บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพุธที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2551

การจลาจลของพันธมิตร เมื่อวานนี้ ไม่ได้นำไปสู่ จุดมุ่งหมายอะไรเลย แต่ทำให้คนจำนวนมากตาสว่าง


บทความ โดย ลูกชาวนาไทย

สถานการณ์ของเช้าวันที่ 8 ตุลาคม 2551 หลังจากการพยายามก่อจลาจลสร้างสถานการณ์ของ พธม. เพื่อขัดขวางไม่ให้รัฐบาลแถลงนโยบายได้ ก็ถือว่าล้มเหลวในทางยุทธศาสตร์อย่างสิ้นเชิงครับ ล้มเหลวตั้งแต่เวลา 11.00 น. เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ทันทีที่นายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ขึ้นแถลงนโยบายได้ กระบวนการตามรัฐธรรมนูญก็ครบตามขั้นตอนทันที ไม่ว่าจะแถลงยาวแถลงสั้น มันก็ครบกระบวนการการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว การจลาจลหลังจากนั้นของ พธม. เป็นเพียงแค่สถานการณ์ต่อเนื่องเท่านั้น และไม่ได้นำพา พธม. ให้บรรลุเป้าหมายอะไรเลย

เมื่อวานนี้ภารกิจและหน้าที่สำคัญของตำรวจในทางรุกมีเพียงแค่ “การเปิดทางเข้าสู่อาคารรัฐสภา” และ การอารักขาให้ ผู้แทนของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศออกมาจากอาคารแห่งนั้นได้อย่างปลอดภัยเท่านั้นครับ ภารกิจการปะทะกันหลังจากนั้นของตำรวจ กับม็อบ พธม. เป็นแต่เพียงภารกิจ “การป้องกัน” สถานที่ตั้งของตน ให้พ้นจากการโจมตีของ ม็อบ พันธมิตรเท่านั้น เช่น การป้องกันรัฐสภา และ และ กองบัญชาการตำรวจนครบาล การใช้แก้สน้ำตาหลังจากนั้น เป็นแต่เพียง ขับไล่ให้ ม็อบ พธม. ออกไปจากการโจมตี ที่ทำการของ บชน. เท่านั้น

ผู้ที่บาดเจ็บล้มตายของ พธม. นั้น ผมไม่เชื่อว่าจะเกิดจากฝีมือเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด ภาพที่เห็นในทีวีต่างๆ มีแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงแก้สน้ำตา และมีแค่ โล่เป็นเป็นอุปกรณ์เพียงชนิดเดียวเท่านั้น ภาพที่เห็นทางทีวี ก็มีแต่ภาพ พธม. ขับรถชนตำรวจและถอยกลับมาเหยียบซ้ำ คนขาขาดต่างๆ คาดว่าเกิดจากระเบิด ซึ่งผมเชื่อว่าไม่ได้มาจากตำรวจ แต่มาจากมือที่หนึ่ง (ไม่ใช่มือที่สาม) ในกลุ่มพันธมิตร ที่มีผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้จำนวนมาก

คนที่ตายเมื่อวาน และบาดเจ็บเมื่อวานคือ ตายฟรี เจ็บฟรี ไม่มีใครเป็นวีรบุรุษ วีรสตรี มีแต่ม็อบก่อความไม่สงบให้กับบ้านเมือง

ผลสำเร็จในทางการเมืองของ พธม.ครั้งนี้ ผมว่าได้บรรลุเป้าหมายอะไรทั้งสิ้น นายกฯสมชาย คงไม่ลาออก และไม่ยุบสภาแน่นอน ทหารก็ไม่ทำรัฐประหาร การสร้างสถานการณ์เพื่อเรียกร้องความเห็นใจจากประชาชน ผมว่ามันไม่ได้ผลอย่างแน่นอน สังคมไทยเลยจุดนั้นมานานแล้ว ประชาชนเลือกข้างแบ่งฝ่ายหมดแล้ว

การออกมาแถลงการณ์ประณามของ สว. สรรหาทั้งหลายที่เป็นกาฝากประชาธิปไตย ซากเดนของพวกเผด็จการอำมาตยาธิปไตย ก็ไม่มีมีผลอะไรต่อสังคมทั้งสิ้น เพราะคนส่วนใหญ่ก็รู้ว่าพวกนี้อยู่ข้างใคร

เหตุการณ์จลาจลย่อยๆ เมื่อวานนี้ ไม่ได้เป็นเรื่องวิกฤติของประเทศแต่อย่างใด พื้นที่เกิดเหตุก็จำกัดอยู่แค่บริเวณไม่ถึง 200 ไร่ สถานการณ์แบบนี้ในทางมาตรฐานสากลแล้วถือเป็นเรื่องปกติ ที่มีการปฏิบัติกันเป็นประจำหากมีม็อบบุกรุกสถานที่สาธารณะ ก็จะมีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลเข้าสลาย

สิ่งที่ชัดเจนเมื่อวานนี้คือ “มีบางคนเปิดตัวอย่างล่อนจ้อน” แล้วว่า เป็น Mastermind ให้กลุ่ม พธม. จากที่แค่สงสัย กระซิบกระซาบกันอยู่ในหมู่คนที่คุ้นเคยกันเท่านั้น ตอนนี้มันสว่างแจ้งแดงแจ๋เลย หลายๆ คนคุยกับผมว่า เขากล้ามากที่เปิดเผยตัวเองถึงขนาดนั้น ผมคิดว่า คนเหล่านี้ไม่ได้ฉลาดมากมายอะไร และไม่มีเคยรู้ว่าโลกมันเปลี่ยนแปลงไปเป็นยุคดิจิตอลแล้ว ยังคงคิดว่าประชาชนประเทศนี้งี่เง้า หลอกได้อยู่ร่ำไป

เมื่อเลือกข้างชัดเจนอย่างนี้ ผลที่ตามมาคือ ประชาชนอีกครึ่งหนึ่ง ก็กลายเป็นศัตรูทันที แม้ไม่สามารถแสดงออกได้ แต่ในใจ คงสิ้นความศรัทธาและเคารพนับถือไปนานแล้ว จะออกมาพูดอะไร ก็ไม่สามารถชี้นำสังคมได้อีกต่อไปแล้ว

ผมว่า พธม. นั้นมาถึงทางตันแล้วครับ เพราะการปลุกม็อบนั้น โดยธรรมชาติ มันไม่มีทางล้มรัฐบาลได้ แต่ในสมัยยุค พฤษภาทมิฬ หรือ 14 ตุลาคม 2516 นั้น รัฐบาลล้มเพราะมีอำนาจอย่างอื่นเข้ามาบีบ และรัฐบาลเหล่านั้นเป็นรัฐบาลทหาร ทำให้ความชอบธรรมไม่มี แต่รัฐบาลของพรรคพลังประชาชน เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ มีความชอบธรรมในสายตาของประชาชน และมีความชอบธรรมในระดับนานาชาติ

การปลุกม็อบต่อให้ได้คนมากกว่านี้ก็ไม่มีผลอะไรมากมายนัก แต่เมื่อวานนี้ พธม. ปลุกคนได้น้อยกว่าปกติ การที่ทหารจะใช้สาเหตุนี้ เพื่อทำรัฐประหาร ก็ไม่ได้สร้างความชอบธรรมให้ทหารแต่อย่างใด และรัฐบาลรัฐประหารก็จะไม่ได้รับการยอมรับ และล้มเหลวเหมือน คมช. ดังนั้น ยุทธศาสตร์ของม็อบ พธม. จึงเป็นยุทธศาสตร์ที่เป็นทางตันโดยสิ้นเชิง

ตอนนี้ พล.ต. จำลอง ศรีเมือง โดนจับ พธม. ปล่อยไม้ตายเต็มที่เมื่อวานนี้ ก็ไม่ได้สร้างผลกระทบมากมาย และทำให้ตำรวจมั่นใจว่าสามารถคุมสถานการณ์ได้มากขึ้น สถานการณ์ไม่บานปลายมากนัก ดังนั้น การจับแกนนำ พธม. น่าจะทำให้ตำรวจ และรัฐบาลสามารถประเมินได้แล้วว่า สามารถควบคุมสถานการณ์ได้

ตอนนี้ม็อบ พธม. มีแต่จะโดนสลายไปครับ แต่ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนแต่อย่างใด

เมื่อจำลองโดนจับ การควบคุม สาวกสันติอโศก ก็ไม่หนักแน่นเหมือนเดิม และในที่สุด สันติอโศกก็จะหมดความฮึกเหิม หรือถอนตัวออกไป แม้ว่าจะไม่ถอนตัวทันที แต่ก็จะค่อยๆ ลดบทบาทลงไป เหลือแต่ม็อบอื่นๆ ที่ไม่มีความมั่นคงมากแต่อย่างใด

ดังนั้น ตอนนี้ ผมว่ารัฐบาลจะกลับมาเป็นฝ่ายรุกอย่างช้าๆ

นายกฯสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นั้นมีบุคลิกภาพที่ไม่ชัดเจน และคลุมเครือ การให้สัมภาษณ์ต่างๆ ก็คลุมเครือ ทำให้นักข่าวไล่ต้อนไมได้เต็มที่นัก เมื่อไล่ต้อน ผมก็เห็นนายกฯ สมชายทำเป็นไม่ได้ยิน หรือไม่ตอบตอบก็คลุมเครือ

ผมคิดว่าในสถานการณ์ ที่คลุมเครือทางการเมืองเช่นนี้ การที่มีนายกฯแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถประเมินได้ว่า จะเอาอย่างไรก็แน่ เมื่อประเมินไม่ถูกการต่อต้านก็ทำไม่ถูกเหมือนกัน

แม้ว่านายกฯสมชายพูดจาคลุมเครือ แต่การกระทำนั้นไม่คลุมเครือ แบบพูดไม่รู้เรื่องแต่ต่อยหนัก

ผมไม่คิดว่าบุคลิกหงิมๆ อย่างนี้ จะกล้าสลายม็อบ แต่ม็อบ พธม. ก็โดนสลายในยุค นายกฯสมชาย และไม่เห็นว่าจะมีสื่อหรือใคร ด่า นายกฯสมชายมากมายแต่อย่างใด

ยุคแห่งความคลุมเครือ ก็ต้องเอาคนที่คลุมเครือ แต่การกระทำชัดเจน เข้ามาสู้

จาก thaifreenews

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker