ที่มา ประชาไท
26 กันยายน 2553
25 ก.ย.53 ที่หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบกรณีสลายการชุมนุมเดือน เม.ย.-พ.ค. 53 หรือ ศปช. ได้จัดงานระดมทุน "เราไม่ทอดทิ้งกัน ความจำ ความรัก ความจริง" เพื่อช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์สลายการ ชุมนุม รวมทั้งสนับสนุนการทำงานของศูนย์ข้อมูล โดยมีประชาชนซึ่งส่วนใหญ่สวมเสื้อแดงเข้าร่วมจนล้นห้องประชุม
ภายใน งานมีการเสวนาในช่วงเช้าและมีคอนเสิร์ตระดมทุนในช่วงค่ำ ส่วนช่วงบ่ายเป็นเวทีไต่สวนสาธารณะจากเหยื่อที่อยู่ในเหตุการณ์ความรุนแรง ที่เกิดขึ้น โดยมีคณะกรรมการได้แต่ กฤตยา อาชวนิจกุล , เกษม เพ็ญภินันท์, สาวตรี สุขศรี, เบญจรัตน์ แซ่ฉั่ว, ไชยยันต์ รัชชกูล มีรายละเอียด ดังนี้
ลุงปลาทู และ สันติพงษ์ อินทร์จัน
นายสันติพงษ์ อินทร์จัน ถูกกระสุนยางที่เบ้าตา บริเวณสี่แยกคอกวัว ปัจจุบันตาบอด 1 ข้าง
สัน ติพงษ์เล่าว่าในช่วงบ่ายของวันเกิดเหตุ กำลังนั่งทำกับข้าวที่บ้านเพื่อนำไปแจกประชาชนในที่ชุมนุม พอฟังวิทยุทางอินเตอร์เน็ตรู้ว่าทหารจะเข้ามาขอคืนพื้นที่และผู้ชุมนุมมี จำนวนน้อยเลยอยากไปช่วยกันทั้งบ้าน ถึงอนุเสาวรีย์ประมาณบ่าย 2 โมง เขาจึงแยกกับที่ไปสี่แยกคอกวัวตามที่แกนนำบนเวทีประกาศให้ไปช่วยผลักดันทหาร อยู่ทั่นั่นเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่การตั้งแนวของทั้งสองฝั่งซึ่งจะมีรั้วกั้น ระหว่างทหารกับผู้ชุมนุมและมีมีช่องว่างตรงกลาง ผู้ชุมนุมร้องรำทำเพลงกันตามประสา จากนั้นเริ่มมีแก๊สน้ำตาโปรยมาจากเฮลิคอปเตอร์ ทำให้ผู้ชุมนุมวิ่งหาน้ำล้างหน้ากันโกลาหล แล้วจึงกลับมารวมตัวกันใหม่ จนกระทั่งหกโมงเย็นจึงร่วมกันร้องเพลงชาติ นำพระบรมฉายาลักษณ์มาตั้งข้างหน้า พอฟ้าเริ่มมืด ทหารเริ่มเดินเข้ามาแล้วเกิดการปะทะกันขึ้น
คณะกรรมการ ไต่สวนถามถึงอาวุธของทั้งสองฝ่าย สันติพงษ์กล่าวว่า ทหารข้างหน้ามีโล่กับกระบอง แต่ข้างหลังมีปืน ผู้ชุมนุมมีถุงปลาร้า ขวดน้ำ หิน ผู้ชุมนุมอยู่กับที่แต่ทหารเดินเข้ามาเรื่อย พอเกิดการปะทะผู้ชุมนุมไม่สามารถต้านทหารได้ มีเสียงดังปังๆๆๆ และได้เห็นคนเจ็บทยอยลำเลียงส่งโรงพยาบาลเรื่อยๆ ช่วงจังหวะนั้นก้มลงล้างหน้าเพราะโดนแก๊สน้ำตา จังหวะนั้นนั้นเองจึงโดนกระสุนยางเข้าที่ตา
สำหรับคำถามว่ามีข้อเรียกร้องใดหรือไม่ สันติพงษ์กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองกระทำ ผู้ความจริง และยอมรับความจริง
“ผมไม่เคยเห็น 7 ขั้นตอนจากเบาไปหาหนักของเขา มีแต่เริ่มหนักแล้วหนักขึ้นเรื่อยๆ”สันติพงษ์กล่าว
10 เมษายน 2553
วสันต์ ภู่ทอง ถูกยิงเสียชีวิต ที่บริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยทา
10 เมษายน 2553
วสันต์ ภู่ทอง ถูกยิงเสียชีวิต ที่บริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยทา
กรณี ของวสันต์นั้น กลิ่น เทียนยิ้ม ผู้เป็นพี่เขยเป็นผู้ขึ้นมาให้ปากคำบนเวที โดยเริ่มต้นด้วยการเปิดคลิปเกี่ยวกับเหตุการณ์ 10 เม.ย.ที่ นปช.จัดทำขึ้นเพื่อนำข้อมูลมาโต้แย้งศอฉ.ว่าวสันต์ถูกยิงจากทิศทางของเสื้อ แดงด้วยกันเอง โดยโต้แย้งทั้งทิศทางและลักษณะของบาดแผลกระสุนเข้าซึ่งเป็นวิถีที่เข้าจาก แนวทหาร อย่างไรก็ตาม นายกลิ่นแสดงความผิดหวังอย่างรุนแรงเนื่องจากเวลาผ่านมาเกือบ 6 เดือนแต่การชันสูตทรและคดีความไม่คืบหน้า หลังเกิดเหตุญาติได้รับเพียงแต่ ใบรับรองแพทย์ที่ระบุว่าเสียชีวิตด้วยกระสุนความเร็วสูงเท่านั้น จึงขอประณามรัฐบาลและขอเรียกร้องให้สื่อมวลชน นักวิชาการช่วยติดตามผลการชันสูตรศพ เพื่อทวงถามความเป็นธรรมให้แก่ผู้เสียชีวิต เพราะขณะนี้ศพของวสันต์ก็ยังไม่ได้ฌาปนกิจ เนื่องจากหวังจะรอพิสูจน์ความจริง
14 พฤษภาคม 2553
นายธงไชย เหงวียน หรือ “ลุงปลาทู” ถูกยิงเข้าที่สะโพกซ้าย-ขวา ที่สวนลุมพินี
14 พฤษภาคม 2553
นายธงไชย เหงวียน หรือ “ลุงปลาทู” ถูกยิงเข้าที่สะโพกซ้าย-ขวา ที่สวนลุมพินี
ก่อน การไต่สวนมีการเปิดคลิปการรายงานข่าว มีการเปิดคลิปการรายงานข่าวของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ซึ่งบันทึกภาพลุงปลาทู และนักข่าวชาวแคนาดาขณะถูกยิงในช่วงสายของวันที่ 14 พ.ค. บริเวณริมรั้วสวนลุมพินี
ลุงปลาทูให้การว่าตนเดินทางไปซื้อปลาทูโดยใช้ เส้นทางถนนพระราม 4 ตามปกติ แต่วันเกิดเหตุพบว่ามีการปิดถนน ไปถึงได้แค่เพียงบ่อนไก่ และด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงขี่มอเตอร์ไซด์วนดู พบว่าบริเวณสน.ลุมพินี มีชาวบ้านและผู้สื่อข่าวมุงดูจำนวนมาก พร้อมกับเสียงกระสุนปืนที่ดังขึ้นเป็นระยะ ท้ายที่สุด นักข่าวแคนาดาและตนเองจึงชวนกันข้ามฝั่งไปหลบบริเวณกำแพงรั้วสวนลุมเพื่อ ซุ่มมองดูว่ากระสุนมาจากไหน สักพักเสียงปืนดังขึ้นอีกเป็นชุดราว 10 นาที ปรากฏว่านักข่าวคนดังกล่าวร่วงลงไป ตนกำลังจะลุกเข้าไปช่วยก็โดนเข้าที่สะโพก นัดแรกลอดลูกรงมาเข้าข้างขวา ก่อนจะโดนข้างซ้าย
จากนั้นจึงมีคนวิ่งเข้ามาช่วย ลุงปลาทูให้ช่วยนักข่าวก่อนเพราะโดนยิงที่ท้องน่าจะบาดเจ็บหนักกว่า แล้วจึงมีคนวิ่งเข้ามาหามลุงปลาทูต่อไป
ลุงปลาทูให้การว่าตนเดินทางไปซื้อปลาทูโดยใช้ เส้นทางถนนพระราม 4 ตามปกติ แต่วันเกิดเหตุพบว่ามีการปิดถนน ไปถึงได้แค่เพียงบ่อนไก่ และด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงขี่มอเตอร์ไซด์วนดู พบว่าบริเวณสน.ลุมพินี มีชาวบ้านและผู้สื่อข่าวมุงดูจำนวนมาก พร้อมกับเสียงกระสุนปืนที่ดังขึ้นเป็นระยะ ท้ายที่สุด นักข่าวแคนาดาและตนเองจึงชวนกันข้ามฝั่งไปหลบบริเวณกำแพงรั้วสวนลุมเพื่อ ซุ่มมองดูว่ากระสุนมาจากไหน สักพักเสียงปืนดังขึ้นอีกเป็นชุดราว 10 นาที ปรากฏว่านักข่าวคนดังกล่าวร่วงลงไป ตนกำลังจะลุกเข้าไปช่วยก็โดนเข้าที่สะโพก นัดแรกลอดลูกรงมาเข้าข้างขวา ก่อนจะโดนข้างซ้าย
จากนั้นจึงมีคนวิ่งเข้ามาช่วย ลุงปลาทูให้ช่วยนักข่าวก่อนเพราะโดนยิงที่ท้องน่าจะบาดเจ็บหนักกว่า แล้วจึงมีคนวิ่งเข้ามาหามลุงปลาทูต่อไป
“มีคนเข้ามาหามผม มันเจ็บมาก ผมบอกไม่ไหวแล้ว ลากไปแบบนี้ไม่ไหว บอกให้เขาเอาอะไรมารอง ไม่งั้นไม่ไป นอนนี่ดีกว่า ไม่เจ็บ (ผู้ฟังหัวเราะ) เขาเลยพาโล่ตำรวจมารอง แล้วยกมาสน.ลุมพินี นักข่าวอยู่เยอะ ถ่ายรูปทุกขั้นตอน” ลุงปลาทูเล่าถึงเหตุการณ์ก่อนถูกนำตัวส่งรพ.กล้วยน้ำไท แพทย์ผ่าตัดสะโพกด้านซ้ายและเอากระสุนให้ดูพบว่าเป็นลูกขนาดเท่านิ้วก้อย เป็นสีตะกั่วและฐานสีทองเหลือง ซึ่งตำรวจพื้นที่ซึ่งมาสอบปากคำที่โรงพยาบาลและเห็นหลักฐานบอกว่าเป็นกระสุน ปืนเอ็ม 16 ที่ผลิตจากประเทศจีน
15 พฤษภาคม 2553
ชัยวัฒน์ พุ่มพวง (และอุทร เพื่อนช่างภาพที่ไปด้วยกัน ) ช่างภาพจากสำนักข่าวเนชั่น ถูกยิงบริเวณถนนราชปรารภ
ชัย วัฒน์คือช่างภาพผู้ที่ถูกยิงที่ขา เดินขึ้นมาบนเวทีไต่สวนอย่างกระโผลกกระเผลก ต้องใช้ไม้เท้าค้ำยันและอาศัยการพยุงจากอุทร ชัยวัฒน์เล่าว่าในวันเกิดเหตุทั้งสองใส่เสื้อเกราะที่เขียนว่า PRESS และปลอกแขนสื่อมวลชนชัดเจน ขับมอเตอร์ไซด์เข้ามาในพื้นที่ซอยรางน้ำตั้งแต่ราว 10.30 น. และขับวนออกถนนราชปรารภ ช่วงนั้นเห็นศพผู้เสียชีวิตแล้ว 1 คน ผู้ชุมนุมพยายามจะเอาออกแต่เอาออกไม่ได้ เพราะมีการยิงจากทหารเข้ามาตลอด จนกระทั่งมีการหยุดยิง ทั้งสองเพิ่งมาถึงไม่ทราบว่าเป็นช่วงหยุดยิงก็เดินทางเข้าไป ทำให้ทหารเห็นว่ามีสื่อเข้ามาและไม่ยิง ผู้ชุมนุมจึงสามารถเอาศพผู้เสียชีวิตออกจากพื้นที่ได้ รวม 2 ศพ หนึ่งในนั้นคือ “น้องเฌอ” จนกระทั่งเริ่มมีการยิงอีกครั้งราวบ่าย 2-3 โมง ชัยวัฒน์เล่าว่าเขาถ่ายภาพโดยตลอดอย่างไม่ลดละโดยคิดว่าอย่างไรคงไม่โดนยิง แต่แล้วก็โดนเข้าที่ขา จึงทรุดนั่ง หยุดถ่ายภาพ โทรเรียกเพื่อนที่อยู่จุดใกล้เคียง นั่งรอราว 25-30 นาทีจึงมีทหารเข้ามานำขึ้นรถพยาบาลทหาร ซึ่งภายในชัยวัฒน์ตอบคำถามกรรมการไต่สวนโดยยืนยันว่า มีโลงศพอยู่ 3 โลงภายในรถจริงๆ แต่ไม่ทราบว่ามีศพอยู่ในนั้นหรือไม่ เพราะปิดรถแล้วมืดหมด เมื่อกรรมการถามว่าเห็นผู้ชุมนุมใช้อาวุธตอบโต้กับทหารตรงบริเวณดังกล่าว หรือไม่ ชัยวัฒน์ตอบว่า ไม่เห็นอาวุธ เห็นเพียงแต่บั้งไฟและประทัด
ใน ส่วนใบรับรองแพทย์นั้นระบุเพียงว่าโดนกระสุนความเร็วสูง และไม่รู้ว่าชนิดไหนเพราะกระสุนระเบิดที่ต้นขาเป็นชิ้นเล็กๆ นอนโรงพยาบาล 10 วัน ไม่มีเจ้าหน้าที่มาสอบปากคำแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม จะมีการฟ้องร้องรัฐบาลเพื่อหาผู้รับผิดชอบและให้กรณีนี้เป็นกรณีตัวอย่าง
ด้าน อุทร ระบุว่าตึกชีวาทัยนั้นเป็นตึกที่เขาคาดว่ามีหน่วยสไนเปอร์อยู่ และบริเวณดังกล่าวยังมีทหารที่คอยไล่ล่าผู้ชุมนุมอยู่ด้านล่าง เมื่อเกิดเหตุปะทะกันเขาเข้าไปหลบที่ตึกแห่งหนึ่งพร้อมกับกู้ชีพ 3 คน ปรากฏว่ามีทหาร 4 คนเข้ามาสั่งให้กู้ชีพนอนลง เอาปืนจ่อ ค้นตัวและถามว่า คนบาดเจ็บไปไหน เพราะเห็นรอยเลือดเป็นทางมาทางนี้
นอกจาก นี้เขายังแสดงภาพของญาติของ “กำปั้น” นักร้องชื่อดัง ที่ถูกยิงเสียชีวิตคาระเบียงคอนโดฯ ย่านรางน้ำ โดยระบุว่า กระสุนเข้าที่กกหูข้างหนึ่ง ซึ่งหมายความว่าผู้ยิงต้องอยู่บนตึกระดับเดียวกับผู้ตาย ไม่ใช่การยิงจากด้านล่าง นอกจากนี้ยังฉายภาพถ่ายทหารเล็งปืนจริงด้วย
“ผม ถ่ายภาพมาทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดง แต่วิธีปฏิบัติของรัฐไม่เหมือนกัน ทั่วโลกก็น่าจะรู้ เสื้อเหลืองทหารปฏิบัติอย่างหนึ่ง เสื้อแดงชุมนุมทหารปฏิบัติอีกอย่างหนึ่ง ... เสื้อเหลืองโดนสลายด้วยแก๊สน้ำตา มีคนตาย ผบ.ตร.โดนปลด เสื้อแดงโดนยิง ผบ.ทบ.ไม่เป็นไร”อุทรกล่าว
18 พฤษภาคม 2553
นิค นอสติทต์ ช่างภาพอิสระ เห็นเหตุการณ์การยิงจนมีผู้เสียชีวิตที่ถนนราชปรารภ (ชาญณรงค์ พลศรีลา)
18 พฤษภาคม 2553
นิค นอสติทต์ ช่างภาพอิสระ เห็นเหตุการณ์การยิงจนมีผู้เสียชีวิตที่ถนนราชปรารภ (ชาญณรงค์ พลศรีลา)
ก่อน การไต่สวนมีการเปิดคลิปมุมสูง เหตุการณ์?ผู้ชุมนุม 6-7 คนหลบห่ากระสุนหลังแนวยางรถยนต์หน้าปั๊มเชลล์ ถนนราชปรารภ ท่ามกลางเสียงปืนที่ดังไม่ขาดสาย
นิคเล่าวว่าเขามาถึงถนน ราชปรารภประมาณ 11.00 น. ช่วนั้นผู้ชุมนุมเพิ่งเริ่มเข้ามาที่ถนนสายนี้ รวมแล้วไม่น่าเกิน 60 คน ไม่มีอาวุธ ขณะเกิดเหตุหลายคนที่หลบตรงนั้นพยายามปีนข้ามกำแพงมาหลบ 2-3 คนแรกหนีทัน แต่เขาหนีไม่ทัน ขณะที่ทหารเข้ามาถึงในปั๊มแล้วและตะโกนบอกให้ทุกคนออกมา ชาญณรงค์ได้รับบาดเจ็บโดนยิงเข้าช่วงท้องตั้งแต่ตอนที่เขาหลบอยู่หลังแนวยาง รถ เขากระเสือกกระสนดิ้นลงไปในบ่อบัว นิกยอมมอบตัวกับทหารพร้อมบอกว่าเป็นสื่อมวลชน ทหารได้สั่งให้นิคไปดึงชาญณรงค์ขึ้นมาจากน้ำ แต่ดึงคนเดียวไม่ไหวจึงเรียกทหารให้เข้ามาช่วย ทหารด่าว่า “ไอ้เหี้ย ทำไมมึงไม่ตาย มึงตายดีกว่าเจ็บ กูต้องเอามึงไปโรงพยาบาลอีก” นิคบอกว่าเขาพูดอะไรไม่ออกและได้แต่เสนอให้เรียกหมอเพราะชาญณรงค์อาการหนัก ติดอยู่ที่นั่นราว 3 ชั่วโมงครึ่งจึงมีแพทย์ทหารมารับตัวไป
กรรมการไต่สวนถามว่ายืนยันได้ไหมว่าใครเป็นคนยิง นิคกล่าวว่า ชัดเจนว่าช่วงนั้นมีแต่การยิงจากแนวทหารอย่างเดียว เสียงปืนมาจากทางนั้น
1 เดือนหลังจากนั้นนิคตามหาชาญณรงค์โดยสืบจากบัญชีรายชื่อผู้เสียชีวิตจน กระทั่งพบว่าเขาเป็นหนึ่งในนั้น และนิคยอมเป็นพยานให้การคดีชาญณรงค์กับตำรวจสน.พญาไท เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากนี้เขายังได้รับการติดต่อจากจากคณะกรรมการปรองดองชุด นายคณิต ณ นคร รวมถึงดีเอสไอให้ไปให้ปากคำ ซึ่งเขายินดีให้ข้อมูลกับทุกฝ่าย
“ผม ไม่มีปัญหา ผมเป็นนักข่าวก็แค่ทำหน้าที่ของผม ไม่ได้มีความโกรธ ความแค้นกับใคร ผมเพียงแต่พูดความจริง และยินดีคุยกับทุกคน” นิคกล่าว
19 พฤษภาคม 2553
ระหว่าง เสกสิทธิ์เล่าเหตุการณ์ มีผู้ฟังคนหนึ่งลุกขึ้นรวบรวมเงินบริจาจากผู้ร่วมงานในหอประชุมได้กว่า 6,000 บาท มอบให้เขาเพื่อเป็นทุนส่วนหนึ่งสำหรับผ่ากระสุนออก
19 พฤษภาคม 2553
เสกสิทธิ์ ช้างทอง ถูกยิงบริเวณถนนพระราม 4 หน้าพรรคเพื่อไทย ปัจจุบันตาบอดทั้ง 2 ข้าง
ก่อน การไต่สวนมีการเปิดคลิปบริเวณหน้าพรรคเพื่อไทย ช่วงเวลาประมาณ 10.00-11.00 ทหารประกาศให้คนออกจากหลังรถเมล์ภายใน 3 วินาที ก่อนระดมยิงเข้าใส่ รวมทั้งการกันไม่ให้รถพยาบาลเข้ามาในพื้นที่
เสกสิทธิ์ เป็นหนึ่งในเหยื่อรายแรกที่อยู่บริเวณนั้น เขาถูกจูงขึ้นมาบนเวทีและพิธีกรพยายามเล่าคลิปที่เพิ่งฉายให้คนดูเมื่อครู่ ว่าเป็นเหตุการณ์ไหน อย่างไร เนื่องจากเขาไม่สามารถมองเห็นได้อีกแล้ว
เสก สิทธิ์เล่าวว่า เขาเป็นคนขับมอเตอร์ไซด์รับจ้าง อยู่ดูลาดเลาร่วมกับผู้ชุมนุมตั้งแต่ 7.30 น. พบว่าผู้ชุมนุมมารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ และตะโกนบอกทหารว่าอย่าทำร้ายคนที่ราชประสงค์ อย่างไรก็ตาม แม้ในคลิปจะพบว่าเจ้าหน้าที่มีการเจรจากับผู้ชุมนุมก่อนยิง แต่ในช่วงที่เขาโดนยิงนั้น เขาจำได้ดีว่ามันไม่มีการกล่าวเตือนหรือบอกกล่าวอะไรเลย เพียงได้ยินเสียงปืนดังรอบทิศทาง และเห็นกิ่งไม้โดนกระสุนจนหักจึงพยายามจะหลบออกจากวิถีกระสุน พอลุกขึ้นกระสุนปืนก็ปะทะ ทำให้ล้มหน้าฟาดพื้น ตอนนั้นลืมตาไม่ขึ้นมืดไปหมด ร้องให้คนมาช่วย
ปัจจุบัน กระสุนปืนยังฝังอยู่บริเวณหว่างคิ้วของเขา โดยตัดประสานตาทั้ง 2 ข้าง หมอบอกว่าให้ทำใจแม้ผ่าตัดออกมาก็คงจะเรียกคืนการมองเห็นไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เขาต้องการความช่วยเหลือในการผ่าตัดเอากระสุนออก เพราะการมีกระสุนค้างอยู่ทำให้เวลาลืมตาแล้วน้ำตาไหลและปวดตา ปวดหัวมาก ต้องหลับตาตลอด นั่งรถยนต์ก็ทรมาน
กรรมการไต่สวนถามว่า ประชาชนบริเวณนั้นมีอาวุธหรือไม่ เขาตอบว่า มีแต่มือกับปากและเสียงตะโกนว่าอย่าใช้อาวุธกับประชาชน สำหรับข้อเรียกร้องนั้นขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ จริงๆ อย่างที่โฆษณาไว้ เพราะหลายคนรวมทั้งตัวเขาก็ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ
19 พฤษภาคม
พรพิมล พูนผล ผู้ชุมนุมที่อยู่ในวัดปทุม
19 พฤษภาคม
พรพิมล พูนผล ผู้ชุมนุมที่อยู่ในวัดปทุม
ก่อน การไต่สวนมีการเปิดคลิปทหารบนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส และคลิปสัมภาษณ์ผู้อยู่ในเหตุการณ์จากประชาชนทั่วไปและอาสาสมัครของศูนย์ ข้อมูลฯ ซึ่งชี้ให้เห็นรอยกระสุนหลายรูบริเวณกำแพงวัดปทุม รวมทั้งกระสุนที่ลงมายังฝากระโปรงรถที่จอดอยู่ซึ่งสะท้อนว่ามาจากมุมสูง
พร พิมล เป็นคนกทม. ร่วมชุมนุมกับ นปช.แบบค้างคืนไม่กลับบ้านตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย วันเกิดเหตุเธอยืนยันว่าประมาณ 6 โมงเย็น เห็นทหารบนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งเริ่มยิงลงมาด้านล่าง พร้อมตะโกนว่าให้คนที่หลบอยู่ใต้ท้องรถซึ่งจอดอยู่ด้านหน้าของวัดถัดจาก กำแพงวัดเข้าไปออกมาให้หมด ไม่เช่นนั้นจะยิง “ไม่ออกกูยิงมึงแน่” เธอเล่าว่าเห็นชัดเจนกระทั่งใบหน้า และสติ๊กเกอร์สีชมพูที่ติดอยู่บนหมวก เครื่องแบบทหาร 4-5 นายซึ่งถือปืนขู่อยู่บนรางรถไฟฟ้า สุดท้าย ทุกคนที่อยู่ใต้รถก็ออกมายืนที่โล่ง ผู้ชายให้ถอดเสื้อและยกมือขึ้น จากนั้นทหารก็พูดเหมือนจะมาทำประวัติ พอเดินคล้อยหลังไป ทุกคนราว 20 คนก็วิ่งเข้าไปข้างในวัด ไม่นานนักก็พบว่ามีผู้เสียชีวิตที่ผู้ชุมนุมนำมานอนเรียงรายกันถึง 6 ศพ ท่ามกลางเสียงปืนที่ดังตลอดคืนและมีหยุดเป็นพักๆ จนกระทั่งเช้าวันที่ 20 พ.ค.ก็ยังมีเสียงปืนอยู่
นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้ ร่วมฟังที่อยู่ในเหตุการณ์ได้ขึ้นมาร่วมการไต่สวน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่วาจะเป็นการถูกยิงที่ลำคอ ขา เท้า ซึ่งทั้งหมดกล่าวว่า ไม่ต้องการเรียกร้องจากรัฐบาลเนื่องจากไม่เหลือความเชื่อถือรัฐบาล
“มอง ไปเหมือนพวกลิงหลอกเจ้า...ถ้าจะเรียกร้องสิทธิใดๆ ผมจะขอเรียกร้องจากรัฐบาลข้างหน้า” ทศพล ผู้ร่วมงานและได้รับบาดเจ็บถูกยิงเฉี่ยวคอที่แยกศาลาแดงกล่าว