คอลัมน์ เหล็กใน
มันฯ มือเสือ
|
กรณีแถลงรายงานการสอบข้อเท็จจริง "อีเมล์ ซื้อสื่อ"
ทั้ง ที่ในรายงานคณะอนุกรรมการเองก็สรุปไม่ได้ว่ามีการซื้อหรือติดสินบนสื่อจริง แต่แทนที่เรื่องจะจบ อนุกรรมการกลับกระทำการเลยเถิดไปจากหัวข้อตรวจสอบ
กล่าวหาหนังสือพิมพ์ 3 ฉบับ ข่าวสด มติชน และไทยรัฐ เอนเอียงเข้าข้างยิ่งลักษณ์และเพื่อไทย ไม่เข้าข้างอภิสิทธิ์กับประชาธิปัตย์
โดยวัดจากการลงภาพข่าวหน้า 1 การพาดหัวข่าว และการลงโฆษณา
หลัง แถลงผลสอบ หมอวิชัย ยังรีบไปให้การคดีที่ประชาธิปัตย์หยิบเอา "อีเมล์ซื้อสื่อ" นี้มาเป็นมูลเหตุยื่นต่อกกต. เสนอให้ยุบพรรคเพื่อไทย
ขณะที่ประชาธิปัตย์ก็นำรายงานของอนุกรรมการนี้เข้ายื่นเพิ่มเติมต่อกกต.เช่นกัน
อย่าง ที่บอกตอนแรกนึกว่าสภาการหนังสือพิมพ์ฯ ในฐานะผู้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการชุดนี้ขึ้นมา ยังไม่ได้ประทับตรารับรองผลสอบตามที่หมอวิชัยแถลง
แต่ปรากฏว่า นายสุนทร จันทร์รังสี รองประธานสภาการหนังสือพิมพ์ฯ ยืนยันเองว่า ผลสอบดังกล่าวผ่านการรับรองเห็นชอบของสภาการหนังสือพิมพ์ฯ เรียบร้อยแล้ว
แต่ อ้างว่าเป็นแค่รายงานเบื้องต้น ไม่ใช่การวินิจฉัยขั้นสุดท้าย ยังมีขั้นตอนที่หนังสือพิมพ์ผู้ถูกกล่าวหาสามารถยื่นอุทธรณ์โต้แย้งได้ภายใน 20 วัน
อยากรู้จริงๆ ว่าคนสภาการหนังสือพิมพ์ฯ ทั้งหมดเห็นชอบในกรณีนี้ด้วยหรือไม่
อีกเรื่องที่แปลกก็คือ นายสุนทร บอกด้วยว่าการนำเสนอข่าวในทำนองต้องการลดความน่าเชื่อถือของคณะอนุกรรมการ เป็นสิ่งไม่ควรกระทำ
เนื่องจากทุกท่านเป็นผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก เสียสละเวลามาทำงานให้สภาการหนังสือพิมพ์ฯ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
เพื่อช่วยขจัดข้อสงสัยทางจริยธรรมที่สังคมกำลังเคลือบแคลงต่อองค์กรสมาชิก และผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ที่ถูกกล่าวหา
ที่ ว่าแปลกก็เพราะ ทีตัวเองเที่ยวกล่าวหาดิสเครดิตคนอื่นได้เป็นวรรคเป็นเวร พอเขาออกแถลงการณ์ตอบโต้บนหลักการของการตรวจสอบอย่างมีเหตุมีผล และเป็นไปตามจรรยาบรรณวิชาชีพ
ดันบอกว่าเป็นสิ่งไม่ควรกระทำ
อย่างนี้ใครกันแน่ที่มีปัญหาทางจริยธรรมให้สังคมต้องเคลือบแคลง