บทความโดย...ลูกชาวนาไทย
คือสถานการณ์ทางการเมืองตอนนี้ ที่ผมประเมินได้คือ ความแตกแยกในกลุ่มคนชั้นสูง เกี่ยวกับปัญหา การสืบทอดอะไรนี่แหละ แต่ก่อนพวกเขาคิดว่าสามารถถ่วงเวลาไปได้อีกอย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่า 5 ปี คนอาจลืมทักษิณ แล้วก็สามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างในสังคมให้ย้อนกลับไปสู่สถานการณ์ดั้งเดิมได้ เหมือนสภาพการเมืองก่อนปี 2540 ทำให้การเมืองอ่อนแอ มีระบบหลายพรรค และพยายามชูเนวินขึ้นมาเพื่อให้คนอีสานเสียงแตก พรรคการเมืองที่อำมาตย์สนับสนุน คือ พรรคประชาธิปัตย์ที่อาศัยกุมฐานที่มั่นในภาคใต้ได้ และอาศัยกระแสสามารถกุมเสียง กทม.ได้สักครึ่งหนึ่ง ก็สามารถกลายเป็นพรรคอันดับหนึ่ง หรือพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างที่เคยเกิดขึ้นในยุคนายชวน หลีกภัย หรืออาจใช้เล่ห์เพทุบายโดยยืมมือตุลาการ ทำให้เกิดสภาพแบบรัฐบาลนายอภิสิทธิ์อย่างที่เราเห็น
ยุทธศาสตร์ของคนเสื้อแดงที่เคยทุ่มกำลังอย่างเต็มที่จัดชุมนุมใหญ่ในช่วงสงกรานต์ซึ่งมีผู้ร่วมชุมนุมกว่า 400,000 คน ทำให้แกนนำส่วนใหญ่คิดว่าจะสามารถใช้ม็อบล้มรัฐบาลได้ แต่ยุทธศาสตร์นี้ก็พิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ผล ทำให้มีการปรับปรุงแนวคิดในการต่อสู้กันครั้งใหญ่ของขบวนการประชาธิปไตยคนเสื้อแดง โดยเน้นยุทธศาสตร์การขยายเครือข่าย สร้างแกนนำกลุ่มย่อยต่างๆ และขยายฐานมวลชนทั้งปริมาณและคุณภาพ รวมทั้งเปิดแนวรบด้านสื่อ เพื่อเปิดเจาะแนวรบด้านสื่อที่เคยถูกล้อมกรอบโดย สื่อที่สนับสนุนอำมาตยาธิปไตยทั้งหลาย โดยรวมแล้วยุทธศาสตร์ของคนเสื้อแดงคือ การใช้กลยุทธ์ "รอคอยให้สถานการณ์ในแผ่นดินเปลี่ยนแปลง" แล้วจึงเคลื่อนไหว เป็นกลยุทธ์ที่สุมาอี้ใช้รบชนะขงเบ้ง เมื่อรู้ว่า กำลังรบด้านการทหารของฝ่ายตนเป็นรองกลศึกของขงเบ้ง แต่ก็รู้ว่ากองทัพของขงเบ้งมีทรัพยากรน้อย และไม่อาจต่อสู้ในสงครามยืดเยื้อได้ การรอคอยเวลา จึงเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับปะทะกับกองทัพที่เข็มแข้งด้านการทหาร แต่อ่อนแอด้านมวลชน
ต้องรอคอยนานแค่ไหน?
นั่นคือคำถามของคนเสื้อแดงที่อารมณ์ร้อน เลือดในกายคุกรุ่นทั้งหลาย
คำตอบของคนส่วนใหญ่ที่พอประเมินได้คือ รอคอยให้มีการ "เปลี่ยนผ่านอันยิ่งใหญ่ในแผ่นดิน" (ม. 112) หรือในฐานปฏิบัติคือรอคอยการเลือกตั้งครั้งต่อไป เพราะกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับ ม. 112 ก็อาจนาน
แต่นั้นเป็นสถานการณ์ก่อนหน้าเดือนนี้ ที่ยังไม่มีวี่แววการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย
แต่อย่างที่พระพุทธองค์ตรัสเอาไว้ "สังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยง" การเปลี่ยนแปลงในสังขารอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้นชาวพุทธทุกคนควรนึกถึง "มรณานุสติ" เอาไว้ให้มั่น เพราะความตายนั้นเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
เรื่องสังขาร นี่เองทำให้สถานการณ์ทางการเมืองไทย เกิดความไร้เสถียรภาพขึ้นในกลุ่มคนชั้นนำอย่างรุนแรง จนสังคมสามารถจับแรงกระเพื่อมนั่นได้ จากข่าวลือต่างๆ นานา ซึ่งข่าวลือเหล่านี้ หากมีความจริงอยู่บ้าง (คงไม่เท็จทั้งหมด) ก็กระทบ "แรงยึดเหนี่ยว" สำคัญของคนชั้นสูงทันที
เพราะหากมีการเปลี่ยนแปลงจริง สถานการณ์ทางการเมืองไทยจะกลับตาลปัตรอย่างรุนแรง เพราะสถานการณ์ของคนเสื้อเหลือง จะกลับกลายเป็นตรงกันข้ามทันที เพราะใครๆ ก็รู้ว่า "คนเสื้อเหลือง" นั้น "ยึดถือตัวบุคคล" มากกว่ายึดถือโครงสร้างหรือสถาบันทั้งหลาย เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ สถานการณ์ของคนเสื้อเหลือ เรื่อง Lese majesty ที่เคยเอามาใช้เป็นอาวุธเพื่อทำลายล้างคนเสื้อแดงนั้น ก็จะย้อนกลับเข้าไปทำลายล้างคนเสื้อเหลืองทันที
หลังพิงของอำมาตยาธิปไตยที่เป็นกำแพงใหญ่มหึมาของสังคม ที่คนเสื้อแดงยากที่จะลุยผ่านไปได้ "กำแพงอันนี้" กลับหายไปในทันที กลุ่มอำมาตย์ที่เคยมีกำแพงอันยิ่งใหญ่คอยค้ำจุน โดยไม่ต้องพึ่งฐานประชาชนเท่าใดนัก แต่เมื่อกำแพงหายไป และขาดฐานประชาชน สถานการณ์ก็กลับกลายเป็นอำมาตย์ไร้อำนาจ ไร้ทรัพยากรทางการเมืองไปทันที
ยิ่งสถานะของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ยิ่งดูไม่จืด จากสถานการณ์ที่ต้องหนีม็อบเสื้อแดงอย่างหัวซุกหัวซุน อย่างที่ไม่เคยมี "ประธานองคมนตรีคนไหนในประวัติศาสตร์ชาติไทย" เคยเจอมาก่อน ก็จะต้องหนี "มหาภัย" ไร้พลังไปทันที ข่าวลือตอนนี้คือ "หลบไปอยู่ในกลุ่มทหารที่เป็นคนสนิทในภาคใต้ แต่ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่
แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่จริง "กองทัพก็กลายเป็นที่พึ่งของอำมาตย์ไม่ได้" เพราะกองทัพก็ไร้กำแพงพึ่งพิงเหมือนกัน แหละหากต้องเป็นศัตรูกับประชาชน สถานการณ์ของกองทัพยิ่งแย่ ประเทศไทยตอนนี้ไม่ใช่ปี พ.ศ. 2375 ยุคพระเจ้าบรมโกศแย่งอำนาจทางการเมืองกับโอรสขุนหลวงท้ายสระ ทหารปัจจุบันเมื่ออำนาจอื่นหายไป ก็ต้องนึกถึงอาชีพของตัวเองเป็นสำคัญ ที่จะเอาชีวิตและอนาคตไปเสี่ยงกับ พล.อ.เปรม ที่ไม่มีทั้งอำนาจทางจารีตหนุนหลังและแข็งข้อกับ อำนาจทางจารีตใหม่นั้นคงยากที่จะมีใครไปเสี่ยงด้วย
โลกทุกวันนี้แคบ หากไม่รวยจริงก็ไปอยู่ต่างประเทศแบบทักษิณไม่ได้
คนผมขาว ที่เคยทำกับทักษิณไว้จนไม่มีแผ่นดินอยู่ สถานการณ์กำลังจะย้อนรอย กรรมกำลังไล่ล่าอย่างรุนแรง และอาจไม่มีแผ่นดินอยู่ยิ่งกว่าทักษิณ เพราะตอนนี้แม้ว่าจะอยู่ในประเทศได้ ก็ไม่สามารถอยู่ที่บ้านพักตนเองได้อย่างมีความสุขเหมือนแต่ก่อน
ผมคิดว่า คนผมขาวกับพวกเดินเกมพลาดอย่างรุนแรงที่ ผลักไส "คนเสื้อแดง" ที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ไปเป็นพวกของ อำนาจทางจารีต 4 ทางอ้อม
แผนการสร้างเทพเจ้าอีกคน เพื่อทดแทนคนเดิม เป็น Goddess ก็ไม่ได้รับการยอมรับจากเสื้อแดงแล้ว "ความนิยมส่วนบุคคล" ถูกความขัดแย้งทางการเมือง" ในสามปีมานี้ "ทำลายไปหมดสิ้นแล้ว" คนเสื้อแดง มองไปยังยุทธศาสตร์มากกว่าที่จะหลงใหลกับ ความนิยมส่วนบุคคล goddess ที่อยากให้เกิดก็ไม่ได้รับการยอมรับในแบบจำลองนี้สำหรับคนเสื้อแดงไปแล้ว
การรอคอยของคนเสื้อแดงที่คิดว่าจะนาน อาจไม่นานอย่างที่เราคิดกันก็ได้
ปล.ข่าวลือทั้งหลายในตอนนี้ อาจเกินเลยไปบ้าง แต่เมื่อเอาข่าวลือ และข่าวที่เป็นทางการบวกกัน ก็สามารถประเมินได้คร่าวๆ ว่า สถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ อาจหนักกว่าที่เป็นข่าวทางการ จนทำให้เกิดความไม่มั่นใจกันขึ้น