" !จำเลย13ราย ที่ถูกตัดสินจำคุกคนละ20ปีรอฟังคำสั่งประกันตัวอยู่ กลัวแต่ศาลชั้นต้นจะโยนให้ศาลอุทธรณ์สั่ง เพราะเท่ากับว่าจำเลยต้องติดไปอีก3-4 วัน เฮ้อ...สรุปก็ตามคาดครับ(ภาพและคำบรรยาย:อานนท์ นำภา)
ใน ที่สุดก็ไม่ให้ประกัน รอศาลอุทธรณ์สั่ง ส่งจำเลยทั้ง 13 เข้าเรือนจำ เห็นภาพนี้แล้วอยากเผาเสื้อครุยทิ้ง ผมขอโทษที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้มากกว่านี้(ภาพและคำบรรยาย:อานนท์ นำภา)
นาย ไมตรี พันคูณ จำเลยคดีเผาศาลากลางอีกคนที่ถูกพิพากษาจำคุก 20 ปี เขาเป็นเสื้อแดงขนานแท้เลยทีเดียว ไมตรีเดินทางเข้าร่วมการชุมนุมกับเสื้อแดงและผ่านเหตุการณ์ 10 เมษา 53 มาพร้อมกับบาดแผล ไมตรีเล่าให้ฟังว่า วันดังกล่าวเขาเป็นแนวหน้าที่วิ่งเข้าผลักดันทหาร และเป็นคนที่ใช้ถังน้ำวิ่งเก็บกระป๋องแก๊สน้ำตาที่โปรยลงมาจากฮ. (พูดพลางโชว์รอยแผลที่ผ่านการไหม้ของแก๊สน้ำตา)
"มันโยนมาเราก็เอาจุ่มน้ำ เราต้องดูแลพี่น้องเรา ผมไม่เคยกลัว 555"
ไมตรีเล่าประสบการณ์ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่จริงจังในเนื้อหา เขาเดินทางกลับจากกรุงเทพฯช่วงกลางเดือนพฤษภา 53 ในวันเกิดเหตุเขาไปร่วมชุมนุมที่ศาลากลาง แต่ยืนยันว่าไม่ได้เข้าไปข้างใน เขาถูกจับกุมบริเวณสี่แยกไฟแดงด้านนอกศาลากลาง และโดนทำร้ายร่างกายจากตำรวจตชด.
เขาถูกบังคับให้ลงชื่อในเอกสารที่มีภาพชายปิดหน้าว่าเป็นเขา ศาลเห็นว่า "การที่จำเลยเบิกความว่า ถูกบังคับให้ลงชื่อนั้น เป็นเพียงการให้การเพียงลอยๆ ไม่มีน้ำหนัก และที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เห็น และวิ่งตามจับคนร้ายภายหลังจากก่อเหตุและเบิกความว่าได้วิ่งไล่จับชายพรางใบ หน้าที่แต่งกายด้วยเสื้อแขนยาวสีดำและสวมทับด้วยเสื้อสีแดง จึงน่าเชื่อถือ เพราะไม่มีเหตุโกรธเคืองที่จะปรักปรำจำเลย และแม้จะจับจำเลยมาได้ปรากฏตามภาพถ่ายที่เปิดหน้าจะปรากฏว่าจำเลยใส่เสื้อ ยืดสีขาว ก็อาจเป็นไปได้ว่าจำเลยได้เปลี่ยนเสื้อเพื่อมิให้มีการจดจำได้ จึงเชื่อว่าจำเลยกระทำความผิดจริง..."
ก่อนออกจากศาลไปเรือนจำ ไมตรีพูดเพียงข้อความสั้นๆ "ผมจะสู้คดีต่อ ผมไม่ผิด" (ภาพและคำบรรยาย:อานนท์ นำภา)
คุณ แม่ของสมัคร ลิลุนา จำเลยคดีเผาศาลากลาง จ.มุกดาหาร รอลูกชายโดยหวังว่าจะได้ประกันในวันนี้ แต่ศาลชั้นต้นไม่สั่ง แต่ส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์สั่งแทน ทำให้ต้องรอไปอีกอย่างน้อย 1 วัน นายสมัคร เข้ามอบตัวกับตำรวจ และปฏิเสธมาโดยตลอด สำหรับพยานหลักฐานของเขากับโทษ 20 ปี ศาลกล่าวว่า "แม้ไม่มีภาพถ่ายของจำเลย แต่จำเลยรับว่าเป็นคนขับสามล้อ และรับจ้างเอายางมาส่ง แม้จะออกจากศาลากลางไปแล้ว แต่เชื่อว่า บุคคลทั่วไปย่อมทราบ และหลีกเลี่ยงที่จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ จึงเชื่อได้ว่าจำเลยได้ร่วมกับพวกเผาศาลากลาง..."(ภาพแและคำบรรยาย:อานนท์ นำภา)
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.เพื่อไทยและแกนนำนปช.กล่าวว่า วันนี้ตัดสินคดีพี่น้องเราที่มุกดาหาร ยกฟ้อง16คนจำคุก20ปี13คน ส.ส.พรรคเพื่อไทยกำลังทำเรื่องใช้ตำแหน่งขอประกันตัวมาสู้ชั้นอุทธรณ์ พี่นิสิต สินธุไพร เป็นตัวแทนพวกเราไปร่วมดูแลกันที่นั่น ส.ส.เจ้าบ้านทั้งคุณอนุรักษ์ คุณบุญฐินก็ช่วยกันเต็มที่ เป็นกำลังใจให้พี่น้องเราด้วยนะครับ ผมกำลังพยายามประสานงานทุกทางเรื่องประกันตัว
โดยขณะนี้ส.ส.เพื่อไทย7คนร่วมยื่นคำร้องขอประกันตัวพี่น้องเราที่มุกดาหาร เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ผมทำได้และต้องทำก็ทำทั้งหมดแล้ว รอผลการพิจารณาของศาลด้วยกันนะครับ คิวต่อไปจะยื่นในกรุงเทพฯและปริมณฑลอีกทีครับ
นิสิต สินธุไพร แกนนำนปช.ที่เป็นผู้ไปดูแลการประสานงานประกันตัวจำเลยที่ถูกตัดสินจำคุก 13 ราย
สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ รายงานว่า ศาลจังหวัดมุกดาหาร อ่านคำพิพากษาตัดสินคดีเสื้อแดง จำคุก13 ยกฟ้อง16 คดีเผาศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ นางวรพรรณ รักความสุข ผู้พิพากษาศาลจังหวัดมุกดาหาร ได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา ที่พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองมุกดาหาร ยื่นฟ้องสมาชิกกลุ่มเสื้อแดง จังหวัดมุกดาหาร ฐานความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการ ร่วมกันทำลายทรัพย์สิน และวางเพลิงเผาอาคารศาลากลางเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ซึ่งมีผู้ถูกส่งฟ้องรวมทั้งสิ้น 29 คน
โดยศาลใช้เวลาอ่านรายละเอียดการเบิกคำให้การของพยานแวดล้อมที่อยู่ใน เหตุการณ์ โดยพิจารณาจากภาพถ่ายทำให้ศาลเชื่อว่าจำเลยช่วยกันขนยางเข้าไปและมีการวาง แผนและแบ่งหน้าที่กัน ก่อนมีคำพิพากษาตัดสินลงโทษและยกคำฟ้องจำเลย ซึ่งใช้เวลาอ่านคำตัดสินประมาณ 2 ชั่วโมง โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมารักษาความสงบเรียบร้อยกว่า 500 นาย พร้อมชุดตรวจหาวัตถุระเบิดจาก ตชด.23 มาดูแลอย่างเข้มงวด
ศาลจังหวัดมุกดาหาร พิพากษา ให้จำคุก 20 ปี 13 ราย ในข้อหาความผิดบุกรุกสถานที่ราชการ ร่วมกันทำลายทรัพย์สิน และวางเพลิงเผาอาคารศาลากลางจังหวัด ส่วนอีก 16 ราย ศาลมี คำพิพากษาให้ยกฟ้อง เนื่องจากไม่มีหลักฐานอื่นที่แสดงว่าโจทก์ ได้ร่วมกระทำความผิดอื่นตามฟ้อง
หลังศาลอ่านคำพิพากษา เจ้าหน้าที่เรือนจำได้นำตัวผู้ต้องหาลงจากบัลลังก์ เพื่อนำกลับเข้าไปควบคุมไว้ที่เรือนจำจังหวัดมุกดาหาร ส่วนผู้ที่ถูกยกฟ้อง เมื่อออกมาจากห้องพิจารณาคดีต่างร้องไห้และสวมกอดกับครอบครัวที่มาให้กำลัง ใจ
ขณะที่นายนิสิต สินธุไพร แกนนำกลุ่มนปช. ที่เดินทางมาให้กำลังใจกลุ่มเสื้อแดงมุกดาหารกล่าวว่า จะยื่นขอประกันตัวทั้ง 13 คน โดยใช้เอกสิทธิ์ ส.ส. 7 คน เงินประกันคนละ 600,000 บาทเพื่อยื่นขอประกันทั้ง13 คนโดยเร็ว และขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้ที่ถูกตัดสินจำคุกด้วย ทั้งนี้ จะหาแนวทางดูแลให้ดีที่สุด
สำหรับผู้ต้องขังที่โดนพิพากษาจำคุก 20 ปี ทั้ง13คนได้แก่ นายดวง คนยืน นายทวีศักดิ์ แข็งแรง นายณัฐวุฒิ พิกุลศรี นายไมตรี พันธ์คูน นายวิชัย อุสุพันธ์ นายวิชิต อินตะ นายพนม กันนอก นายวินัย ปิ่นศิลปชัย นายนพชัย พิกุลศรี นายสมัคร รุนลิลา นายแก่น หนองพุดสา นายทินวัฒน์ เมืองโคตร และนายประคอง ทองน้อย