โดย Porsche
เรียบเรียงโดย Nangfa
คอลัมน์ : เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง : เข้าใจเพื่อน
โดย : กาหลิบ
ถาม กันมากว่า เบื้องหลังการลาออกของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร
จากตำแหน่งที่ปรึกษาในกัมพูชาทั้งสองตำแหน่งคือ
ที่ปรึกษาของราชอาณาจักรและ ที่ปรึกษารัฐบาลนั้น
เกิดจากความขัดแย้งระหว่างอดีตนายกรัฐมนตรีไทยกับผู้นำกัมพูชา
หรือกัมพูชาปรับเปลี่ยนนโยบายต่อฝ่ายประชาธิปไตยไทยแล้วหรืออย่างไร
สอบ ถามจากเพื่อนฝูงที่มีอยู่บ้าง ได้ความว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ ทั้งหมดคือ
มารยาทของฝ่ายไทยที่เป็นห่วงภาระทางการเมืองที่ฝ่ายกัมพูชาเขาได้ รับอยู่เท่านั้นเอง
ความจริงทางกัมพูชาก็ตอบกลับมาก่อนหน้านี้ว่า
อย่าห่วง ความกดดันใดๆ จากฝ่ายไทยไม่ได้มีผลอะไรต่อเขาเลย
ตรง กันข้าม
เมื่อเจ้าของประเทศไทยสั่งฆ่าประชาชนของตนเองอย่างโหดเหี้ยมกับสำแดง
นิสัยคน พาลในกรณีปราสาทพระวิหารออกมาชัดแจ้ง
ยิ่งทำให้กัมพูชาได้เพื่อนบ้านใกล้เคียงมาเป็นพวกเพิ่มอีก
เพียงแต่เขาไม่แสดงออกให้กระเทือนซางกันเท่านั้น
ไม่มีความจำเป็นที่คุณทักษิณต้องลาออก
อดีต นายกรัฐมนตรีก็ได้แต่ขอบคุณ และสนองถ้อยคำไปว่า
การสนับสนุนต่อฝ่ายประชาธิปไตยซึ่งกัมพูชาแสดงออกตลอดมานั้น
ก็ซาบซึ้งอยู่นักหนาแล้ว จะให้ตัวเองถ่วงน้ำหนักการทูตต่อไป
โดยไม่ได้เข้าไปช่วยอะไรให้เต็มที่ตาม ความตั้งใจนั้นก็ไม่ใช่นิสัย จึงขอตัวก่อน
ทางกัมพูชาก็เข้าใจ
กราบบังคมทูลให้พระเจ้าอยู่หัวสีหโมนีทราบฝ่าละลองธุลีพระบาทแล้ว
ก็หมดขั้น ตอนกันไป ส่วนตำแหน่งที่ปรึกษารัฐบาลนั้นนายกรัฐมนตรีกัมพูชา
ก็ได้แจ้งในที่ประชุมคณะ รัฐมนตรี ตามระเบียบ
ความสัมพันธ์ทางใจไม่ถูกกระทบกระเทือนอะไร เพราะจะให้เปลี่ยนใจ
จากประชาธิปไตยไปสู่โจร ประเทศที่โผล่พ้นน้ำมาแล้วอย่างเขาคงทำไม่ได้
แต่ รัฐบาลไทยก็ฉวยโอกาสนี้ส่งเอกอัครราชทูตกลับไปประจำการที่กรุงพนมเปญ
หลังจากที่แอบส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมาเพิ่มเติมก่อนหน้านี้แล้วนับสิบคน
ในภารกิจลับเพื่อเอาใจเจ้าของประเทศไทย
การเอาทูตใส่ ถาดกลับมาเช่นนี้ มองตามตัวอักษรแล้วก็ผิดธรรมเนียม
เพราะการยกระดับความสัมพันธ์จะต้องเกิดจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชา
ไม่ใช่จากการลาออกของอดีตนายกรัฐมนตรีไทยที่ไม่เกี่ยวอะไรกับฝ่ายกัมพูชาเขา
ท่าทีละล่ำละลักอย่างนี้ส่อแสดงว่า
ผู้มีอำนาจเมืองไทยในยุคนี้คงกลัวที่จะทำสงครามกับกัมพูชาเหลือเกิน
ท่าทีเก่งกาจที่แสดงออกมาตั้งแต่นายถึงพลนั้น ความจริงปากกล้าขาสั่นกันทั้งนั้น
สงคราม นั้น ไม่ใช่ของดี ลดเงื่อนไขให้สงครามห่างตัวไปได้
ก็เป็นเรื่องที่ควรสาธุการ แต่ปัญหาคือผู้มีอำนาจไทยเขาไม่ได้กลัวในมุมนั้น
เขากลับกลัวว่าหากเกิดการปะทะด้วยกำลังขึ้นมา จะฉาวโฉ่ไปทั่วโลกว่า
กรณีพิพาทครั้งนี้เกิดขึ้นจากความพาลหาเรื่องของฝ่าย ไทย
เพียงเพื่อสนองตอบตัณหาการเมืองภายในประเทศของคนแก่ตกโลกบางคนเท่านั้น
หาสาระใดๆ ให้เขาเคารพนับถือไม่ได้เลย
รู้อย่างนี้ก็เลยรีบส่งทูตแบบอ้าขาผวาปีก ให้ได้อายกันอีกรอบหนึ่ง
เรื่องนี้วงการทูตอาเซียนเขาก็หัวเราะกันคิกคักกันอยู่
ดร.ทักษิณ ชินวัตร ยึดอะไรเป็นเป้าหมายใหญ่และวิถีใดเป็นถนนสายหลัก
ชาวประชาธิปไตยทั่วไทยและทั่วโลกเขาก็คอยให้ท่านชี้ชัดอยู่
แต่ความเห็นอกเห็นใจและเข้าใจเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชาที่ได้แสดงออกมาคราวนี้
ก็ได้รับความชื่นชมจากผู้คนที่เขาจ้องมองอยู่มาก
เพราะเห็นว่าท่านช่วยให้ขบวนประชาธิปไตยมั่นคงแข็งแรงขึ้น
เพราะขบวนนี้ยังต้องเดินกันอีกไกลนัก.
http://democracy100percent.blogspot.com/2010/08/blog-post_26.html