บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2554

“ประพันธ์” ชี้ รบ.ช่วย “ฟิลลิป มอร์ริส” ทำประเทศเสียหายยิ่งกว่า “แม้ว” ขายหุ้น

ที่มา thaifreenews

โดย bozo

“ประพันธ์” ชี้ รบ.ช่วย “ฟิลลิป มอร์ริส” ทำประเทศเสียหายยิ่งกว่า
“แม้ว” ขายหุ้นให้เทมาเส็ก



“ประพันธ์” แฉ “ฟิลลิป มอร์ริส” วิ่งเต้นล้มคดีหนีภาษีมาตลอดตั้งแต่สมัย “แม้ว” แต่ไม่เคยสำเร็จ
เพราะเป็นธุรกิจบาปและเป็นเรื่องใหญ่จึงไม่มีใครกล้ารับ
แต่นึกไม่ถึงจะมาสำเร็จในรัฐบาลนี้ ตั้งข้อสังเกตอัยการที่เคยให้สั่งฟ้องกลับลำกลายเป็นไม่ฟ้อง
ชี้คดีนี้ทำไทยเสียโอกาสจากการได้ภาษี 6.8 หมื่นล้าน มากกว่าตอน “ทักษิณ” ขายหุ้นให้เทมาเส็กถึง 3 เท่า


คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายประพันธ์ คูณมี”
http://radio.manager.co.th/Radio/DetailRadio.asp?program_no=1026&mmsID=1026%2F1026%2D5436%2Ewma&program_id=36639


วันนี้ (7 มี.ค.) นายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน ขึ้นกล่าวบนเวที ว่า
เหตุการณ์ที่นายวีระ และน.ส.ราตรี กำลังเผชิญอยู่ เป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนใจต่อประชาชนอย่างยิ่ง
สะท้อนให้เห็นจิตใจต่ำอำมหิตของนายอภิสิทธิ์เป็นอย่างยิ่ง
นึกไม่ถึงว่าจะเป็นได้ถึงขนาดนี้ เลวสมบูรณ์แบบไม่มีที่ติจริงๆ

นายประพันธ์กล่าวว่า ตอนแรกตนเชื่อว่าที่นายอภิสิทธิ์ดื้อรั้นขนาดนี้
อาจเพราะครอบครัวให้ท้าย คุณพ่อคุณแม่ ไม่อบรม
แต่วันนี้ตนรู้สึกเสียใจมากที่พูดแบบนั้น เพราะได้ยินจากญาติผู้ใหญ่นายอภิสิทธิ์มาว่า
ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ต่างตักเตือนนายอภิสิทธิ์แต่ไม่เชื่อฟัง
ขนาดพ่อแม่ตัวเองยังไม่ฟัง จึงป่วยการแล้วที่พันธมิตรฯ จะเรียกร้องให้รับฟังเสียงประชาชน
ต้องอาศัยพลังพี่น้องเพียงอย่างเดียวที่ต้องออกมามากๆ เพื่อไล่นายอภิสิทธิ์
เลิกฝันได้เลยที่จะมีสำนึกความรับผิดชอบทางการเมือง

นายประพันธ์กล่าวอีกว่า อีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องใหญ่ ตนได้ข้อมูลมาพร้อมๆ กับฝ่ายค้าน
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ฝ่ายค้านคนนี้ที่จะนำเรื่องนี้ไปอภิปรายฯ ในสภา
และเป็นคนที่ตรวจสอบการทุจริตรถดับเพลิง
เรื่องสำคัญก็คือคดี บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส มันสะท้อนให้เห็นความเลวร้าย
และการทำงานที่ล้มเหลวของนายอภิสิทธิ์

บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส เป็นบริษัทตัวแทนจำหน่ายบุหรี่ LM มาร์ลโบโร บริษัทแม่อยู่ที่อเมริกา
แต่บุหรี่ที่นำเข้าไทยเอามาจากฟิลิปปินส์ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพื่อจะเลี่ยงภาษีตามข้อตกลงอาฟต้า
เพราะฟิลิปปินส์เป็นประเทศในอาเซียน แต่มันไม่ใช่สินค้าของฟิลิปปินส์
แค่เอามาบรรจุซอง เอาใบยามาจากอเมริกาแล้วเอามาขายเฉพาะในประเทศไทย
สรุปฟิลลิป มอร์ริส หลีกเลี่ยงภาษีด้วยการแจ้งการนำเข้าราคาต้นทุนซองละประมาณ 7 บาท
ซึ่งเป็นการแจ้งต่ำกว่าความเป็นจริง

ปรากฏว่าสรรพสามิตไปตรวจพบว่ามีบริษัทอื่น เช่น
คิงเพาเวอร์ การบินกรุงเทพ มีการนำเข้าบุหรี่ลักษณะเดียวกัน มาจากต่างประเทศเหมือนกัน
แต่เสียค่าต้นทุน 27 บาทรวมภาษีแล้วตก 60 กว่าบาท เลยต้องกล่าวโทษแจ้งดีเอสไอให้ตรวจสอบ
ปรากฎผลตรวจพบว่ามีการสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริงมาตั้งแต่ ปี 2546-2552
ทำให้ประเทศไทยขาดรายได้ไป 6 หมื่น 8 พันล้านเศษ
ดีเอสไอจึงมีมติดำเนินคดีฟิลลิป มอร์ริส และตั้งกรรมการสอบสวนมาตั้งแต่สมัยนายทักษิณ
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2549 กรรมการมาทั้งจากสรรพสามิตร ดีเอสไอ และผู้แทนอัยการ 3 คน

เมื่อสวบสวนแล้วกรรมการมีความเห็นควรที่จะสั่งฟ้อง
จึงส่งมาที่อัยการเมื่อ 2 กันยายน 2552
เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รู้ว่าจะสั่งฟ้องและเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่
เพราะมูลค่าสูงจึงทำหนังสือรายงานไปยังนายกฯ 2 ฉบับ
ฉบับแรกเมื่อ 26 มิถนายน 2552 อีกครั้งคือ 3 กันยายน 2552

เพราะฉะนั้นเรื่องฟิลลิป มอร์ริส เป็นคดีเก่าที่รับรู้มาทุกนายกฯ ตั้งแต่สมัยนายทักษิณเป็นต้นมา
ฟิลลิป มอร์ริส ก็วิ่งเต้นล้มคดีนี้มาตลอดแต่ไม่เคยสำเร็จ
จู่ๆ มาวันนี้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ได้เข้าแทรกแซงการสั่งคดีนี้ของพนักงานอัยการ
ปรากฏว่ามีผู้แทนการค้าไทยที่รัฐบาลตั้ง คือนายเกียรติ สิทธีอมร
ซึ่งวันนี้ก็ออกมายอมรับแล้วว่า ได้รับการร้องเรียนความไม่เป็นธรรมจากนักธุรกิจบริษัทบุหรี่นี้
และนายกฯก็มอบหมายให้นายเกียรติ ไปดูแล

แต่ไม่รู้ว่าไปทำอีท่าไหน เป็นที่น่าเชื่อว่า
บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส น่าจะมีการยื่นผลประโยชน์มาตลอด
แต่ไม่มีใครกล้ารับ เพราะมันเป็นธุรกิจบาป
และเป็นการไปช่วยธุรกิจบริษัทค้าบุหรี่ข้ามชาติ ยักษ์ใหญ่ที่สุดของโลก
และมีข้อปรากฏชัดเจนว่ามีการแจ้งราคาต่ำกว่าความเป็นจริง เลี่ยงภาษีจริง
ข้าราชการ นักการเมืองก็กลัวจะถูกครหา และหมดอนาคต
แต่สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ฟิลลิป มอร์ริส กลับได้รับความช่วยเหลือ
จนกระทั่งอัยการสั่งไม่ฟ้องเมื่อ 4 มกราคม 2554

“แปลกมาก เพราะอัยการที่เคยทำคดีนี้และเคยมีความเห็นว่าสมควรสั่งฟ้อง
แต่ทำอีท่าไหนไม่รู้ อัยการที่เคยมีคำสั่งฟ้อง กลับคำสั่งตัวเองกลายเป็นว่าไม่ฟ้อง
เพราะไม่ปรากฏว่าบริษัทนี้แจ้งราคาต่ำกว่าความเป็นจริง ไม่ปรากฎว่ามีการเลี่ยงภาษี”
นายประพันธ์กล่าว

นายประพันธ์ยังกล่าวอีกว่า
เรื่องนี้มันใหญ่ คดีที่นายทักษิณขายหุ้นให้เทมาเส็ก จำนวนที่หนีภาษีหมื่นกว่าล้าน ไม่เกิน 2 หมื่นล้าน
นายทักษิณจึงถูกขับไล่ ตอนนั้นประชาธิปัตย์ก็ออกมาด่านายทักษิณอย่างเสียผู้เสียคน
แต่มาวันนี้รัฐบาลไทยควรได้รับจากบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ถึง 6.8 หมื่นล้านบาท
มากกว่าภาษีที่นายทักษิณขายหุ้นให้เทมาเส็ก 3 เท่า

ถ้าทำอย่างนี้ ประเทศไทยก็จะไม่ได้ภาษีแม้แต่สตางค์แดงเดียว
แล้วเงินจะตกเข้ากระเป๋านักการเมืองคนไหนล่ะ นึกไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้
มันเป็นการปล้นภาษีของประเทศ และยังจะทำให้ต่อไปบริษัทบุหรี่ต่างชาติอื่นๆ ก็จะเอาอย่าง
และทุกวันนี้บุหรี่ต่างประเทศราคาพอๆกับบุหรี่ไทย บุหรี่ไทยกำลังจะเจ๊ง
โรงงานยาสูบซึ่งเป็นของกระทรวงการคลังก็กำลังแย่
และที่แน่ๆ คนที่เป็นผู้แทนการค้าของรัฐบาลจะมีผลประโยชน์ในกรณีนี้หรือไม่
สื่อและฝ่ายค้านสงสัยแล้ว เพราะนายเกียรติเคยทำงานที่หอการค้าระหว่างประเทศ
และเคยทำงานเป็นล็อบบี้ยิสต์ให้บริษัทฝรั่งมาก่อน จึงอยู่ในข่ายที่น่าสงสัยอย่างยิ่ง

นายประพันธ์กล่าวอีกว่า รัฐบาลนี้เลวทุกด้านจริงๆ อีกเรื่องคือ
เรื่องมะนาว ปกติชาวสวนปลูกมะนาวจะมีรายได้เป็นกอบเป็นกำตอนหน้าแล้ง
ช่วงหน้าแล้งมะนาวจะแพง เกษตรกรก็จะมีรายได้ตอนนั้น
แต่เวลานี้พอเข้าหน้าแล้งรัฐบาลปล่อยให้มะนาวเวียดนามเข้ามาทางเขมร
แล้วขนเข้ามายังไทยวันละหลายร้อยตัน รายได้ที่เกษตรกรไทยควรจะได้ในหน้าแล้งก็ไม่ได้
สรุปแล้วประชากรตายทุกเรื่อง



http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9540000029743

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker