ทันทีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พิจารณาผลการศึกษาของคณะกรรมการของคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ในโครงการรถเมล์ 4 พันคัน ว่าการเช่าจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าการซื้อทำให้ครม.ยอมเห็นชอบเดินหน้าโดยการเช่าแต่ลึกๆ ยังคงมีประเด็นให้นายโสภณ ซารัมย์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ต้องไปทำใน 3เรื่องที่สำคัญ คือ 1. การกำหนดแผนการใช้ระบบตั๋วอิเล็กทรอนิกส์และต้องมีการลดจำนวนพนักงานโดยเล็งเป้าลดคนขสมก.ไว้คร่าวๆ 6,000-7,000คน จะทำได้เมื่อไหร่2. ต้องวางแผนเพิ่มจำนวนอู่รถเมล์ที่ให้สามารถเติมเอ็นจีวีได้ โดยสามารถรองรับปริมาณรถได้กี่คัน ใช้ระยะเวลาเท่าไหร่3. การจัดซื้อจัดจ้างจะต้องให้โปร่งใสมากที่สุดเพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนห่วงใยมาก โดยต้องตั้งคณะกรรมการกำหนดราคากลางและจะต้องให้มีการแข่งขันให้มากที่สุดเกมนี้เหมือนกับว่า นายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งถูกกดดันว่าช่วงนี้ต้องหลีกเลี่ยงการปะทะกับก๊วนเพื่อนเนวิน และพรรคภูมิใจไทยให้มากที่สุด เมื่อจำเป็นจึงต้องยอมผ่อนสายป่านเหมือนกับตามใจนายเนวิน ชิดชอบ CEO ตัวจริงของภูมิใจไทย และนายโสภณ ที่กำลังมุทะลุหัวชนฝาจะเอาให้ได้ก็เลยเล่นเกมเหนือเมฆ เพราะเชื่อว่า ถึงเวลาแล้วนายโสภณจะตายนํ้าตื้นเองเพราะแค่ในวันเดียวกับที่ ครม.อนุมัติ รถเมล์ของ ขสมก. บางส่วนก็ได้ประเดิมประท้วงหยุดเดินรถ เพื่อคัดค้านโครงการรถเมล์เช่าโคตรแพง4,000 คันนี้เสียแล้วสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (สร.ขสมก.) ลุยทั้งเรื่องการให้สัมปทานเอกชนเดินรถทั้ง 155 เส้นทาง เรื่องการนำระบบตั๋วโดยสารอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ และเรื่องสถานะของพนักงาน 7,000 คนแม้แต่รถร่วม ขสมก. ก็ยังยื่นหนังสือค้านเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คันด้วยเช่นกันนอกจากนี้ ประชาธิปัตย์ยังอ่านว่า เรื่องของอู่จอดรถเมล์ที่จะต้องเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับจำนวนรถเมล์ที่เพิ่มขึ้นจากการเช่าด้วย ซึ่งลำพังทุกวันนี้พื้นที่ในการทำอู่จอดรถของ ขสมก.ก็แทบจะไม่
เพียงพออยู่แล้ว จะเป็นปัญหาอีกดอกหนึ่งแน่นอนเรียกว่า ประชาธิปัตย์ มองว่า ถึงก๊วนเพื่อนเนวินได้ไป แต่ยังไงก็ไม่ราบรื่น จะมีปัญหาอุปสรรคต่างๆ นาๆ เกิดขึ้นตามมาอีกอย่างแน่นอน โดยเฉพาะประเด็นคน ขสมก. 7,000 คนปัญหาก็คือ คนอย่างนายเนวิน ที่บงการอยู่เหนือนายโสภณ ในทุกเรื่องนั้น จะมองไม่ออกหรือว่า ที่ ปชป.ทำเป็นยอมไฟเขียวอนุมัติโครงการมาในลักษณะ ลับ ลวง พราง หวังจะให้โครงการนี้ล่มในมือของภูมิใจไทยนั้นมีหรือจอมเขี้ยวอย่างยี้ห้อยร้อยยี่สิบจะไม่รู้แต่ทั้งๆ ที่รู้ แล้วยังยอมรับเผือกร้อนนี้ด้วยอ้อมกอดและรอยยิ้มหวานแฉ่ง เหมือนวันที่กอดกับนายอภิสิทธิ์ไม่มีผิดเพี้ยน แสดงว่ากำลังจะเหนือเมฆ ย้อนเกล็ด ปชป. เช่นกันหรือไม่เพราะเป้าใหญ่น่าจะอยู่ที่เกมลึกๆ คือ โครงการนี้จะเสร็จทันก่อนรัฐบาลชุดนี้ล่มสลายหรือไม่...ไม่ใช่เรื่องสำคัญแรงกดดันเรื่องคน ขสมก. นายเนวินนั้นถนัดในการกล่อมคนอยู่แล้ว ในขณะที่เรื่องอู่จอดรถ กว่ารถจะมาตามแผนก็อีกร่วม 2 ปี ถึงตอนนั้น ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลใหม่โน่นแหละที่จะมาแก้ปัญหาสิ่งสำคัญก็คือ ที่แน่ๆ แค่คอมมิชชั่นทางธุรกิจตามปกติ ซึ่งในการจัดซื้อจัดจ้างทั่วไปในสากลโลกนี้ ย่อมต้องมีคอมมิชชั่นด้วยกันทั้งนั้น หากกรณีนี้จะมีสักแค่คันละ 1 ล้านบาท ก็ไม่เห็นน่าเกลียดตรงไหน???สมมุติว่า 4,000 คัน ก็แค่ 4,000 ล้านบาทเท่านั้น น้อยกว่าตัวเลขพิสดาร ที่ในทุกวันนี้ภายใต้รัฐบาลนายสะอาด พูดกันมากเหลือเกิน 30 – 35– 40%เพราะถ้าตามตัวเลขพิสดารแล้ว โครงการระดับ6 หมื่นล้านนี่ ก็ปาเข้าไป 18,000 – 25,000 ล้านโน่นเลยฉะนั้นเกมนี้ สุดท้าย ใครจะลับ ลวง พรางอย่างไรก็ตาม แต่ต้องบอกว่า “แสบพอกัน”สำหรับคู่ฟัดหักเหลี่ยมโหดทางการเมืองคู่นี้.