นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทยและ ส.ส.กทม.เขตคลองสามวา กล่าวเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ว่า อยากเรียกร้องผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาน้ำ ท่วมครั้งนี้แบบเป็นวาระแห่งชาติร่วมกับรัฐบาล โดยหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แม้จะเดินทางไปพักผ่อนต่างประเทศที่ประเทศอังกฤษ แต่ก็ขอให้ท่านสั่งการมายังผู้ว่าฯ กทม. และลูกพรรคของท่านให้ระดมสมองช่วยประชาชนในช่วงภัยพิบัติระดับชาติ มากกว่าการใช้ปากพูดอย่างเดียว เพราะ กทม.วันนี้ไม่ใช่แดนสนธยาของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะมาเล่นเกมการเมืองว่า พอน้ำแห้งน้ำไม่ท่วม กทม.ก็คุยเสียงดังบอกว่าเป็นผลงานของ กทม. พอน้ำท่วม กทม.ก็โบ้ยเสียงดังให้รัฐบาล ตนในฐานะผู้แทนฯ กทม.ฝั่งตะวันออกขอเรียกร้องไปยังผู้ว่าฯ กทม.ว่า ในกรณีที่ท่านจะประกาศเตือนภัย ท่านต้องทำอย่างมืออาชีพ เช่น การที่ท่านประกาศให้อพยพใน 7 เขต กทม.ฝั่งตะวันออก ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วประชาชนยังสงสัยทุกวันว่าตกลงวันนี้เป็นอย่างไร ควรทำตัวอย่างไรในขณะนี้ และ 7 เขต ฝั่งตะวันออกที่ว่านี้เป็นทุกตำบลเลยหรือไม่ ให้อพยพขึ้นที่สูงนั้นสูงขนาดไหน
นายจิรายุกล่าวว่า ข้อมูลของ กทม.ก็ประกาศแบบเหวี่ยงแหเอาแน่เอานอนไม่ได้ คิดแต่จะรักษาแต่ฐานเสียงของตัวเองหรือไม่ ส่วนเขตอื่นที่ไม่ใช่ของตัวเองก็ทำแบบลวกๆ จึงขอเรียกร้องให้ กทม.กรุณาลงรายละเอียดและปรับเปลี่ยนข้อมูลทุกวันได้หรือไม่ เพราะสถานการณ์แบบนี้ควรอัพเดตกันทุกวัน ไม่ใช่ประกาศไปแล้ว 7 วันไม่มีการยกเลิกหรือบอกอะไรเพิ่มเติม วันนี้ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ฝั่งตะวันออกเกือบทุกเขตต้องส่งคนไปเฝ้าระวังที่ทิศเหนือของเขตที่น้ำอาจจะ ลงมา และรายงานผ่านวิทยุสื่อสาร เพื่อให้ทีมงานใช้รถแห่หรือใช้เสียงตามสายในชุมชน บอกกับประชาชนทุกวันเพื่อให้ได้รับข้อมูลโดยตรงจาก ส.ส. เพราะขืนรอ กทม.คงไม่ทันการ กทม.ต้องระดมเจ้าหน้าที่จากเขตอื่นๆ เข้ามาทำงานในพื้นที่เสี่ยง เพราะวันนี้มีเขตที่ไม่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมกว่า 30 เขต อุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือมีจำนวนมาก
นายจิรายุกล่าวว่า ส่วนการดูแลบรรเทาทุกข์ให้ประชาชนก็ขอให้เพลาๆ เรื่องการเมืองกันบ้าง ไม่ใช่อะไรที่เป็นเงินของ กทม. ของบรรเทาทุกข์ก็จะผ่านไปยัง ส.ก. ส.ข.พวกของตนเอง เอาไปหาเสียงจนน่าเกลียด บางเขตบางคนเป็น ส.ส.สอบตกยังไปขึ้นป้ายหาเสียงช่วงนี้เรื่องน้ำท่วมเสียอย่างนั้น วันนี้ไม่ใช่เทศกาลหาเสียง แต่เป็นภัยพิบัติของชาติที่ต้องทำงานร่วมกัน ขณะนี้ทีม ส.ส.พรรคเพื่อไทยลงพื้นที่ทุกวัน ทั้งการบรรเทาทุกข์ด้วยสิ่งของนอกเหนือจากของ กทม. ที่หาแทบไม่ได้ เราก็ต้องประสานกับรัฐบาลเองทั้งเรือท้องแบน ทางเดินไม้ เครื่องสูบน้ำ ทราย แต่ก็ไม่สำคัญเท่ากับการทำภาพรวม ด้วยการทำอย่างไรไม่ให้น้ำท่วมเขตที่ตัวเองเป็น ส.ส. อย่างเขตหนองจอกก็ตั้งแนวกระสอบทรายกันน้ำให้ลงคลองกันเอง จากงบฯของ ส.ส. และเขตคลองสามวาก็ร่วมกับ ส.ส.ลำลูกกา ปทุมธานี เฝ้าเตือนภัยระหว่างกัน เขตมีนบุรี ลาดกระบัง คันนายาว และบึงกุ่ม ก็เร่งผันน้ำด้วยเรือเดินเครื่องในคลองแสนแสบกว่าร้อยเที่ยว ซึ่งพวกเราช่วยผู้ว่าฯ กทม.ทุกทาง ทั้งการเจรจากับ ส.ส.ต่างจังหวัดที่เขตติดกันเพื่อผันน้ำบางจุดระหว่างที่ต่ำที่สูง และร่วมกันทำความเข้าใจกับประชาชนที่โดนน้ำท่วมระหว่างกัน ซึ่งก็ช่วย กทม.ได้เป็นอย่างดี
นายจิรายุกล่าวว่า ส่วนการใช้มืออาชีพที่ติดบ้านเลขที่ 111 หรือ 109 นั้น ในส่วนตัวตนเห็นว่าเป็นเรื่องใจแคบสำหรับฝ่ายค้านที่จะวิจารณ์ เพราะวันนี้ประเทศต้องการคนที่มีความรู้ทุกทางมาช่วยกัน มันสมองเหล่านี้เคยผ่านประสบการณ์การแก้ไขปัญหาภัยพิบัติขนาดใหญ่มา แล้วฝ่ายค้านจะอิจฉาตาร้อนไปเพื่ออะไร ทั้งนี้ควรจะส่งเสริมเสียด้วยซ้ำ เพราะวันนี้เป็นภารกิจของชาติที่ต้องใช้แรงขับเคลื่อนมากกว่าใช้ปากแก้น้ำ ท่วม ขอให้พรรคประชาธิปัตย์หยุดเล่นการเมืองบนความทุกข์ของชาวบ้าน ด้วยการป้ายสีให้คนอื่นเสียหาย โดยเฉพาะการเอาคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มาเป็นแพะรับบาป กรณีที่ กทม.ไม่ยอมช่วยระบายน้ำจากด้านเหนือผ่านคูคลองของ กทม.ที่มีจำนวนมาก
"คุณหญิงไม่เคยไปกล่าวหาผู้ว่าฯ กทม.แม้แต่น้อย ที่พูดถึง กทม.ก็พูดเเต่เพียงในหลักการว่า กทม.ต้องยอมให้ระบายน้ำผ่าน กทม. ซึ่งไม่ใช่คุณหญิงสุดารัตน์คนเดียวที่เห็นเช่นนี้ นายปราโมทย์ ไม้กลัด ที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ กทม.เองก็เห็นเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่ายิ่งเมื่อวานตัวท่านผู้ว่าฯ เองก็ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่าที่ผ่านมายังไม่ได้เปิดประตูน้ำให้น้ำระบายผ่าน กทม.ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา กทม.ก็ไม่ยอมเปิดประตูให้น้ำระบายผ่าน กทม.จริงๆ ประชาชนก็รับรู้ เมื่อวาน น.ส.พ.ก็ลงฟ้องด้วยภาพหน้า 1 ที่แสดงให้เห็นระดับน้ำในคลองแสนแสบแห้งขอดถึงขนาดเรือไม่สามารถวิ่งได้มา เป็นสัปดาห์แล้ว ขณะที่ชาวบ้านในเขตคลองสามวา มีนบุรี หนองจอก และลาดกระบัง กลับถูกน้ำท่วมขังมานานนับเดือนแล้ว จากการปิดประตูระบายน้ำของ กทม." นายจิรายุกล่าว
นายจิรายุกล่าวว่า ตนขอเรียกร้องไปยัง พรรคประชาธิปัตย์ และผู้ว่าฯ กทม.ดังนี้ 1.ขอให้พรรคประชาธิปัตย์ หยุดเล่นเกมการเมือง แล้วรวมใจกันช่วยชาวบ้านจะดีกว่า 2.ขอให้ผู้ว่าฯ กทม.ปลอดการเมือง เลิกอิงแอบพรรคประชาธิปัตย์ ชั่วคราวจนกว่าน้ำจะลด 3.ขอให้ผู้ว่าฯ กทม.สั่งการไปยัง ผอ.เขตที่อยู่ในแนวเสี่ยงให้ทำงานบูรณาการกับ ส.ส.พื้นที่ โดยไม่เกี่ยวว่าจะเป็นพรรคการเมืองใด 4.ขอให้ ส.ส.กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่อยู่ในแนวน้ำท่วมหยุดใช้ปากแก้ปัญหา และหันมาร่วมมือกับ ส.ส.ทุกพรรคการเมืองที่อยู่ในแนวน้ำท่วม 5.ขอให้นายอภิสิทธิ์เดินทางกลับจากการพักผ่อนในต่างประเทศโดยเร็ว เพื่อร่วมแก้ไขปัญหากับรัฐบาล
ด้านนายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม.เขตคันนายาว-บึงกุ่ม กล่าวว่า ตนในฐานะเคยเป็น ส.ก.มานาน เห็นได้ว่าวันนี้ กทม.ไม่จริงใจในการแก้ปัญหาร่วมกัน พยายามแยกตนเองออกเป็นเอกเทศ ทั้งที่คนที่อยู่ใน กทม.กว่าครึ่งเป็นคนที่มีญาติพี่น้องอยู่ในจังหวัดที่น้ำท่วม แต่กลับพยายามสร้างป้อมปราการให้กรุงเทพฯ และพยายามโชว์ว่าเป็นผลงาน วันนี้ กทม.ต้องคิดใหม่ทำใหม่ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ เช่น ปล่อยน้ำให้ไหลผ่านคลองจำนวนมากใน กทม.บ้าง น้ำเหนือที่มามากปริมาณน้ำก็จะลดลง ไม่ใช่ปล่อยจนคลองใน กทม.แห้งขอด จนเรือโดยสารในคลองแสนแสบวิ่งไม่ได้ เพราะความกลัวเสียคะแนนแบบไม่มีหลักการ หาก กทม.บริหารอย่างมืออาชีพ ก็จะสามารถเป็นฮีโร่ให้คนทั้งชาติได้ เพราะเพียงแค่ท่านปล่อยน้ำผ่าน กทม.ในระดับที่เหมาะสม และเร่งสูบน้ำออกไปยังทะเลตั้งแต่ 2 สัปดาห์ก่อน น้ำที่มาทางเหนือก็จะเบาบางและก็จะไม่เกิดปัญหาเหมือนวันนี้
นายพลภูมิกล่าวอีกว่า หากตรวจสอบอุปกรณ์ของ กทม.หลายอย่าง ที่ท่านผู้ว่าฯ สามารถนำมาจัดการกับน้ำตั้งแต่ 2 สัปดาห์ก่อน ป่านนี้ก็คงไม่มีปัญหามากนัก เพราะดูจากข้อมูลแล้ว กทม.สามารถระดมรถดับเพลิงที่มีเครื่องสูบน้ำ รถสูบน้ำทั้งใหม่และเก่าที่สั่งซื้อมา หากนำมาช่วยกันเร่งสูงออกจาก กทม.ลงทะเล จะสูบได้ถึงชั่วโมงละ 40 ล้าน ลบ.ม. หากคิด 7 วัน เป็น 168 ชั่วโมง เดินเครื่องเต็มที่วันนี้น่าจะสูบน้ำออกทะเลไปแล้วถึงกว่า 7,000 ล้านลูกบาศก์เมตร