บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ขอพูดอะไรแรงๆสักครั้งในชีวิตค่ะ...แตหลอ!

ที่มา Thai E-News

ไม่ จริงหรอกที่ว่าหนูดีจบด้านสมองจากฮาร์วาร์ดมาเพียงคนเดียวของประเทศ อย่างน้อยก็มีิอีกราย รายนี้เป็นคนไทยแท้ๆเรียนหมอจุฬาฯ แล้วมารู้ใจตัวเองว่าชอบเป็นครูมากกว่า เลยไปเรียนโทด้านสมองที่ฮาวาร์ด บ้านอยู่ปทุมฯแต่ก็ไม่เคยออกมาโวยวายเลยว่า "ขอพูดอะไรแรงๆสักครั้งในชีวิต พูดแล้วจะร้องไห้..." แต่เธอพูดว่า"คนอเมริกันไม่ค่อยสนใจน้ำท่วมในประเทศไทย คนไทยเราก็ต้องช่วยเหลือกันเอง ถ้าเราไม่รักกัน ใครจะมารักเรา"

โดย prewden

จากประเด็นฮ็อตเรื่องทวิตเตอร์ของหนูดี ที่มีวาทะเด็ดเรื่องผู้นำโง่ จนโดนด่ายับเยิน ต้องมาแก้ตัวตามทีหลัง แถมยังแถประจบเอาใจเชียร์นายกฯผู้หญิงอีกต่างหาก

ภาษาชาวบ้านเรียก "แตหลอ"

จึงขอย้อนอดีตความ "แตหลอ" อีกประเด็น ดูง่ายๆ ประวัติหนูดี-วริษา เรซ จะพบว่าพยายามเอาสถาบันการศึกษาที่เรียนจบมาใช้หากิน อวดอ้างตัวเองว่าเป็นผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านสมองเพียงคนเดียวใน ประเทศไทย

จะบอกว่ากูฉลาดคนเดียว เรียนที่นี่คนเดียวได้ว่างั้นเหอะ

ขอเชิญที่นี่ www.kru-mon.com ของ"ครูม่อน"- ณัฏฐ์ภัทร์ ชาญเชาวน์กุล คนไทยแท้ๆที่เรียนปริญญาโทด้านสมองจากฮาร์วาร์ด

ครูม่อนไม่ใช่ลูกครึ่งอเมริกัน ไม่ใช่คนที่โตเมืองนอก ไม่ใช่คนที่เรียนโรงเรียนนานาชาติ (เข้าใจว่าไม่ได้เรียนแค่ปริญญาโทด้วย เคยได้ยินว่าจะเรียนปริญญาเอก)

ประวัติครูม่อน



มัธยม:โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย

AFS: รุ่น 40 ประเทศนอร์เวย์

ปริญญาตรี: คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ปริญญาโท: Master of Education (Mind, Brain and Education), Harvard Graduate School of Education (ปริญญาโทด้านสมองกับการศึกษา มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด )
ครูม่อน พูดถึงตัวเธอเองว่า

เลือกเรียนหมอเพราะไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร พอเรียนๆไปก็ค้นพบว่า ตัวเองไม่ชอบเรียนหมอและไม่ได้อยากเป็นหมอ ระหว่างนั้นก็ค้นหาตัวเองจนรู้ว่าสนใจเรื่องการศึกษา และการใช้ความรู้เกี่ยวกับสมองให้เป็นประโยชน์กับการศึกษา

ตัดสินใจลาออกจากคณะแพทย์หลังจากจบปีสี่เพื่อไปศึกษาต่อด้านที่สนใจจริงๆ ม่อนได้ไปเรียนปริญญาโทสาขา Mind, Brain and Education ซึ่งก็คือ การเรียนเรื่องการนำความรู้ด้านสมองและจิตใจมาประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ กับการศึกษา ครูม่อนหวังว่าครูจะได้มีส่วนช่วยเป็นกำลังใจให้กับผู้อ่านได้ทำตามความฝัน ของตัวเองนะคะ
เธอเขียนหนังสือไว้เล่มหนึ่งชื่อ ฟังเสียงหัวใจ เรียนอะไรที่ใช่เรา โดยอธิบายหนังสือเล่มนี้ว่า จากหมอมาเป็นครู จากจุฬาฯสู่ฮาร์วาร์ด บทเรียนการเลือกคณะและเปลี่ยนเส้นทางชีวิต พร้อมแนะนำผู้อ่านว่า รู้ใจตัวเ้อง เลือกคณะที่ใช่ ก่อนเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย

และลองอ่านบทความต่างๆจะเห็นได้ว่า เขียนด้วยภาษาง่ายๆแต่ความคิดเฉียบคมตรงประเด็น และบางบทความได้แฝงธรรมะเข้าไปด้วย ไม่มีการดูถูกดูแคลนคน ไม่ยกตนข่มท่านเลย เอาความรู้ที่มีมาแบ่งปันเพื่อสังคมโดยไม่เน้นเรื่องเงินทอง

ไม่ใช่ว่าเอะอะอะไรก็อ้างสถาบันฮาวาร์ดหากิน ออกหนังสือเยอะแยะแต่เนี้อหามีอยู่เท่าเดิม

เคยเจอตัวจริงของน้องเขา(ครูม่อน)ครั้งเดียว ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่เขาเป็นคนไม่คุยโม้โอ้อวด คนรอบๆตัวไม่รู้เลยว่าเนี่ยเรียนจบฮาวาร์ดมานะ วางตัวก็ติดดิน แต่งตัวก็ไม่เวอร์

ที่สำคัญ บ้านน้องเค้าก็อยู่ปทุมธานี เค้าไม่บ่นสักคำ ว่าจะเป็นจะตายกับน้ำท่วม แถมยังเขียนบทความ ให้คนไทยต้องช่วยเหลือกัน

ช่วงนี้ดูข่าวน้ำท่วมแล้วรู้สึกสงสารประเทศไทยของเราจัง แต่ที่เซ็งไม่แพ้กันก็คือว่าข่าวบ้านเราไม่ค่อยได้รับความสำคัญที่อเมริกา เท่าไหร่เลย ซึ่งก็จริงอยู่ที่ประเทศเราเป็นประเทศเล็กๆที่อาจจะไม่ได้สำคัญสำหรับเขา เท่าไหร่

แต่รู้สึกได้เหมือนกันนะว่าคนอเมริกันเองก็ไม่ค่อยสนใจสิ่งเกิดขึ้นในประเทศ อื่นๆ อย่างเช่น ประเทศเราสักเท่าไหร่ ช่วงนี้เวลาไปเรียน ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่ก็จะพยายามเล่าให้เพื่อนๆในห้องฟัง และฝากบอกว่าสามารถบริจาคให้ผู้ประสบภัยผ่านเว็บสภากาชาดได้

ทำให้รู้สึกจริงๆว่าคนไทยเราก็ต้องช่วยเหลือกันเอง เพราะคนอื่นก็คงไม่ได้สนใจเราสักเท่าไหร่หรอก ถ้าเราไม่รักกัน ใครจะมารักล่ะ


แถมยังหาทางเรี่ยไรเงินจากเพื่อนๆต่างชาติมาช่วยคนไทยอีก

เห็นดังนี้ก็เลยอดเปรียบเทียบกับอีกคนไม่ได้จริงๆ

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker