คอลัมน์ เหล็กใน
คาดเชือก คาถาพัน
|
ว่าตรรกะ หลักการ วิธีการไม่ชอบมาพากลอย่างไร และพฤติกรรมของผู้สอบสวนพิลึกกึกกือแค่ไหน
ยังไม่จบครับ
แต่ยิ่งนานไปก็ยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้น ว่าเล่นกันเป็นขบวน การ
เป้าหมายคือทำให้เกิดการความปั่นป่วน นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองด้วยวิธีพิเศษอีกรอบหนึ่ง
บังเอิญหนนี้มีหนังสือพิมพ์ยืนอยู่บนเส้นทาง ก็เลยต้องสอยกันให้ร่วงไปด้วย
ส่วนหนึ่งที่ทำให้เห็นว่าเล่นกันเป็นขบวนการ ก็เพราะมีคนมาเกี่ยวข้องด้วยหลายหน้าหลายหน่วย
เปิดตัวเต็มๆ ก็มี ที่เป็นอีแอบก็เยอะ
ที่ตลกแกมสมเพชอย่างหนึ่งก็คือ ในจำนวนนี้มีคนที่เคยเรียกตัวเองว่าเป็นนักข่าวหรือนักหนังสือพิมพ์รวมอยู่ด้วย
ทำไมถึงใช้คำว่า"เคย"
ก็เพราะถ้าเป็นนักข่าวหรือนักหนังสือพิมพ์ของแท้ สิ่งแรกที่ต้องเคารพเป็นอย่างยิ่งก็คือข้อมูลข้อเท็จจริง
ต้องมีความสามารถและมีวิจารณญาณแยกแยะได้ว่าอะไรถูกอะไรผิด อะไรจริงอะไรไม่จริง
และต้องมีความกล้าหาญ (ทางจริยธรรม-อย่างที่ท่านผู้ชอบใช้คำพูดหรูๆ นำมาใช้กันอยู่บ่อยๆ) พอที่จะเลือกยืนข้างที่เชื่อว่าถูก
แม้ในบางครั้ง (หรือหลายครั้ง) จะถูกเข้าใจผิด ถูกย่ำยีอย่างไม่เป็นธรรม ถูกอำนาจไม่ชอบธรรมข่มขู่คุกคาม
ก็ยังต้องยืนยันในหลักการและข้อเท็จจริงที่เชื่อถือ
ที่ สำคัญคือต้องไม่เผลอ ไม่เคลิ้ม และไม่อาศัยวิชาชีพสื่อหรือหนังสือพิมพ์ ที่จริงๆ แล้วให้ประโยชน์ให้โอกาสที่ดีกว่าคนจำนวนมาก ไปใช้ในทางมิชอบ
หรือเห็น"อาชีวะปฏิญาณ"นี้เป็นกระดานกระดกไปสู่ลาภยศหรือผลประโยชน์อื่น-ซึ่งทำได้ง่าย เพราะโอกาสที่วิชาชีพมอบให้
แต่อย่างว่าครับ หลักการนั้นยึดไปนานๆ ก็เมื่อย อุดมคติกินแล้วก็ไม่ค่อยอิ่ม
ก็เลยมีตัวอย่างของคนที่ใช้วิชาชีพหนังสือพิมพ์เป็นกระดานกระดกไปแสวงหาประโยชน์หรือตำแหน่งอื่นๆ อยู่บ่อยๆ
พอหลุดไปแล้ว ก็ลืมหมดว่าวิชาชีพนี้สอนอะไรไว้
บางคนร้ายยิ่งกว่านั้นก็คือ หันกลับมาเผาวิชาชีพเผาบ้านตัวเองด้วย
ประเภทนี้เพื่อนร่วมวิชาชีพส่วนใหญ่รู้ไส้กันดี และหนักไปทางสงสารมากกว่าหมั่นไส้
สงสารว่าอวัยวะบางอย่างเช่น"ใจ"ต้องทำงานหนัก เพราะขนาดไม่สมกับตัว
ใจเล็กกว่ามดหรืออวัยวะมด
เห็นแล้วก็สงสารไปขำไป