บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2554

จริงหรือ ที่ประเทศไทยอยู่ในอุ้งมือของกลุ่ม “สะตอ”

ที่มา Thai E-News



โดย ปาแด งา มูกอ
26 มีนาคม 2554

ขึ้นชื่อบทความนี้ ท่านผู้อ่านส่วนมากคงจะร้องอ๋อทันที โดยเฉพาะพี่น้องชาวใต้ทั้ง 14 จังหวัด แต่สำหรับพี่น้องในภาคอื่นของประเทศรวมถึงพี่น้องในเมืองหลวง กทม. อาจจะไม่ทราบข้อเท็จจริง, ความเป็นมา จนนำไปสู่ของคำที่ว่า ประเทศไทยอยู่ในอุ้งมือของ “กลุ่มสะตอ”

ผมขอลำดับความให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบ ดังนี้ครับ

“ กลุ่มสะตอ” หรือ “สะตอสามัคคี” มันเป็นคำวลีทางการเมืองที่เรียกขาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ทางภาคใต้ ที่เพียบพร้อมไปด้วย “อัตตลักษณ์” ของความเป็น “ข่นไต๊” (ออกเสียงตามตัวอักษรน่ะครับสั้นๆเน้นๆ)

โดยเฉพาะ ความเป็นอัตตลักษณ์ของคนใต้ ไม่ว่าความเป็นอยู่ ประเพณี วัฒนธรรม ความสมัครสมานสามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ที่มีมาแต่โบราณกาล คนใต้เกินร้อยครับ ในเรื่องเหล่านี้

อัตตลักษณ์พิเศษข้อหนึ่งของคนใต้ ในอดีต เมื่อ 60 - 70 ปีก่อนโน้น (สมัยท่านเปรม ท่านชวน ยังวิ่งเล่นตามท้องทุ่งอยู่เลย) ผู้หลักผู้ใหญ่หรือพ่อแม่ที่มีฐานะดีหน่อยส่วนใหญ่ มักจะส่งลูกหลานให้ไปเรียนที่กรุงเทพฯ เพื่อให้เป็น “เจ้าคนนายคน”

ไอ้ที่จะให้ลูกหลานเป็นเจ้าสัว เจ้าของโรงแรม รีสอร์ท สืบทอดวงศ์ตระกูล ก็จะเป็นของฝ่ายคนจีน อาทิเช่นตระกูล คุณอัญชลี วานิช (เทพบุตร)สุดที่รัก สปก.สี่ขีดศูนย์หนึ่ง (เป็นนามสกุลที่ยาวที่สุดในโลก)

บังเอิญเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อนบ้านมาไหว้วานให้ผมช่วยพาลูกสาวแกไปสอบที่โรงเรียนใกล้ๆสะพานติณสูลานนท์ เพื่อเข้าเรียนต่อ

เมื่อถึงโรงเรียน ขณะจอดรถใต้ต้นไม้ใหญ่เพื่อรอเจ้าหลานสาวมันสอบเสร็จ ก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันระหว่างผู้เป็นแม่และลูกสาวที่มาสอบแข่งขันเหมือนกัน ได้ยินผู้เป็นแม่พูดกับลูกสาวว่า

“อีสาว แม่ว่าเราไปกราบขอพรกับเทวรูปท่านเปรมกันก่อนดีมั้ยลูก ท่านจะได้ช่วยให้สอบได้ อยู่แค่นี้เองตีนสะพานติณฯ หน่ะ”


พอผมได้ยินก็หันไปดู เห็นหน้าลูกสาวทำหน้าเมื่อยๆยังไงชอบกลแล้วเธอก็ตอบกับแม่ว่า
“แหม่ เชยจังเขาเรียกรูปหล่อไม่ใช่เทวรูป ไม่มีใครเขาไปกราบไหว้ขอพรกันหร๊อก หนูไม่ไปน่ะ” “ เออๆตามใจเอ็ง เด็กสมัยนี้มันดื้อ มันไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ แม่ถูกหวยทุกงวดก็เพราะเทวรูปท่านเปรมนี่แหล่ะ”
แม่ตอบ หลังจากลูกสาวลุกหนีเดินเข้าห้องสอบอย่างเร่งรีบ

หลังสอบเสร็จ ผมก็เลยพาเจ้าลูกสาวเพื่อนบ้านไปนั่งทานขนมจีนริมถนนก่อนกลับบ้าน ระหว่างกำลังทานขนมจีน ก็ได้ยินการสนทนาของชาย 2 คนที่นั่งทานอยู่โต๊ะติดกัน คนแรกบุคคลิกแบบคนใต้เต็มร้อย คือดำ อ้วน เสียงดัง ส่วนอีกคนสุขุมหน่อย ชายคนดำพูดขึ้นด้วยเสียงที่ดังกลัวโต๊ะอื่นเขาไม่ได้ยินกับชายสุขุม ว่า
“เห้ มึงเชื่อไม๊ พวกม๊อบแดงมันโค่นป๋าได้สำเร็จแหงๆ กูล่ะชอบไอ้เต้นจริงๆ มันหรอยหว่ะ ไอ้ตู่ก็ไม่เบาโคตรขุดคุ้ยจริงๆ YES แม่งแน่ฉิบฮ้าย”
(ประโยคคำพูดดังกล่าวไม่ใช่หยาบน่ะครับ ทางใต้เขาพูดกันแบบนี้ครับ ยิ่งมีคำว่า Yes แม่ง ยิ่งรักกันมากครับ)

ทุกโต๊ะต่างหันมามองเป็นตาเดียวกัน แล้วก็ได้แต่ยิ้มๆ ชายที่สุขุมก็ตอบกับเพื่อนอย่างเรียบๆว่า
“กูว่ายากส์ คนอย่างป๋าไม่มีใครมาโค่นล้มได้ง่ายๆ แบคหน้าแกแข็งมากทั้งทหารตำรวจฝ่ายปกครอง ยิ่งแบคหลังแกยิ่งแข็งใหญ่ กูว่าไม่มีทางหวะ” ชายคนดำก็พูดสวนขึ้นทันทีว่า “เออ แล้วมึงคอยดูไป ใครจะอยู่ใครจะไป เดิมพันหนึ่งโต๊ะ ”


ผมกลับมาถึงบ้าน หลังอาบน้ำดับความร้อนแล้ว ก็นึกขึ้นได้ว่า เออวันนี้เราได้ข้อมูลวัตถุดิบเกี่ยวกับเรื่องคนใต้มา 2 ประเด็น มันช่างเข้าเค้ากับเหตุการณ์ของบ้านเมืองในปัจจุบัน ก็เลยนึกหาคำตอบเผื่อเป็นข้อคิดให้ท่านผู้อ่านได้รับรู้และพิจารณาถึงความเป็นไปได้

ผมขอตั้ง ตุ๊กตาตัวแรก ขึ้นมาก่อน คือ เรื่องเทวรูปป๋าเปรมแผ่บารมียิ่งใหญ่ (จากสองแม่ลูกที่พูดคุยกัน)


ผมยอมรับและชื่นชมด้วยใจจริง ครับว่า บารมีป๋าเปรมแกทั้งแข็งทั้งหนาจริงๆ สมัยเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา ข้าราชการทุกหน่วยงานในภาคใต้ทั้งหมด โดยเฉพาะสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ระดับนักการภารโรงยันไปถึง ปลัดอำเภอ นายอำเภอ ปลัดจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด , ร้อยตรี ยันไปถึงนายพล จนถึงแม่ทัพภาค,ร้อยตำรวจตรี ยันไปถึง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ทุกคนล้วนเป็น “ลูกป๋า” ใครไม่ใช่ “ลูกป๋า” ไม่มีสิทธิเติบโตในตำแหน่งงานในพื้นที่ภาคใต้แห่งนี้

สมัยก่อนเขาเรียกกันว่า “อาณาจักรลูกป๋า” จวบจนกระทั่งมาถึงรุ่นหลานป๋า,เหลนป๋าและโหลนป๋า ในปัจจุบัน ซึ่งบารมีก็ยังคงแข็งและยังคงหนาไม่มีสึกกร่อน ผมไม่ทราบว่าทางภาคอื่นของประเทศจะมีความมหัศจรรย์เหมือนทางภาคใต้หรือเปล่า

ทีนี้ผมจะขอเรียบเรียงบารมีของป๋าก่อนน่ะครับว่า ที่ว่าแข็งและหนานั้น มีความเป็นมาอย่างไร

พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีลำดับที่ 16 ของประเทศไทย ท่านครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึง 2 สมัย รวม 8 ปี

สมัยแรก เข้ารับตำแหน่ง วันที่ 3 มีนาคม 2523 ถึง 5 สิงหาคม 2529 (แล้วก็ยุบสภาซ่ะ)

สมัยที่สอง เข้ารับตำแหน่ง วันที่ 5 สิงหาคม 2529 ถึง 4 สิงหาคม 2531 (แล้วก็ยุบมันอีก)

ท่านเปรม ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกและคนเดียวของโลก ในระบอบประชาธิปไตย โดยไม่ต้องลงเลือกตั้ง ไม่มีพรรคสังกัด ไม่เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง แต่พรรคการเมือง อย่างพรรค ประชาธิปัตย์ ต้องโหวตและอัญเชิญท่านมาเป็นนายกรัฐมนตรี (เพื่อเป็นยันต์กันผี หรือไม้ตีหมาเผื่อมีการปฏิวัติเกิดขึ้น เพราะช่วงนั้น “กลุ่มยังเติร์ก” ยังแรงอยู่ ติดตามด้วย “กลุ่ม จปร.5” โดยพ่อบิ๊กสุ ที่กำลังแซงโค้งขึ้นมา)

โดยที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตัวจริง เสียงจริง ออกเงินจริง (ท่านพิชัย รัตตกุล) ได้แต่เพียง นั่งทำตาปริบๆเป็นแม่สายบัวแต่งตัวรอเก้อไปถึง 8 ปี

หากพูดถึง “ลูกป๋า” ซึ่งมีอยู่อย่างมากมายทั้งทางฝ่ายข้าราชการประจำ และทางฝ่ายการเมือง จะเติบโตในตำแหน่งหน้าที่กันแบบคู่ขนานกันมาโดยตลอด โดยเฉพาะสายการเมือง มี “ลูกป๋า” ท่านหนึ่งที่สามารถขึ้นไปสู่ถึงขั้นผู้นำประเทศในสายของ “กลุ่มสะตอ” ท่านผู้นั้นก็คือ ท่านชวน หลีกภัย

นายชวน หลีกภัย ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 20 ของประเทศไทย ท่านชวนก็ครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 2 สมัยเช่นเดียวกับป๋าเปรม

สมัยแรก เข้ารับตำแหน่ง วันที่ 23 กันยายน 2535 ถึง 13 กรกฎาคม 2538 (แล้วก็ยุบสภาซ่ะ) (แล้วเว้นวรรคไปเกือบ 2 ปี ให้ท่านบรรหาร ศิลปอาชา และท่าน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ผลัดกันชมตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไปคนละเกือบๆปี)

สมัยที่สอง เข้ารับตำแหน่ง วันที่ 9 พฤศจิกายน 2540 ถึง 4 สิงหาคม 2544 (แล้วก็ยุบมันอีก) มันก็เป็นเรื่องที่แปลก,บังเอิญ หรือจงใจก็ไม่ทราบ ที่ท่านเปรมและท่านชวน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 2 สมัยและมีการยุบสภา 2 ครั้ง เหมือนกันยังกะแพะ

และสิ่งที่ปาฏิหาริย์ที่สุด ท่านเปรมและท่านชวน ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีที่ยากจนที่สุด ยากจนยังไงครับ ก็ท่านเปรม ณ ปัจจุบันนี้ท่านยังต้องอาศัยอยู่บ้านหลวง ส่วนท่านชวนท่านก็ต้องเช่าบ้านอยู่ที่ซอยหมอเหล็ง (แต่น่าจะซี้อต่อแล้วมั้ง เจ้าของบ้านเขาอายเลยต้องจำใจขายให้)

แต่กลับมีเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจที่สุด ที่บรรดาลูกพรรคประชาธิปัตย์ “สะตอสามัคคี” ทั้งหมด 99.99% กลับร่ำรวยเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี อัครมหาเศรษฐี และโคตรเศรษฐี กันอย่างทั่วหน้า ทั้งที่ก่อนหน้านั้นมีอาชีพเพียงขายขี้ยาง เป็นกำนันบ้านนอก,เป็นทนาย,เป็นข้าราชการ ธรรมดาๆ,บางคนก็เป็นตลกหน้าฉากหนังตะลุง แต่ปัจจุบัน ส.ส.พรรค ปชป.เหล่านี้ โคตรของโคตรรวยเลยครับ


ทั้งหมดนี้ คือบารมีของป๋าในมวลหมู่ “สะตอสามัคคี” ภาคใต้ของประเทศไทย

มาถึง ตุ๊กตาตัวที่สอง เรื่อง สะตอรุ่นใหม่กำลังจะโค่นสะตอรุ่นเก่า (จากการพูดคุยของสองสหาย)

มันชักจะเข้าเค้าครับท่านผู้อ่าน ผมชักจะเห็นภาพชัดเจนมากขึ้นมากขึ้น ว่า
“ประเทศไทยที่มันเกิดวิกฤตปัญหามากมายในขณะนี้ ก็เพราะมันเกิดจากปัญหาคนใต้ด้วยกันทั้งน้าน ที่เก่งเย่งอำนาจกันเองเท้ๆ ”


ท่านลองลำดับเหตุการณ์ตามผมน่ะครับ เริ่มจาก

1. กลุ่มพลังมวลชน นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ที่มีบทบาทการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ทรงพลังมากที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา ในขณะนี้ แกนนำระดับแนวหน้าและโด่งดังไปทั่วโลก เป็น “ข่นไต๊” ทั้งหมด ไม่ว่า คุณวีระ,คุณจตุพร,คุณณัฐวุฒิ ที่ผมขอเรียกว่า “สะตอรุ่นใหม่”

2. เป้าหมาย การเคลื่อนไหว การเรียกร้อง การต่อสู้ พุ่งไปยังบุคคลที่กุมอำนาจสูงสุดในประเทศ(พล.อ.เปรม ตินณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ) ,กลุ่มบุคคลทางการเมือง ที่ครองอำนาจอยู่ในปัจจุบัน (พรรคประชาธิปัตย์) โดยเฉพาะ “กลุ่มสะตอสามัคคี” ซึ่งก็เป็น “ข่นไต๊” เช่นกัน ผมขอเรียกว่า “สะตอรุ่นเก่า”

เอาล่ะครับชัดเจนแล้วน่ะครับ ทีนี้เรามาติดตามดูว่า จากเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ตั้งแต่สมัยป๋าเปรมเป็นนายกจากการลากตั้ง มา 2 สมัย จนกระทั่งขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นประธานองคมนตรี จนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยมีอะไรดีขึ้นบ้าง

มีบุคคลใดหรือกลุ่มบุคคลใดกล้าที่จะต่อกรกับป๋าเปรม ทั้งๆที่รู้ว่าป๋าเปรมคุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดทั้งกำลังทางทหาร ข้าราชการ เผลอๆก็ตุลาการ นักการเมือง เศรษฐีเจ้าสัว ขนาดคุณทักษิณยังหงายเก๋ง มาแล้ว

ก็เห็นแต่เพียง “สะตอรุ่นใหม่” กลุ่มนี้แหล่ะครับที่กล้าหาญชาญชัยเข้าต่อกรกับป๋าเปรม

ขนาดยกแรกก็หงายเก๋งไปไม่ใช่น้อยทั้งวีรชนที่สูญเสียชีวิต 91 ท่าน บาดเจ็บเป็นพันๆ แกนนำต้องระเห็จไปสงบสติอารมณ์ในเรือนจำ แทนที่จะหลาบจำหรือยกธงขาว แน่ะ ดันมีก๊อกสองขึ้นมาอีก

แบบนี้ไม่เรียกว่า “สะตอรุ่นเก่ายึดครองประเทศ VS สะตอรุ่นใหม่เปลี่ยนแปลงประเทศ” ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรดีแล้วครับ

ผมขอฟันธง ว่า “สะตอรุ่นเก่า” จะกลับคืนสู่เหย้าไปเป็น “สะตอดอง” ในไม่ช้านี้ อย่ากระพริบตา

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker