บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอังคารที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2551

จากรุ่งโรจน์สู่ร่วงโรย

บทความ โดย ปูนนก

จากรุ่งโรจน์สู่ร่วงโรย

หลังจากภาพที่ฉายออกมาให้เห็นเป็นระยะ ๆ นับจากที่ ท่านนายกสมชาย วงศ์สวัสดิ์โปรดเกล้าเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจนถึงขณะนี้ แม้ว่าจะยังไม่ได้แถลงนโยบายกับสภาเลย แต่ผลงานที่ท่านนายกสมชาย ได้กระทำเพื่อก่อให้เกิดความสงบขึ้นในบ้านเมืองนั้นได้เห็นเป็นประจักษ์อย่างขัดเจนทีเดียว.... เริ่มจากที่ท่านนายกสายเหยี่ยวอย่างท่านสมัคร สุนทรเวช ได้เข้ามาเป็นผู้ถือธงนำทัพของ ส.ส. พรรคไทยรักไทยเดิม จนกระทั่งทำให้ พปช. สามารถฝ่าด่านอุปสรรคและแรงกดดันทุกอย่างจนสามารถเข้ามาเป็นแกนนำในการก่อตั้งรัฐบาลได้ในขณะนี้ นี่คือความสำคัญอันยิ่งยวดของท่านนายกสมัคร ที่ได้ประกอบคุณูปการไว้กับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในประเทศไทยที่เข้าสู่ช่วงวิกฤติขณะนั้น

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าความขัดแย้งทางความคิดที่เริ่มขึ้นจากปลายปี 2548 เริ่มรุนแรงขึ้นเพราะการประท้วงของม๊อบ พธม. และการปะทะกันทางความคิดในการปกครองประเทศเพื่อให้พัฒนาไปสู่ความเป็นสากลได้จบลงเมื่อเกิดรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน 2549 ดูเหมือนว่าในห้วงเวลานั้นทุกอย่างได้หยุดชะงักลงและกำลังถอยหลังนำประเทศกลับไปสู่การเมืองการปกครองเมื่อ 40 ปีที่แล้ว เศรษฐกิจหยุดชะงัก, การท่องเที่ยวชะลอตัว, ตลาดหุ้นเริ่มลดลง พธม. กลายเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางและความเป็นไปภายในประเทศ ผู้นำ พธม. ที่สำคัญนายสนธิ ลิ้มทองกุล, พล.ต. จำลอง ศรีเมือง, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายพิภพ ธงไชย และนายสุริยะใส กตะศิลา เป็นประดุจผู้นำประเทศเรียกว่าต้องการสิ่งใดต้องได้ ใครไม่เห็นด้วยหรือชัดขวางจะต้องได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง และจะถูกโจมตีจากสื่อหรือแนวร่วม พธม. อย่างหนัก

ในห้วงเวลานั้น พธม. โดยแกนนำอาจหาญถึงขั้นยกขบวนไปปิดถนน ปิดสถานที่ราชการ ปิดสถานทูต หรือแม้กระทั่งไปปิดห้างสรรพสินค้าก็ทำได้โดยไม่มีใครกล้าทำอะไร ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือแม้แต่รัฐบาลก็ได้แต่มองดูตาปริบ ๆ ประชาชนก็ต้องคอยหลีกเลี่ยงความเดือดร้อนกันเอาเอง เหมือนบ้านเมืองไร้ขื่อแปร มีเงินบริจาคนับร้อยล้านบาทในแต่ละเดือนมีมวลชนให้การสนับสนุนนับหลายหมื่น และในที่สุดเมื่อความรุ่งโรจน์ถึงที่สุดเหล่าแกนนำ พธม. ก็เลยคิดไปว่าประเทศนี้บ้านเมืองนี้เป็นของตนเองจริงๆ ไม่มีใครมาหาญกล้าต่อกรหรือทำอะไรได้ และแล้วจุดสุดยอดของความอาจหาญก็มาถึงในวันที่ 26 สิงหาคม 2551 โดยบุกเข้ายึดสถานีโทรทัศน์ NBT และในที่สุดก็เข้าไปยึดที่ทำงานของรัฐบาลคือทำเนียบรัฐบาล ทำเอารัฐบาลในขณะนั้นต้องระเห็จไปเร่ร่อนทำงานในที่ต่าง ๆ เหมือนนกขมิ้นไม่มีรังนอน พธม. ประกาศชัยชนะและเข้าใจว่าได้ยึดอำนาจรัฐเอาไว้ได้แล้ว......

เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งที่ พธม. ยึดได้ก็คือ ตัวตึกที่ชื่อว่า บ้านนรสิงห์ หาใช่อำนาจรัฐตามที่เข้าใจไม่ และสุดท้ายก็ไปติดกับตัวเองอยู่ภายในทำเนียบรัฐบาลพร้อมกับสายโซ่ที่ผูกคอเอาไว้คือ หมายจับในคดีกบฏ และนับเนื่องเวลาที่ผ่านเลยไปเรื่อยๆ ตามวัฏฏะของสังสารวัตร ในที่สุดความเสื่อมก็มาถึงม๊อบ พธม. เข้าจนได้ จากที่เคยมีผู้เข้าร่วมชุมนุมนับหมื่นจำนวนผู้คนก็ลดลงเหลือจำนวนพัน และจากจำนวนพันก็เหลือจำนวนร้อย พร้อมด้วยคำก่นด่ากระหึ่มเมืองว่า เบื่อม๊อบพันธมิตร ด้วยกำลังกลายเป็นจำเลยของสังคมที่เป็นต้นเหตุให้เศรษฐกิจของชาติพังทลาย และจากคำกล่าวอ้างที่เคยอวดเอาไว้ว่า จะเกิดการนองเลือดถ้าแกนนำพันธมิตรถูกจับ ด้วยเหตุนี้ทันทีที่นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และ พล.ต. จำลอง ศรีเมือง แกนนำคนสำคัญของ พธม. ถูกควบคุมตัว แรงกระเพื่อมอย่างรุนแรงเริ่มเกิดขึ้นกับม๊อบ พธม. ทันที

พธม. กำลังระดมพลครั้งใหญ่อีกครั้ง (ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไรแล้ว) เพื่อกดดันให้มีการปล่อยตัวแกนนำทั้งสองคนโดยในครั้งนี้ข่มขู่ว่าจะไปปิดล้อมรัฐสภา, จะป่วนประเทศโดยปิดสนามบิน และอื่น ๆ แกนนำพันธมิตรอาจจะกำลังคิดว่าตนเองยังคงอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์เหมือนเมื่อ 3 ปีที่แล้วกระมัง แต่น่าเป็นเรื่องจริงที่ว่าจากกระแสการตอบรับของมวลชนในเวลานี้ แนวร่วมพันธมิตรไม่ว่าจะเป็นใครต่างก็กำลังต่อสู้กับปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวอย่างหนักไปทั่วโลก ดังนั้นจึงคงจะยากเสียแล้วกระมังที่จะจุดม๊อบให้รุ่งโรจน์ได้เหมือนเดิมอีกครั้ง และถ้าเกิดการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงของม๊อบเพื่อกดดันรัฐบาลอีกครั้งจริงอย่างที่ว่าจริง ความอดทนของคนไทยในภาคส่วนอื่นซึ่งกำลังจะหมดลง คงจะไม่ยอมให้พันธมิตรทำได้ตามอำเภอใจเหมือนเดิมอีกแล้วละกระมัง เเละท่านนายกสมชายเองก็บอกตรงไปตรงมาว่าจะให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งเพียงแค่ไม่กี่วันแกนนำ 2 คนก็ถูกจับกุมตัว เมื่อเป็นอย่างนี้แกนนำพันธมิตรและแนวร่วมที่พยายามจะทำลายชาติบ้านเมืองอย่างโจ่งแจ้งขณะนี้จะทำอย่างไร และจะมีแผ่นใดให้หลบหนีไปอยู่ได้บ้าง ก็ยังคงสงสัยอยู่

พระพุทธพจน์ขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสถึงสิ่งต่าง ๆ ที่บังเกิดในโลกว่าทุกสิ่งนั้นจะต้อง เกิดขึ้น...ตั้งอยู่...ดับไป ไม่มีสิ่งใดที่คงทนถาวร มีลาภก็มีเสื่อมลาภ......มียศก็เสื่อมยศ ม๊อบพันธมิตรและแกนนำพันธมิตรในเวลานี้ก็เช่นกัน คงจะต้องกล่าวได้แต่เพียงว่า อดีตนั้นเคยรุ่งโรจน์ปัจจุบันกลับสู่ความร่วงโรย เสียแล้ว

ปูนนก

จาก thaifreenews

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker