
เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ และหนึ่งในผู้ผิดหวังไม่ได้เป็นรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการคัดเลือกว่าที่รัฐมนตรีว่า ขณะนี้ได้เกิดแก๊งออฟโฟร์ในพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นแล้ว ประกอบ ด้วยนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู รองเลขาธิการพรรค นางอัญชลี วานิช เทพบุตร เหรัญญิกพรรค นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการบริหารพรรค และนายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ เนื่องจากมีการล็อบบี้กรรมการบริหารพรรค ซึ่งมีทั้งหมด 19 เสียงและนับจากนี้ แนวทางของพรรคจะเดินไปทางใดขึ้นอยู่กับ 4 คนนี้ เพราะทุกเรื่องต้องเข้าคณะกรรมการบริหารพรรค
แฉถูกเชือดกลางที่ประชุม กก.บห.
นายเฉลิมชัยกล่าวต่อว่า ในวันที่มีการโหวตเลือกผู้ที่จะได้เป็นรัฐมนตรี มีชื่อของตนติดโผว่าที่รัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรค ที่อยู่ในมือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์มาตลอด และมีการแจกโผดังกล่าวให้คณะกรรมการบริหารพรรคทุกคนในวันโหวตเลือก แต่ตนกลับเป็นกรรมการบริหารคนเดียวที่ถูกอุ้มไปเชือด เนื่องจากในวันดังกล่าว มีการเชิญกรรมการบริหารพรรค ที่มีส่วนได้เสียและเกี่ยวข้องกับตำแหน่ง ให้ออกจากที่ประชุม ซึ่งตนเป็นคนเดียวที่เป็นกรรมการบริหารพรรค จึงเป็นคนเดียวที่ถูกเชิญออกจากที่ประชุม ภายหลังการประชุมเสร็จไม่มีโอกาสที่จะรับทราบมติของที่ประชุม เพราะไม่มีการเชิญตนได้รับทราบมติเหมือนไล่ออกจากห้องตั้งแต่นาทีนั้น
“อภิสิทธิ์” พูดคำเดียวแค่ขอโทษ
นายเฉลิมชัยกล่าวต่อว่า หลังเหตุการณ์ตนได้สอบถามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่าเหตุใดหลังการประชุมไม่มีการแจ้งผลมติให้ทราบ แต่เป็นการทิ้งกันกลางอากาศ หากจะไม่ให้ก็ควรฆ่าชื่อตนออก ไม่ควรนำชื่อไปคัดเลือกให้คณะกรรมการบริหารคัดเลือก ซึ่งหัวหน้าพรรคตอบตนได้คำเดียวคือขอโทษ นอกจากนี้หลังเหตุการณ์กลุ่ม ส.ส. และสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกระดับในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ทราบข่าวได้โทรศัพท์มาสอบถามข้อเท็จจริง พร้อมทั้งจะนำมวลชนในจังหวัดมาชุมนุมที่หน้าพรรค แต่ตนได้ห้ามไว้ แต่ทั้งหมดก็มีความต้องการคืนบัตรสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อลาออกจากสมาชิกพรรค แต่ตนขอให้ทุกฝ่ายใจเย็น กล้าพูดได้ว่า ส.ส.ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หากไปที่ไหนทุกพรรคอ้าแขนรับ
ปชป.ยังมีระเบิดเวลาอีกหลายลูก
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์แจ้งว่า หลังจากที่ได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม ของผู้ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรคอย่างรุนแรง นอกจากกรณีที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง ออกมาโจมตีนายวีระชัย วีระเมธีกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ว่าเป็นคนของกลุ่มทุนซื้อเก้าอี้พรรคแล้ว ยังมีนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมช.พาณิชย์ นายธีระ สลักเพชร รมว. วัฒนธรรม และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม เนื่องจากบุคคลทั้ง 3 ถือว่ายังไม่มีอาวุโสเท่าที่ควร และก็ไม่ได้ทุ่มเททำงานให้พรรคอย่างเต็มที่ ในขณะที่กลุ่มคนที่อยู่กับพรรคมานาน ทำงานด้วยความทุ่มเทอย่างนายนิพิฏฐ์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายจุติ ไกรฤกษ์ และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน กลับไม่ได้รับการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี ทำให้มีการพูดกันว่าหากเป็นเช่นนี้ให้ย้ายไปอยู่พรรคอื่น แล้วหา ส.ส.สังกัดกลุ่มให้ได้ 5 คนก็ได้เป็นรัฐมนตรีแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้พรรคอย่างนี้
เตรียมโละ กก.บห.พรรคชุดปัจจุบัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของ ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ภาคอื่นเว้นภาคใต้ เริ่มมีการจับกลุ่มพูดคุยกันถึงเรื่องแยกตัวออกจากพรรค โดยจะเคลื่อนไหวในแบบคลื่นใต้น้ำก่อน เพื่อต่อต้านการบริหารงานของนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ โดยจะพยายามให้มีการคัดเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่ไม่ง่ายต่อการถูกครอบงำหรือล็อบบี้ เพราะไม่ต้องการให้อำนาจบริหารพรรคเบ็ดเสร็จอยู่กับนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ หากไม่สำเร็จการเลือกตั้งครั้งต่อไปอาจมีการตัดสินใจบางสิ่งบางอย่างต่อไป เพราะที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ก็เคยบริหารงานบุคคลแบบไม่ฟังเสียงใครมาแล้ว เช่น การพยายามผลักดันนายศิริโชค โสภา ขึ้นเป็นโฆษกพรรค ทั้งๆที่ในพรรคไม่ตอบรับ จนกระทั่งไปลงมติเลือก นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ ที่ความจริงไม่ต้องการเป็นโฆษกพรรค แต่ถูกทาบทามมาเพื่อเป็นคู่แข่งของนายศิริโชคเท่านั้น จนทำให้นายอภิสิทธิ์เสียหน้าในกรณีดังกล่าวมาก
แกนนำขอร้องให้คนอกหักหุบปาก
หลังจากโผรายชื่อ ครม.ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ หลุดออกมา และมี ส.ส.และแกนนำพรรคหลายคนไม่พอใจ ทางผู้บริหารในพรรคได้ขอให้ทุกคนสงบปากคำเพื่อเห็นแก่ พรรค แต่ก็มี ส.ส.ของพรรคหลายคน อาทิ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง และนายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก ได้ออกมาวิจารณ์ถึงการโหวตเลือกผู้เหมาะสมดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ล่าสุดนายอภิสิทธิ์พยายามโทรศัพท์เพื่อจะติดต่อขอเคลียร์ แต่ ส.ส.หลายคนยังเก็บตัวเงียบ บางคนไม่ยอมรับโทรศัพท์ ในส่วนของนายองอาจเตรียมเดินทางไปสหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ที่ไม่รับโทรศัพท์นายสุเทพและนายอภิสิทธิ์ และยังอยู่ในพื้นที่ไม่ขึ้นมาที่พรรคเช่นกัน