บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2552

บรรทัดฐานใหม่

ที่มา มติชน

บทนำมติชน



คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีหวยบนดิน 3 ตัว และ 2ตัว เมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง 47 จำเลย จะมองว่า ป.ป.ช.ชนะก็ได้ หรือจะมองว่าไม่ชนะก็อาจจะมองได้เช่นกัน สุดแท้แต่ว่าจะวางเกณฑ์ชี้วัดไว้ตรงจุดไหน

ฝ่ายที่มองว่า ป.ป.ช.ชนะ ถือเอาเกณฑ์คำพิพากษาของศาลฎีกา ที่สั่งจำคุกนายวราเทพ รัตนากร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง 2 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต จำคุกนายสมใจนึก เองตระกูล อดีตปลัดกระทรวงการคลัง 2 ปี ปรับ 1 หมื่นบาท ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และจำคุกนายชัยวัฒน์ พสกภักดี อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งฯ 2 ปี ปรับ 1 หมื่นบาท อันแสดงให้เห็นว่า คำฟ้องของ ป.ป.ช.มีน้ำหนักและมีเหตุผล หาไม่แล้วศาลฎีกาคงไม่พิพากษาให้จำเลยทั้ง 3 ต้องรับโทษทั้งจำคุกและปรับ โดยเฉพาะการจำคุก 2 ปีนับว่าเป็นห้วงเวลาที่นานพอสมควรทีเดียว

แต่ฝ่ายที่มองตรงกันข้ามอ้างว่า แม้จะมีคำพิพากษาให้จำคุกแต่ศาลฎีกาก็รอการลงอาญาไว้คนละ 2 ปี เพราะจำเลยไม่เคยกระทำผิดมาก่อน แสดงว่าจำเลยทั้ง 3 ไม่ต้องไปรับโทษจำคุก ในการเสียค่าปรับก็ถือว่าเงินแค่หมื่นบาท และ 2 หมื่นบาท เป็นเงินจำนวนน้อยนิด ไม่ได้สร้างปัญหาหรือเป็นภาระของจำเลยทั้ง 3 คน ที่สำคัญ ในจำนวนจำเลยคดีหวยบนดินที่ถูก ป.ป.ช.ฟ้องมีมากถึง 47 คน ไม่ถือว่ากระทำผิดตามฟ้อง ให้ยกฟ้องไปทั้งหมด ยกเว้นนายอดิศัย โพธารามิก อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและ พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งฯ ซึ่งไม่ได้มาฟังคำพิพากษาให้ออกหมายจับเพื่อให้มาฟังคำพิพากษา ในวันที่ 18พฤศจิกายนนี้ ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยที่ 1 ที่ไม่ได้มาฟังคำพิพากษาก็ไม่มีใครรู้ว่า จะมีคำพิพากษาอย่างไร ที่สำคัญกว่านั้น จำเลยที่ถูกฟ้องไม่ต้องชดใช้เงิน 14,862 ล้านบาท ให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เพราะไม่ได้ยักเงินไปเป็นของตนเอง

การพิพากษาคดีหวยบนดินของศาลฎีกาที่ออกมาเช่นนี้ โดยที่คณะรัฐมนตรีไม่มีความผิด และไม่ต้องรับโทษใดๆ นั้น ศาลฎีกาพิจารณาที่เจตนาการนำเสนอโครงการออกสลากเลขท้าย 2 ตัว และ 3 ตัว อย่างเร่งด่วน รัฐมนตรีบางส่วนก็เข้าใจและไม่เข้าใจโครงการ จึงมีมติอนุมัติโครงการโดยขาดเจตนาพิเศษ ซึ่งข้อเท็จจริง คือนายสมนึกและนายชัยวัฒน์เป็นผู้ร่วมกันเสนอโครงการต่อ พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งก็เร่งให้ดำเนินการและเชิญนายวราเทพไปหารือ พร้อมกับมอบหมายให้นำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีโดยไม่ผ่านเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี โดยที่คณะรัฐมนตรีไม่น่าจะทราบรายละเอียดทั้งหมด

นี่ย่อมเป็นบรรทัดฐานจากการพิพากษาของศาลฎีกาว่า ถ้ามติของคณะรัฐมนตรีเกิดขึ้นจากการขาดเจตนาพิเศษเพราะความไม่รู้ในเรื่องที่ถูกเสนอเข้ามาย่อมไม่ถือว่าเป็นความผิด แม้รัฐธรรมนูญจะบัญญัติให้การบริหารราชการแผ่นดิน คณะรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบร่วมกัน นอกจากนี้ ยังมีข้อน่าคิดว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีก่อนจะมีมติหรือรับทราบในเรื่องใด ควรที่รัฐมนตรีแต่ละคนจะต้องศึกษามาอย่างดี และพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับประเทศชาติก็สามารถมีข้อยกเว้นได้หากศาลฎีกาเห็นว่าไม่ได้เจตนากระทำผิด ในแง่ทางการเมืองก็สุดแท้แต่ผู้คนในสังคมจะวิเคราะห์วิจารณ์กันไปเพียงแต่ว่าไม่ได้มีผลผูกมัดใดเพราะเสียงวิเคราะห์วิจารณ์ไม่ใช่คำพิพากษาอันถึงที่สุดของศาล อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายคดีที่จะต้องไต่สวนกันในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและการต่อสู้หักล้างข้อเท็จจริงและการอ้างข้อกฎหมายทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยก็จะรู้ว่าควรจะดำเนินไปในแนวทางใดเพื่อประโยชน์ของฝ่ายตน

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker