คอลัมน์ เหล็กใน
มันฯ มือเสือ
หลายคนจับตารัฐบาลซึ่งกำลังเดินหน้าสู่ 2 ด่านสำคัญ
ด่านแรก การยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านพรรคเพื่อไทย
ด่านสอง การชุมนุมคนเสื้อแดงในวาระครบรอบ 1 ปีเหตุการณ์สลายม็อบเดือนเม.ย.-พ.ค.2553
สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น ถ้าหากฝ่ายค้านยื่นญัตติต้นเดือนมี.ค. ประมาณกลางเดือนก็ระเบิดศึกได้
ใครติดตามข่าวคงพอเห็นภาพชัดเจนแล้วว่า หัวข้อที่ฝ่ายค้านจะหยิบยกมาถลกหนังรัฐบาลมีเรื่องอะไร รวมถึงรัฐมนตรีคนใดจะถูกจับขึ้นเขียงบ้าง
อย่างไรก็ตาม มีการประเมินกันว่าถึงฝ่ายค้านจะเตรียมตัว "ลับปังตอ" มาดีขนาดไหนก็ตาม
แต่ต้องไม่ลืมว่าการตอบโต้ในสภาเป็นเกมถนัดของพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้ว
โดยเฉพาะนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทักษะการ "โต้วาที" จัดอยู่ในระดับสุดยอดคนหนึ่ง
หรือต่อให้พลาดพลั้งเสียที "เฮียมิ่ง-สารวัตร เหลิม" สองประสานบุ๋น-บู๊แห่งฝ่ายค้าน
สุดท้ายรัฐบาลก็ใช้เสียงมากลากเอาชนะไปจนได้อยู่ดี
เกมที่ "ปิดประตูแพ้" เช่นนี้ การชิงยุบสภาก่อนเกมจะเริ่มคงเป็นไปได้ยาก
สรุปว่าด่านแรก รัฐบาลน่าจะถูลู่ถูกังเอาตัวรอดไปได้
ความน่าหนักใจจึงมาอยู่ที่ด่านสอง คือการชุมนุมคนเสื้อแเดงมากกว่า
คนเสื้อแดงจะเริ่มเข้าสู่โหมดครบรอบ 1 ปีการเคลื่อนพลใหญ่วันที่ 12 มี.ค.นี้เป็นต้นไป
จากนั้นแต่ละวันล้วนแล้วแต่มีประวัติศาสตร์ในตัวของมันเอง
ไม่ว่าเหตุการณ์ปะทะสี่แยกคอกวัว 10 เม.ย. เหตุการณ์ปะทะบริเวณอนุสรณ์สถาน 28 เม.ย.
ในเดือนพ.ค.ก็จะมีวันที่ 13 ครบรอบวัน "เสธ.แดง" พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ถูกสไนเปอร์ยิงคาแยกศาลาแดง
ก่อนจะถึงวันที่ 19 พ.ค. ครบรอบเหตุการณ์สังหารหมู่กลางกรุง รวม 91 ศพ
ท่ามกลางความยุติธรรมล่าช้าจนแทบหยุดนิ่งในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ความคับแค้นใจของคนเสื้อแดงจะแปรเปลี่ยนเป็นแรงกดดันพุ่งเข้าใส่รัฐบาล รุนแรงมากมายมหาศาลขนาดไหน
ขนาดแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลระดับตัวจริงเสียงจริงยังต้องรีบโบกธงส่งสัญญาณ
ใครจะทำอะไรก็รีบทำ
รัฐบาลไม่ยอมอยู่เกินต้นเดือนเม.ย.นี้แน่