อิสรภาพ-นาง มุกดา พงษ์สมบัติ ส.ส.ขอนแก่น เพื่อไทยร่วมกับผู้ได้รับอิสรภาพ 3 รายชูมือโห่ลั่นหน้าเรือนจำ แต่ยังมีสหายร่วมรบไม่ได้ประกันอีก 1 ราย เป็นรายที่เคยเขียนจดหมายระบายอยากตาย เพราะวางแผนแต่งงานไว้ต้องพังครืน(ภาพ:ASTVผู้จัดการ)
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
26 สิงหาคม 2554
มีความคืบหน้าหลายคดีในวันนี้ โดยมีข่าวดีได้ประกันตัวที่ขอนแก่น 3 ราย แต่ข่าวร้ายคือขังต่อรายที่เคยระบายอยากฆ่าตัวตาย ที่อุบลฯยกฟ้อง4จำเลยที่เคยตัดสินคุกตลอดชีวิต หากคำตัดสินไม่เปลี่ยนสาว24จะได้พ้นโทษตอนเฉียด 60 ส่วนคดีผู้หญิงยิงฮ.พิลึกหนักไม่ให้ประกันแม้ยกฟ้องไปแล้ว อ้างส.ส.เพื่อไทยที่ไปประกันไม่ใช่ญาติต้องรอเวลาสู่อิสรภาพกันต่อไป ขณะที่สมยศ พฤกษาเกษมสุข ร่อนจดหมาย หวังนักสิทธิ-นักสหภาพฯ ทั่วโลก จี้ไทยปล่อยนักโทษการเมือง
ศาลยกคำร้องดีเจอ้นร้องค่าเสียหายถูกพันธมิตรยิงที่วิทยุแท็กซี่ขณะไปยึดสนามบิน
วันนี้เช้า ศาลอุทธรณ์ยกคำร้องคดีที่อ้น-ชัยนรินทร์ กุหลาบอ่ำ นักกิจกรรมการเมือง อดีตดีเจวิทยุชุมชนคนแท็กซี่ ร้องต่อศาลให้กรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ชดใช้ค่าเสียหาย กรณีที่พันธมิตรฯก่อเหตุยิงวิทยุชุมชนแท็กซี่บาดเจ็บ 8 คน รวมทั้งตัวดีเจอ้น แล้วเลยไปยึดสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2551
ศาลยกคำร้อง โดยชี้ว่า ดีเจอ้นไม่ได้เป็นผู้ได้รับความเสียหายโดยอยู่ในฐานะประชาชนผู้ถูกกระทำ แต่ได้ระดมกำลังนักศึกษามาช่วย จนมีเรื่องวิวาทกับพันธมิตร จึงไม่เข้าข่ายจะเป็นผู้เสียหายยื่นฟ้องได้
ดีเจอ้นกล่าวว่า ในวันเกิดเหตุพวกพันธมิตรจะไปยึดสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อมาถึงวิทยุชุมชนแท็กซี่ปากซอยวิภาวดี3ก็ใช้ปืนยิงจนเขาได้รับบาดเจ็บ ต้องไปรักษาตัวหมดเป็นแสน ขณะที่วันดังกล่าวเขาออกจากห้องส่งมาแล้วใช้โทรโข่งตะโกนไม่ให้พวกพันธมิตร มาก่อเหตุ เพื่อปกป้องวิทยุชุมชนแท็กซี่ เขาก็ถือว่าทำตนเป็นพลเมืองดี แต่เมื่อผลตัดสินออกมาทำนองนี้ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรเหมือนกัน(อ่านรายละเอียดคดีนี้)
ยังไม่ให้ประกันตัวคดีผู้หญิงยิงฮ.แม้ยกฟ้องแล้ว
มีรายงานว่าศาลแขวงพระโขนงไม่ให้ประกันตัว"จ๋า"นฤมล วรุณรุ่งโรจน์ คดีผู้หญิงยิงฮ.กับพวกอีก 2 ราย แม้ศาลได้ยกฟ้องไปแล้วเมื่อวันก่อนนี้ก็ตาม
ดร.จารุพรรณ กุลดิลก ส.ส.เพื่อไทย เขียนลงในเฟซบุ๊คของ เธอ ว่า 4 ส.ส.เพื่อไทย ไปประกันตัวคดีผู้หญิงยิง ฮ. และ พวกอีก 2 คน โดย 4 ส.ส.เพื่อไทย ประกอบด้วย ส.ส.ดร.จารุพรรณ กุลดิลก ส.ส.น้องเดียร์-ขัตติยา สวัสดิผล ส.ส.จรูญพงศ์ พันธุ์ศรีนคร และส.ส.สัมภาษณ์ อัตถาวงศ์ สส.นครราชสีมา
ในการประกันตัว ตามกฏของศาลต้องใช้ญาติเท่านั้น แต่ถ้าเป็น ส.ส. หรือ ผู้อื่น ต้องทำหนังสือชี้แจงเพิ่มเติม ว่ามีความสัมพันธ์กับ จำเลยอย่างไร ต้องใช้เอกสารเยอะมาก เรื่องได้ส่งไปที่ศาลอุทธรณ์แล้ว ต้องรออนุมัติในการประกันตัว เท่าที่ได้สัมผัส ทุกท่านที่ได้มีส่วนร่วม ได้พยายามและทำดีที่สุดแล้ว ส่วนที่จะเป็นอย่างไรต่อนั้น นอกเหนือการควบคุม...ต้องรอดูต่อไป
ขอนแก่นได้ประกัน3ขังต่อ1รายที่เคยระบายอยากฆ่าตัวตาย
นายคารม พลพรกลาง ทนายความ นปช.เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้ยื่นประกันตัวผู้ต้องขังคนเสื้อแดงจำนวน 4 ราย โดยใช้ตำแหน่ง ส.ส.พร้อมด้วยหลักทรัพย์เงินสดจำนวน 2 ล้านบาท ยื่นประกันตัวผู้ต้องขัง โดยผู้พิพากษาศาลจังหวัดขอนแก่น ให้ประกันตัวผู้ต้องหา 3 ราย ประกอบด้วย นายจิรัฐตระกูล สุมมะหา, นายอดิศัย วิบูลย์เสข และ นายอุดม คำมูล ส่วน นายสุทัศน์ สิงห์บัวขาว ศาลไม่ให้ประกันตัว เพราะมีคดีความหลายคดี
คดี เผาศาลากลางจังหวัดขอนแก่น และสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีขอนแก่น ยังถือว่า ผู้ต้องขังทั้ง 4 ราย เป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะยังไม่เริ่มกระบวนการในชั้นศาล โดยคดีนี้จะต้องรอคำสั่งอัยการสูงสุดเสียก่อน โดยจะนัดพร้อมคดีประมาณเดือนมกราคม 2555 ว่า อัยการสูงสุดจะมีคำสั่งเป็นอย่างไร หรือจะมีการนัดสืบพยานโจทย์/จำเลย อย่างไรต่อไป
สำหรับบรรยากาศบริเวณด้านหน้าเรือนจำกลางจังหวัดขอนแก่น เต็มไปด้วยความคึกคัก กลุ่มคนเสื้อแดงทั้งที่เป็นญาติผู้ต้องหาและผู้มาให้กำลังใจ ต่างนำดอกไม้ พวงมาลัยธนบัตร เตรียมมามอบให้กับผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย โดยผู้ต้องหา 3 ราย ได้ออกจากเรือนจำกลางขอนแก่น เมื่อเวลา 18.10 น.โดยคนเสื้อแดงต่างส่งเสียงโห่ร้องดีใจอย่างกึกก้อง
เปิดจดหมายเหยื่อที่ยังไม่ได้ประกันตัวแค่รายเดียวเคยบ่น"อยากตาย"
สำหรับ นายสุทัศน์ที่ไม่ได้ประกันตัวเพียงรายเดียว เคยเขียนจดหมายส่งถึงทนายอานนท์ นำภา ตอนปีใหม่ โดยอยู่ในสภาพสิ้นหวังและอยากตาย เพราะความหวังที่เขาจะแต่งงานในปีหน้าหมดลง พ่อแม่ก็เสียใจ แต่เขาอยากให้คนเสื้อแดงต่อสู้ต่อไป ดังมีรายละเอียดจดหมายดังนี้
สวัสดีครับ สวัสดีปีใหม่54 ทนายอานนท์ ขอให้มีความสุขสมบูรณ์ทุกสิ่งในชีวิต
ผมชื่อนายสุทัศน์ สิงห์บัวขาว อายุ 29 ปี อยู่บ้านหนองปิง เลขที่ 111 หมู่18 ต.สาระถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000 ถ้ามีโอกาสได้ออกไปจากคุกให้พี่ติดต่อตามนี้ ถ้าไม่ได้ออกก็ติดต่อมาที่คุก เรือนจำขอนแก่นนะครับ ทางกรุงเทพมีข่าวอะไรก็บอกด้วยนะคับ
คือตอนนี้พวกเราติดอยู่ในคุกกันมีอยู่ 4 คน คือ ผมสุทัศน์ 2.นายอดิศัย วิบูลย์เศษฐ อายุ 52 ปี 3.จิรัฐตระกูล สุมะหา อายุ 52 ปี 4.อุดม คำมูล อายุประมาณ 40 กว่าปี มีอุดม มีคดีอยู่ที่ NBT และธนาคารกรุงเพทฯ มี 2 คดี และตาอดิศัย กับพี่จิรัฐตระกูลมี 1 คดี คือ ศาลากลางขอนแก่น และผมด้วยคือ นายสุทัศน์
ผมมี 3 คดี คือ 1.ศาลาขอนแก่น มี 3 คน 2.ธนาคารกรุงเทพ มี 8 คน 3.หน้าบ้าน ส.ส.ที่นายตัวที่มันไปอยู่กับภูมิใจไทยหรือภูมิใจโจร มันชื่อ ส.ส.ปจ เป็นคนที่คนขอนแก่นรักมากที่สุดในตอนนี้ครับพี่ โดยเฉพาะคนเสื้อแดง (นปช.) รักมากที่สุดเลยครับ
ต้องขอโทษด้วยถ้าเขียนตัวหนังสือไม่ถูกเพราะเรียนมาน้อย ทุกวันนี้นะครับพี่เรื่องที่ผมคิดมากที่สุดคืออยากจะตายมากเลย มีคนเสื้อแดงให้กำลังใจและคนอยู่ในคุกก็ให้กำลังใจดีอยู่ แต่ผมก็อยากจะตายอยู่ดี เพราะผมคิดว่าถ้าจะให้ติดคุก ให้ผมตายจะดีกว่ามากเลย เพราะผมทำให้พ่อแม่พี่น้องผมเสียใจ แล้วผมกำลังจะแต่งงานด้วยในปีหน้านี้ แล้วมาถูกจับแบบนี้ผมขอตายจะดีกว่าเพราะตายแล้วพ่อแม่ผมเสียใจทีเดียว
แต่ติดคุกพ่อแม่พี่น้องผมเสียใจทุกวันแบบนี้มันทรมานมาก ผมบอกกับแฟนผมว่าให้ไปหาคนอื่นได้แล้ว แต่เขาก็มาเยี่ยมผมทุกวันและแฟนผมก็ออกจากงานมาเยี่ยมผมทุกวันเลย ตอนนี้ผมได้แต่คิดว่าผมคงไม่มีโอกาสที่จะได้ออกไปจากคุกนี้แน่นอนเลยครับพี่
สุดท้ายแล้วผมขอให้แดง (นปช.) ของเราจงสู้ต่อไปและอย่ายอมแพ้กับเรื่องไม่ถูกต้องในสงคราม (สู้ต่อไปนะแดง นปช.)
ศาลอุทธรณ์ไม่ให้ประกันตัว 4 นปช.อุบลฯ อ้างเหตุอัตราโทษสูงหวั่นผู้ต้องหาหนี
บ่ายวันเดียวกัน กลุ่ม ส.ส.พรรคเพื่อไทย อีสานใต้ จำนวน 10 คน ใช้ตำแหน่งสมาชิกผู้แทนราษฎรและหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินในเขตเทศบาลนคร อุบลราชธานี มูลค่า 16 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ที่ใช้ยื่นประกันตัว 4 สมาชิก นปช.ที่ถูกตัดสินจำคุกคนละ 33 ปี 4 เดือน คือ น.ส.ปัทมา มูลมิล นายธีรวัฒน์ สัจสุวรรณ นายสนอง เกตุสุวรรณ นายสมศักดิ์ ประสานทรัพย์ จำนวน 25 ล้านบาท
โดยผู้พิพากษาศาลจังหวัดอุบลราชธานี มีความเห็นว่า เนื่องจากเป็นคดีร้ายแรง และศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาลงโทษในอัตราสูง ทำให้เกรงจำเลยทั้ง 4 จะหลบหนี จึงยกคำร้องการขอปล่อยตัวชั่วคราว
นายวัฒนา จันทศิลป์ ทีมทนายความกล่าวว่า มี 2 แนวทางคือ อาจจะยื่นอุทธรณ์การยกคำสั่งขอปล่อยตัวจำเลยชั่วคราว ต่อศาลอุทธรณ์อีกครั้ง หรือจะยื่นฎีกาคำสั่งการยกคำร้องของศาลอุทธรณ์ ให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณาต่อไป
คุกสาว24พ้นโทษเฉียด60แม่วอนพท.-นปช.ยื่นมือ คอป.ปรองดองศาลต้องเป็นกลาง-รู้จักคดีการเมือง
รายงานความคืบหน้า คอป ครั้งที่ 1
แม่ของสาวเสื้อแดงวัย 24ถูกศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ลดเหลือ 33 ปี หากต้องรับโทษตามคำตัดสิน เธอจะได้รับอิสรภาพตอนอายุ 57 วอนให้นปช.-ส.ส.เพื่อไทยยื่นประกัน
ส่วนเอกสารนี้เป็นของศอฉ.ที่เคยเสนอนายกฯกล่าวถึงศาลว่า พึงใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมทางอาญาด้วยความระมัดระวัง ไม่ตั้งข้อหากับผู้ที่เกี่ยวข้องในการชุมนุมรุนแรงเกินสมควร..ศาลยุติธรรม ควรได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน และเป็นกลางเพื่อให้สามารถเข้าใจสถานการณ์ในภาพรวมได้อย่างรอบด้าน และมีข้อมูลที่เพียงพอในการให้ความเป็นธรรม โดยเฉพาะสถานการณ์ภายหลังที่มีการเปลี่่ยนแปลงการปกครองประเทศโดยการรัฐ ประหารเมื่อวันที่่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙
ก่อนหน้านี้เวบไซต์ ข่าวสดออนไลน์รายงาน ว่า วันที่ 25 ส.ค. นางวาสนา มาบุตร อายุ 49 ปี มารดาของ น.ส.ปัทมา มูลมิล อายุ 24 ปี ซึ่งศาลจังหวัดอุบลราชธานี พิพากษาให้จำคุก 33 ปี 4 เดือน โดยตัดสินว่า ร่วมกับพวกวางเพลิงเผาอาคารศาลากลางจังหวัด โดยนางวาสนาเรียกร้องให้กลุ่ม นปช.และพรรคเพื่อไทย ช่วยประกันตัวบุตรสาวในชั้นอุทธรณ์ และให้ช่วยเหลือผลทางคดี เพราะได้รับโทษสถานหนัก พร้อมทั้งเชื่อว่าบุตรสาวไม่ได้เป็นผู้เผาอาคารศาลากลาง เพียงแต่อยู่ร่วมในเหตุการณ์ด้วยเท่านั้น
ปัทมา มูลมิล
โดยนางวาสนา เล่าว่า น.ส.ปัทมาเป็นลูกคนที่ 3 และเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว โดยเข้าร่วมชุมชนกับกลุ่ม นปช.ทั้งที่ จ.อุบลราชธานี และกรุงเทพฯ เพราะต้องการช่วยเหลือประเทศชาติให้มีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ส่วนวันเกิดเหตุเผาศาลากลางบุตรสาวมาช่วยเปิดร้านขายอาหารตามสั่งที่ตั้ง อยู่เลขที่ 168 ในซอยชยางกูร 21 ถ.ชยางกูร ต.ในเมือง อ.เมือง
หลังจากนั้นก็ได้ออกไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง โดยบุตรสาวเล่าว่า วันเกิดเหตุวิ่งหลบหนีเข้าไปในอาคารศาลากลางจังหวัด เพราะกลัวถูกทหารยิง และได้พบกับชายสวมไอ้โม่งปิดบังใบหน้า ในมือถือขวดบรรจุน้ำมัน พร้อมยื่นน้ำมันให้กับบุตรสาว เพื่อใช้ราดอาคารศาลากลาง แต่ลูกสาวไม่รับ ชายคนดังกล่าวจึงเอาขวดน้ำมันกลับไปราดเอง และวิ่งหลบหนีไป
ส่วนความช่วยเหลือตั้งแต่บุตรสาวถูกจับกุม ไม่เคยได้รับการช่วยเหลือจาก นปช.หรือ ส.ส.พรรคเพื่อไทย มีเพียงอาจารย์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีแห่งหนึ่ง ฝากเงินไว้ที่ร้านค้าสวัสดิการของเรือนจำให้กับผู้ต้องขัง นปช.ใช้จ่ายคนละ 1,000 บาทต่อเดือน ปัจจุบันนางวาสนาต้องจ่ายเงินกู้รายวันๆละ 500 บาท เพื่อใช้หมุนเวียนในร้านขายอาหารตามสั่ง เพราะมีเงินไม่พอใช้และยังขาดคนช่วยเหลือระหว่างให้บริการลูกค้าด้วย
ตัดสินคุกตลอดชีวิตคดีการเมือง ศาลขัดหลักปรองดองที่ศอฉ.เสนอ
ทั้งนี้คอป.เคยนำเสนอคดีคนเสื้อแดงกับกระบวนการยุติธรรมยื่นต่ออดีตนายกฯอภิสิทธิ์ (คลิ้กดูรายละเอียด)
คอป.เห็นว่ารัฐบาลและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกํากับควบคุมการ ใช้อํานาจรัฐ ทุกฝ่ายพึงใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมทางอาญาด้วยความระมัดระวัง ไม่ตั้งข้อหากับ ผู้ที่เกี่ยวข้องในการชุมนุมรุนแรงเกินสมควร ควร ให้ความสําคัญกับการคุ้มครองสิทธิพื้นฐานของทุกฝ่าย ให้โอกาสในการต่อสู้คดีและลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้ต้องหา ซึ่่งต้องได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ
์และส่งเสริมให้กระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะศาลยุติธรรมได้รับข้อมูลที่ครบ ถ้วนและเป็นกลางเพื่อให้สามารถเข้าใจสถานการณ์ในภาพรวมได้อย่างรอบด้าน และมีข้อมูลที่เพียงพอในการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ศาลยุติธรรมซึ่งเป็นที่่พึ่งสุดท้าย มีความจําเป็นต้องเข้าใจถึงความซับซ้อนของปัญหา โดยพึงตระหนักถึงพัฒนาการที่ยาวนานและความซับซ้อนของปัญหาที่นํามาสู่ความ ขัดแย้ง โดยเฉพาะสถานการณ์ภายหลังที่มีการเปลี่่ยนแปลงการปกครองประเทศโดยการรัฐ ประหารเมื่อวันที่่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ทําให้ในสายตาของคนบางกลุ่มการกล่าวอ้างถึงกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมมีปัญหาเรื่่องความชอบธรรมและความสอดคล้องกับหลัก นิติธรรม
เสื้อแดงตัดสินอย่างไว มาร์ค-เทือกคนสั่งฆ่ายังลอยนวล ชวนท้าผิดก็เอาผิดเลย
เมื่อวันก่อน ส.ส.ดร.สุนัย จุลพงศธร กับส.ส.ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประท้วงลบเหลี่ยมมีดโกนของชวน หลีกภัย ที่ฉวยโอกาสปรักปรำทักษิณว่าสั่งฆ่า 3จังหวักดชายแดนภาคใต่ ซึ่งตอนท้ายนายชวนต้องออกมาตอบณัฐวุฒิที่อภิปรายพาดพิงว่านายอภิสิทธิ์สั่ง ฆ่าคนเสื้อแดง 92 ศพแต่ไม่ยอมรับ โดยบอกว่า
ที่บอกว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์สั่งฆ่า 91 ศพ เรื่องนี้ไม่ใช่การแก้แค้น แต่ต้องดำเนินการตามหลักนิติธรรม ถ้าเป็นเรื่องจริงต้องดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ใครเผาบ้านเผาเมืองเผาศาลากลาง ก็ต้องสอบกันตามกฎหมาย การยึดหลักนิติธรรมไม่ใช่การแก้แค้น นายกฯสั่งฆ่าคนถ้าศาลว่าผิดก็ต้องผิด ใครเผาศาลากลางถ้าศาลว่าผิดก็ต้องผิด
“สมยศ” ร่อนจดหมาย หวังนักสิทธิ-นักสหภาพฯ ทั่วโลก จี้ไทยปล่อยนักโทษการเมือง
ประชาไท รายงานว่า เมื่อวันที่ 25 ส.ค. กลุ่มนักกิจกรรมได้เปิดเผยจดหมายของ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่ถูกคุมขังไว้มาตั้งแต่ วันที่ 30 เมษายน 2554 เป็นต้นมา โดยในจดหมายระบุว่าเป็นการเขียนในวันที่ 20 ส.ค. 54 ซึ่งสมยศมีความคาดหวังว่านักสิทธิมนุษยชนและนักสหภาพแรงงานทั่วโลก จะได้ร่วมกันเรียกร้องต่อรัฐบาลไทยให้ปล่อยตัวนักโทษการเมืองเป็นผลสำเร็จ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวสู่สังคมประชาธิปไตยต่อไป
วันที่ 20 สิงหาคม 2554
ผมถูกจองจำอยู่ในเรือนจำตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2554 เป็นต้นมาด้วยข้อหา “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” หรือ ละเมิดต่อมาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา ผมขอขอบพระคุณทุกท่านทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ได้ร่วมกันแสดงความห่วงใย มาเยี่ยมเยือนที่เรือนจำและได้ร่วมกันเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษการเมืองใน ประเทศไทย
ผมได้ต่อสู้เพื่อสิทธิผู้ใช้แรงงานมากว่า 20 ปี เพื่อให้ผู้ใช้แรงงานรอดพ้นจากความยากจน หิวโดย มีชีวิตความเป็นอยู่สมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ อาทิเช่น สิทธิการประกันสังคมในปี 2533 สิทธิการลาคลอด 90 วันได้รับค่าจ้าง และสิทธิการทำงานที่ปลอดภัยในปี 2536 สิทธิการได้รับค่าชดเชยเมื่อถูกเลิกจ้าง และประกันการว่างงานในปี 2546 สิทธิการรวมตัวเป็นสหภาพแรงงาน และการนัดหยุดงานในปี 2548
สิทธิของผู้ใช้แรงงานในด้านต่าง ๆ เกิดจากการต่อสู้ที่เข้มแข็งของขบวนการแรงงาน จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมได้เรียนรู้ว่าความก้าวหน้าด้านสิทธิเสรีภาพของผู้ใช้แรงงานได้มาภายใต้ การเมืองประชาธิปไตย มีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง หากมีการรัฐประหารเกิดขึ้นมักจะทำลายสิทธิเสรีภาพของผู้ใช้แรงงาน ตัวอย่างเช่น การรัฐประหาร 23 กุมภาพันธ์ 2534 ผู้นำแรงงานนายทะนง โพธิ์อ่าน ถูกอุ้มฆ่าตาย มีการยกเลิกสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งจำกัดสิทธิการเจรจาต่อรองของสหภาพแรงงาน ในขณะที่การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 มีการแก้ไขกฎหมายแรงงานเพื่อให้มีการจ้างงานเหมาค่าแรงขยายตัวมากขึ้น และมักจะกดค่าจ้างให้ต่ำอยู่เสมอ
ดังนั้นเมื่อมีการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เกิดขึ้น ผมจึงไปเข้าร่วมกับขบวนการประชาธิปไตยต่อต้านการรัฐประหาร ด้วยการจัดทำนิตยสารการเมืองวิพากษ์วิจารณ์รัฐประหาร เมื่อประชาชนได้รวมตัวกันเป็นแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) มีการชุมนุมเดินขบวนหลายครั้งจนกระทั่งรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ใช้กำลังทหารปราบปรามอย่างป่าเถื่อนในเดือนพฤษภาคม 2553 มีผู้เสียชีวิต 91 ศพ รัฐบาลได้สั่งปิดนิตยสารแล้วจับกุมผมไปขังไว้ที่ค่ายทหารจังหวัดสระบุรี โดยไม่มีความผิดเป็นเวลา 21 วัน
หลังจากได้รับการปล่อยตัวผมก่อตั้งนิตยสาร Red Power วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลด้านต่าง ๆ ได้เปิดโปงรัฐบาล ซึ่งให้สัญญาจะเพิ่มค่าจ้างขึ้นต่ำวันละ 250 บาทเท่ากันทั่วประเทศในเดือนสิงหาคม 2553 แต่ไม่ได้ทำตามสัญญาดังกล่าว นอกจากนี้ยังได้เปิดโปงเบื้องหลังการสั่งฆ่าประชาชน 91 ศพ ในเดือนตุลาคม 2553 รัฐบาลสั่งปิดโรงพิมพ์ที่รับจ้างพิมพ์งานให้กับ Red Power ทำให้ผมต้องไปทำการผลิตที่ประเทศกัมพูชา
นับตั้งแต่รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา มีประชาชนทุกสาขาอาชีพ อาทิเช่น นักวิชาการ นักการเมือง นักกิจกรรมแรงงาน นักศึกษา นักเคลื่อนไหวประชาธิปไตย ฯลฯ ต้องกลายเป็นนักโทษการเมืองในคดี “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” หลายคนถูกซ้อมทุบตีในเรือนจำ หลายคนต้องลี้ภัยการเมืองไปอยู่ต่างประเทศ ผู้สื่อข่าวชาวต่างประเทศหลายคนต้องถูกเนรเทศออกไปจากประเทศไทย
มีนักกิจกรรมแรงงาน 3 คนด้วยกันซึ่งถูกกล่าวหาในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพคือ อาจารย์ใจ อึ้งภากรณ์ และภรรยา ต้องลี้ภัยการเมืองไปอยู่อังกฤษ นางสาวจรรยา ยิ้มประเสริฐ หัวหน้าโครงการรณรงค์เพื่อแรงงานไทย (Thai Labour Compaign) ไม่สามารถเดินทางกลับมาประเทศไทยได้อีกต่อไปอีกต่อไป นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตผู้อำนวยการศูนย์บริการข้อมูลและฝึกอบรมแรงงาน (Center for Labour Information Service and Training)
ประชาชนคนไทยถูกปลูกฝังให้ยอมรับสิ่งที่เรียกว่า “ระบอบการปกครองประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” โดยที่ใครก็ตามที่มีความเห็นแตกต่างไปจากนี้ถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ
ผมเป็นเพียงสื่อมวลชนที่เป็นเวทีความคิดอิสระที่ทุกคน ทุกฝ่าย มีสิทธิเสรีภาพแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง หรือกระทั่งมีความใฝ่ฝันถึงสังคมใหม่ที่แตกต่างไปจากสังคมปัจจุบัน แต่ผลลัพธ์ก็คือ ผมถูกดำเนินคดีในข้อหา “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” หรือกระทำความผิดตามมาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา
กฎหมายดังกล่าวเป็นเครื่องมือในการลิดรอนสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นทาง การเมือง และเป็นเครื่องมือในการปราบปรามประชาชน นอกจากนี้ผู้ถูกกล่าวหาในคดีดังกล่าวยังไม่ได้รับสิทธิการประกันตัวอีกด้วย อันเป็นการละเมิดต่อหลักปฏิญาณสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
การถูกคุมขังเป็นนักโทษการเมือง สูญเสียอิสรภาพในทุกด้าน ทำให้ชีวิตของผมเหมือนกับ “สัตว์เลี้ยงในกรงขัง” ผมได้รับความเจ็บปวดทุกทรมานทั้งร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรง นักโทษการเมืองคนอื่น ๆ หลายคนสูญเสียชีวิตครอบครัวและอาชีพการงานไปอย่างน่าเสียดาย
ผมได้รับทราบข่าวจากผู้มาเยี่ยมเยียนว่าเพื่อน ๆ นักสิทธิมนุษยชนและนักสหภาพแรงงานทั่วโลกได้ร่วมกันประท้วงต่อรัฐบาลไทย เรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษการเมือง จึงเป็นการเคลื่อนไหวที่มีคุณค่าความหมายของประชาชนคนไทย และประชาชาติทั่วโลกเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกันของสังคมสันติสุข ที่มีความเสมอภาค มีสิทธิเสรีภาพ และประชาธิปไตยที่แท้จริง
ผมเชื่อมั่นอย่างเต็มที่เปี่ยมว่าพลังแห่งความร่วมมือและการสมานฉันท์สากล ของสหภาพแรงงานและผู้รักความเป็นธรรมทั่วโลกจะได้ร่วมกันเรียกร้องต่อรัฐบาล ไทยให้ปล่อยตัวนักโทษการเมืองเป็นผลสำเร็จซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวสู่ สังคมประชาธิปไตยต่อไป
ด้วยจิตใจสมานฉันท์
(นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข)
*******
เรื่องเกี่ยวเนื่อง
-จำคุก 4 เสื้อแดงอุบล 33 ปี 4 เดือน-ปล่อย 9 ผู้บริสุทธิ์หลังขังฟรีปีกว่า
-คอป.สรุปชี้ชัด ทหารฆ่าให้ลากขึ้นศาล DSIตกเป็นเครื่องมือมาร์ค-ศาลตัดสินต้องดูบริบทด้วยว่ามีแรวจูงใจจากทางการ เมือว ไม่ใช่คดีอาชญากรรม-จี้ยุติขังลืมแดง-ค้านนิรโทษฯ
- ฮิวแมนไรต์ฯกดดันปูเอาผิดฆาตกร-ฟันหัวโจกพธม.หลังดองคดี3ปีลอยนวล