ที่มา ไทยรัฐ
เมื่อช่วงสายวันที่ 21 ธ.ค. ที่พรรคเพื่อไทย นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์- ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย แถลงว่า ขอเสนอฉายา ครม.อภิสิทธิ์ 1 เพื่อให้ประชาชนโหวตเลือกระหว่างฉายา “ครม.ต่างตอบแทน” กับ “ครม.ไอ้โหนไอ้ห้อย” ผ่านทาง โทรศัพท์หมายเลข 0-2280-6888 และจะประกาศผลในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ ดูโฉมหน้า ครม.แล้วรัฐบาลคงอายุสั้น ล้มด้วยตัวเอง โดยที่ฝ่ายค้านไม่ต้องทำอะไร โดยเฉพาะกรณีที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชา-ธิปัตย์ ระบุว่า นายวีระชัย วีระเมธีกุล รมต.ประจำสำนัก นายกรัฐมนตรี บริจาคเงินให้พรรคประชาธิปัตย์ 80 ล้านบาท จึงได้เป็นรัฐมนตรีนั้น แสดงว่านายวีระชัยเอาเงินมา บริจาคให้พรรคประชาธิปัตย์จริง แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ในฐานะเลขาธิการพรรค ปฏิเสธ ทำให้เรื่องนี้ ยังไม่รู้ว่าใครผิดใครถูก แต่ตนมองว่าเงิน 80 ล้านบาท สงสัยเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเป็นเงินที่เอาไปซื้อ ส.ส. เพื่อโหวตให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล
เล็งยื่นยุบ ปชป.กรณีรับเงิน 80 ล้าน
นายสุรพงษ์กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ปฏิเสธไม่ได้ว่าได้เป็นรัฐบาลจากเงินก้อนนี้ ไม่เช่นนั้นนายนิพิฏฐ์ ซึ่งเป็นทนายฝีมือเอก เป็นนักกฎหมายชั้นแนวหน้าของพรรคประชาธิปัตย์ คงไม่ลงทุนไปซื้อตั๋วแลกเงินมาชดใช้ หนี้ให้นายวีระชัยเดือนละ 500 บาท ถือว่าเข้าข่ายขัดต่อ รัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ที่ระบุถึงการได้มาด้วยอำนาจการปกครองโดยวิธีการซึ่งไม่ใช่วิถีทางประชาธิปไตย ดังนั้นในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ จะนำหลักฐานและคำสัมภาษณ์ต่างๆอัดลงวีซีดี เพื่อยื่นให้อัยการสูงสุดพิจารณายุบพรรคประชา- ธิปัตย์ ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ไปถือไม้กวาดปัดกวาดทำเนียบรัฐบาลนั้น อยากให้กวาดพรรคตัวเองให้สะอาดก่อน และเท่าที่สังเกตดูนายอภิสิทธิ์ยังจับไม้กวาดไม่ถูกเลย วันนี้นายอภิสิทธิ์ต้องตอบสังคมให้ได้ว่าที่พูดเสมอว่าพรรคประชาธิปัตย์ขาวผ่อง ไม่ซื้อเสียงนั้น ขอถามว่า เงิน 80 ล้านบาท หายไปไหน เอาไปซื้ออะไร ถ้าไม่มีมูล นายพนิพิฏฐ์คงไม่ออกมาพูด
ขู่ดูด ส.ส.อกหักเข้าพรรคเพื่อไทย
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์หลายคนอกหักไม่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น ในฐานะ ที่อยู่พรรคประชาธิปัตย์มาก่อนรู้ดีว่าคนหน้าตาไม่หล่อและไม่ได้อยู่ก๊วนนายอภิสิทธิ์ จะไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ตนจึง ได้ย้ายออกมาอยู่พรรคเพื่อไทย ต่อไปจะชวนนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ และ ส.ส.ในจังหวัดอีก 2 คน รวมถึง 8 ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ และนายนคร มาฉิม ส.ส.พิษณุโลก มาร่วมทำงานการเมืองกับพรรคเพื่อไทย ส่วนนายนิพิฏฐ์นั้น อยากชวนมาอยู่พรรคเพื่อไทยเหมือนกัน แต่อีกใจก็ไม่อยากให้มา เพราะกลัวนายนิพิฏฐ์จะสอบตกเหมือนนายทวี สุรบาล อดีต ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนนสูงสุดในประเทศไทย แต่พอย้ายออกจากพรรคประชาธิปัตย์ก็สอบตกทันที
ยื่น ป.ป.ช.เอาผิดเรื่องส่งเอสเอ็มเอส
นายสุรพงษ์กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ขอความร่วมมือจากค่ายโทรศัพท์มือถือ เพื่อส่งเอสเอ็มเอสของนายอภิสิทธิ์ไปยังโทรศัพท์มือถือของประชาชนนั้น การส่งข้อความต้องมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น เฉพาะของบริษัททรูเพียงบริษัทเดียวมีผู้ใช้บริการไม่ต่ำกว่า 10 ล้านเครื่อง หากส่งเอสเอ็มเอสครั้งละ 1 บาท เท่ากับว่ามีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นถึง 10 ล้านบาท ถือเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 103 ที่ระบุว่าห้ามข้าราชการ นักการเมือง เจ้าหน้าที่ของรัฐ รับทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใดๆเกิน 3,000 บาท กฎหมายนี้ออกในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ดังนั้น ในวันที่ 22 ธ.ค. จะนำหลักฐานทั้งหมดไปยื่นต่อ ป.ป.ช. บางครั้งได้เป็นใหญ่เป็นโตเป็นรัฐบาลด้วยความรวดเร็ว จนลืมคิดไปว่าที่ตัวเองทำนั้นผิดกฎหมาย
นายสุรพงษ์กล่าวว่า จากนี้ไปทุกวันอาทิตย์เวลาประมาณ 10.30 น. ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะสลับหมุนเวียนกันแถลงข่าวตรวจสอบความไม่โปร่งใสในการบริหารงานของรัฐบาล
เชิญปลัด กห.แจงแทรกแซงการเมือง
พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า กรณีที่ทหารกลุ่มหนึ่งต้องการรักษาอำนาจตัวเองไว้ โดยเข้ามาแทรกแซงการเมือง ทั้งที่ขัดข้อบังคับของกระทรวงกลาโหมนั้น คณะกรรมาธิการฯ ได้ทำเรื่องเชิญ พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด มาชี้แจงในวันที่ 23 ธ.ค. เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ระบุว่า การที่คณะกรรมาธิการฯ เชิญผู้นำเหล่าทัพไปชี้แจงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องนั้น อยากให้ทหารหยุดปกป้องและหยุดเอาใจนายจนลืมข้อบังคับและวินัยของทหาร เพราะถ้าคอยปกป้องผู้บังคับบัญชาที่ทำผิดอยู่เรื่อยๆ จะกลายเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี และทำ ให้เสื่อมเสียศักดิ์ศรีของกองทัพ ส่วนกรณีที่กองทัพจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์หลายอย่างในช่วงที่ใช้รัฐธรรมนูญ 2550 รวมถึงเครื่องบินรบกริพเพ่นจากประเทศสวีเดนนั้น คณะกรรมาธิการฯจะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า สัญญาเหล่านี้ที่ทำกับบริษัทต่างประเทศขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ที่กำหนดให้ต้องให้ที่ประชุมรัฐสภาเห็นชอบก่อนหรือไม่
“เสนาะ” จวกรัฐบาลปล้นกลางอากาศ
ขณะที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ให้สัมภาษณ์ถึงโฉมหน้า ครม.อภิสิทธิ์ 1 ว่า ไม่อยากวิจารณ์รัฐบาลชุดใหม่ แต่บอกคำเดียวว่าเป็นรัฐบาลที่ไปปล้นเขามา ปล้นกลางอากาศ หรือไฮแจ็ค โดยไม่เกรงใจและไม่คำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน เป็นยุคที่บ้านเมืองตกต่ำสุดๆ ยุคที่นักการเมืองกับผู้มีอำนาจหลายฝ่ายรวมหัวปู้ยี่ปู้ยำประเทศอย่างกับไม่ใช่คนไทย เพียงเพื่อเข้าสู่ตำแหน่งเพื่อเป็นนายกฯ ขอเตือนว่าที่นี่ประเทศไทย ไม่ใช่บ้านของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ หรือของใครที่ชอบเอาสถาบันมาบังหน้า เพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองและพวกพ้องต้องการ
นัดแฉเบื้องหลังเจรจาจัดตั้งรัฐบาล
นายเสนาะกล่าวว่า วันที่ 29 ธ.ค.นี้จะแฉให้หมดว่าใครมาจากไหน และทำอย่างไรถึงได้เป็นเสนาบดีกัน แต่ละคนชั่วสุดๆ ด่ากันมาเละเทะแล้วมากอดคอกันตั้งรัฐบาล ตนอายมากจนไม่อยากเดินเข้ารัฐสภา ไม่อยากเรียกว่า ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ ไม่รู้ว่าเป็นคนหรือไม่ ถึงทำ ได้ขนาดนี้ เรื่องนี้ยอมไม่ได้ จะแฉให้ประชาชนหูตาสว่างเสียที และจะปกป้องสถาบันโดยเฉพาะพวกขันที คนใหญ่ คนโตที่ชอบแอบอ้างเอาสถาบัน จะแฉให้หมด การเมืองที่เป็นเช่นทุกวันนี้เพราะใคร มันยิ่งกว่างูเห่า เป็นการปล้นกลางอากาศ ขอเตือนว่าถ้าบ้านเมืองยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาความแตกแยกจะยังเกิดขึ้นจนบ้านเมืองวุ่นวาย เชื่อว่าประชาชนคงรับไม่ได้ และจะมาร่วมชุมนุมเป็นแสนคนเพื่อขับไล่รัฐบาล ถึงขั้นอาจปิดสภาในวันแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา