ที่มา มติชนรายวัน
เดจาวู "พอเพียง" หลอน "ไทยเข้มแข็ง"
กับ มหกรรมอภิมหาประชานิยมทุ่มเงิน 1.43 ล้านล้านบาท ลงไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตาม "แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555" ที่เตรียมเทกระจาดในเดือน ต.ค.นี้
"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" นายกรัฐมนตรี เคยฟุ้งฝันไว้ในวันกดปุ่มเปิดตัวโครงการนี้ เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ที่อิมแพค เมืองทองธานี ถึงข้อดีๆ แผนดังกล่าว ว่ามีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านตำแหน่ง เพิ่มพื้นที่ชลประทานอีก 1 ล้านไร่ ถนนทุกสายลาดยางอย่างดี ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการของสาธารณสุขเพิ่มจากร้อยละ 40 เป็น 60 เด็กนักเรียนทุกคนต้องอ่านออกเขียนได้ ฯลฯ
ที่สำคัญตัวเลขผลิตภัณฑ์ มวลรวม หรือจีดีพี ซึ่งหดตัวอย่างรุนแรง จะเริ่มผงกหัวขึ้นปลายปีนี้ก่อนพลิกเป็นบวกในปี 2555 หรือสรุปเป็นภาษาชาวบ้านว่า "เงินในกระเป๋า" ของทุกคนจะเพิ่มขึ้น
แต่จินตนาการข้างต้นดังกล่าว จะเป็นไปได้ ก็ต่อเมื่อทุกอย่าง "เป็นไปตามแผน"
ทว่า เพียงรถยนต์ยี่ห้อ "ไทยเข้มแข็ง" วิ่งไปเพียงไม่กี่เมตร ก็เกิดอาการกระตุกเครื่องสะดุด เพราะปัญหาเดิมๆ ที่เคย "หลอกหลอน" รัฐบาลประชาธิปัตย์จนนอนฝันร้ายอยู่เหมือนเดิม...
นั่นคือปัญหาการ "ทุจริต"
กับ การออกมาเปิดแผลสดๆ ของ"หมอวราเทพ วงศ์วัชรไพบูลย์" เลขาธิการมูลนิธิแพทย์ชนบท ที่ออกมาติติงรายการครุภัณฑ์ที่ ครม.อนุมัติให้จัดซื้อ แต่ละรายการโรงพยาบาลส่วนใหญ่ "ไม่ได้" ขอจัดซื้อ เพราะนอกจาก "แพง" เกินจริง ยังไม่เป็นที่ "ต้องการ" ถึงซื้อมาก็ตั้งทิ้งไว้เฉยๆ
ทั้ง เครื่องฆ่าเชื้อยูวี เครื่องช่วยหายใจ กระทั่งราคาก่อสร้างแฟลตพยาบาล
แต่ใครบางคนก็ยังอยากให้ "ซื้อ" เพราะของ "ถูก" ขาย "แพง" ยิ่งซื้อ "ส่วนต่าง" ก็ยิ่งมาก
แค่คิดน้ำลายก็พาลไหลท่วม เหมือนสุนัขที่น้ำลายไหลเมื่อได้ยินเสียงกระดิ่ง ตามทฤษฎีจิตวิทยาของพาฟลอฟ
อย่าง ไรก็ตาม จากข้อหาคอร์รัปชั่นทที่ ทำให้รัฐมนตรี 1 คนถึงกับลาออก ส่วนรองนายกฯอีกคนเจ็บหนัก ทำให้ "วิทยา แก้วภราดัย" รมว.สาธารณสุข ขุนพลสะตอเคลื่อนไหว แก้เกมทันทีโดยการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 ชุด
ชุด แรกตรวจสอบราคาเครื่องฆ่าเชื้อโรคด้วยแสงอัตราไวโอเลต 4 หมื่นบาท ที่ว่ากันว่าแพงเกินจริง และชุดที่สอง ตรวจสอบการใช้งบประมาณทั้งระบบ
นอก จากนี้ ยังแสดงความบริสุทธิ์ใจ ยอมรับว่ามีคนร้องเรียนว่าเลขานุการ คนสนิท ที่ปรึกษา เข้าไปล็อคสเปคซื้อสินค้าจริง พร้อมบอกว่าที่ปรึกษาคนหนึ่งได้ลาออกไปหลังถูกร้องเรียนพัวพันทุจริต
ชูภาพ "ความสะอาด" หวังกลบข่าวฉาวโฉ่ทันที ตามนิสัยพรรคอนามัย
กระนั้น ทำให้เห็น "สัญญาณพิเศษ" อันน่าหวาดหวั่น ว่าโครงการไทยเข้มแข็งจะซ้ำรอย "โครงการชุมชนพอเพียง" ที่ปรากฏข่าวการทุจริตทุกหัวระแหง ทั้งที่เป็นโครงการที่ "คุณชายละเอียด" อย่าง "กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ" รองนายกฯเป็นผู้ดูแลโดยตรง และมีมูลค่ารวม 2 หมื่นล้านบาท น้อยกว่างบฯโครงการไทยเข้มแข็งถึง 71 เท่า
งบฯไทยเข้มแข็ง 8 แสนล้านบาท ได้มาจาก พ.ร.ก.และ พ.ร.บ.กู้เงินที่เพิ่งผ่านสภาไป โดยเงินก้อนแรกที่กดปุ่มไปเมื่อวันที่ 4 ก.ย. มีอยู่ 2 แสนล้านบาท ซึ่งกว่าร้อยละ 75 ตกอยู่กับ 4 กระทรวงหลัก คือกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงสาธารณสุข
ซึ่งสุจริตชน จะ "เดจาวู" (หวนนึกย้อนไปถึง) การทุจริตในชุมชนพอเพียง เพราะทั้ง 4 กระทรวง นอกจาก 2 กระทรวงดูแลโดยคน ปชป.ที่พัวพันกับชุมชนพอเพียงมาก่อน อีก 2 กระทรวงก็อยู่ใต้อุ้งมือของพรรครัฐบาล ที่ถนัดเล่นการเมืองบนโต๊ะอาหาร
"กินไปอิ่มเอมไป"
แม้นายวิทยาจะพยายามพูดติดตลกว่า "เงินน้อยแค่นี้ นักการเมืองไม่ยุ่งหรอก"
แต่สำหรับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่หาเช้ากินค่ำ เงินหมื่นหรือแสนก็อาจทำให้อิ่มท้องไปได้ทั้งปี
"นา ยกฯมาร์ค" อาจมีเจตนาและความตั้งใจดี แต่การเมืองไทยซึ่งสัตว์การเมืองเขี้ยวโง้งแถมหิวโหย หากไม่เตรียมแผนการใช้จ่ายและมาตรการตรวจสอบที่ดี ก็อาจจะเป็นดังเช่นความเห็นของนักศึกษาหญิงที่วิจารณ์ตรงๆ ตอกหน้านายอภิสิทธิ์ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียว่า วิชั่นดีแต่ขาดแอ๊คชั่นแพลน!
"ความสำเร็จ" ทางบัญชีวัดกัน "บรรทัดสุดท้าย" ว่าจะมี "กำไร" เท่าไร
แต่ "ความสำเร็จ" ในการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน วัดกันที่ "บรรทัดสุดท้าย" เงินจะตกถึงประชาชน "เท่าไร"
ไทยเข้มแข็ง...ใครเข้มแข็ง ประชาชนตาดำๆ หรือ บ.ใบไม้ น.หนู??