คอลัมน์ เหล็กใน
สมิงสามผลัด
ในฐานะคนไทยคนหนึ่งก็ต้องดีใจเป็นธรรมดา รู้สึกว่าหายใจคล่องขึ้น โล่งอก ไม่อึดอัดเหมือนก่อนหน้านี้
เพราะพ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ใช้กันมายาวนาน 7-8 เดือน
ผู้ที่รับประโยชน์ไปเต็มๆ คือรัฐบาล
มีโล่ป้องกันตัว มีอำนาจเหลือเฟือ
หากพูดถึงประชาชนทั่วไป ซึ่งไม่ใช่คนเสื้อแดง ยังรู้สึกว่าไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
กลับถูกพ.ร.ก.พิเศษตัวนี้ละเมิดสิทธิเสรีภาพเสียด้วยซ้ำ!
เศรษฐกิจก็ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและอ้อม
ภาพการบังคับใช้กฎหมายพิเศษที่แพร่ออกไปทั่วโลก
ทำให้เมืองไทยไม่แตกต่างไปจากประเทศเผด็จการ
ถูกมองว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนรุนแรงอันดับต้นๆ
โดยเฉพาะ 91 ศพก็เป็นผลพวงของกฎหมายพิเศษตัวนี้
การยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินไปได้ เท่ากับเป็นบุญของคนไทยทั้งประเทศ
ฉะนั้น รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ควรยกเอาเรื่องการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นความดีความชอบของตัวเอง!!
แต่สิ่งที่ต้องจับตากันให้ดี คือผลที่จะตามมาหลังเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน หลังศอฉ.หมดหน้าที่
รัฐบาลต้องใจกว้าง เปิดให้มีการตรวจสอบการทำงานของศอฉ.ในช่วง 7-8 เดือนที่ผ่านมา
โดยเฉพาะเรื่องที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมาก
คืองบประมาณของศอฉ.
ความจริงหลังสลายม็อบแดงที่ราชประสงค์ไม่นาน เคยมีการเรียกร้องให้ตรวจสอบงบประมาณของศอฉ.
ตอนนั้นก็มีข่าวแว่วๆ ออกมาว่าช่วง 2-3 เดือนหลังเหตุการณ์ 19 พ.ค.
น่าจะมีการใช้งบฯ ไป 4-5 พันล้านบาท!
แบ่งคร่าวๆ เป็นเบี้ยเลี้ยงทหารเกือบ 2 หมื่นนาย
ค่ายุทโธปกรณ์ พูดประสาชาวบ้านคือค่ากระสุนปืนนั่นละ
ยังมีค่าน้ำมัน ค่าอาหาร ค่าจิปาถะอีกจำนวนมาก
ขนาดค่าตัวโฆษกที่ออกมานั่งแถลงข่าว ยังต้องจ่ายให้เป็นพิเศษ
แต่ตอนนี้ล่วงเลยจากเหตุการณ์ 19 พ.ค.มา 7-8 เดือนแล้ว
คาดการณ์ตัวเลขกลมๆ งบศอฉ.น่าจะเฉียดๆ หมื่นล้าน!
ตรงนี้แหละที่รัฐบาลโดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ต้องออกมาแจงสี่เบี้ย
เอาตัวเลขมากางกันให้เห็นชัดๆ เอาเงินภาษีประชาชนไปใช้อะไรบ้าง
จะมัวแต่พูดว่าอยากปรองดองอย่างเดียวไม่พอ
มันต้องโปร่งใสด้วย!