สวน สันติธรรมออกโรงแจงข้อเท็จจริงถูกร้องเรียน พาสื่อมวลชนกว่า 50 คนร่วมฟังธรรมหลวงพ่อ ปราโมทย์ ปาโมชฺโช พร้อมทั้งเดินสำรวจทั่วพื้นที่ให้คลายสงสัย ทนายแจงอยากให้เรื่องสงบ เผยไม่ต้องการฟ้องร้อง
เมื่อ วันที่ 25 กันยายน ที่สำนักปฏิบัติธรรมสวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้มีสื่อมวลชนทยอยเดินไปรายงานข่าวกว่า 50 คน ช่วงที่ลงทะเบียนได้มีการแจกเอกสารแถลงข้อเท็จจริงกรณีหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช และอุบาสิกาอรนุช สันตยากร เมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา กรณีที่มีกุฎิอยู่ใกล้กัน รวมทั้งเนื่องจากคำสอนธรรมะ ผลการสอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และเรื่องการลาออกของคณะกรรมการสวนสันติธรรม รวมทั้งเรื่องบัญชีในธนาคารต่างของสวนสันติธรรมอีกด้วย นอกจากนี้ยังได้มีการแจกภาพถ่ายทางอากาศเกี่ยวกับที่ตั้งของสวนสันติธรรม เพื่อยืนยันเกี่ยวกับจุดตั้งของกุฎิสงฆ์ และกุฎิของผู้ปฏิบัติธรรม นอกจากนี้ยังให้สื่อมวลชนรวมทั้งญาติธรรมของพระปราโมทย์ ปาโมชฺโช ประมาณ 600 คน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนกรุงเทพฯและต่างจังหวัดเข้าร่วมการฟังธรรมในครั้งนี้ ด้วย
พระปราโมทย์ ปาโมชฺโช จะแสดงธรรมโดยให้ผู้ที่เข้ารับฟังธรรมแสดงตัวเลขที่ตนเองถืออยู่ หลังจากนั้นพระปราโมทย์ ปาโมชฺโชจะเรียกหมายเลขที่ต้องการให้ถาม ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการปฏิบัติธรรมตามที่ได้รับการแนะนำไป โดยห้ามไม่ให้ถามในเรื่องที่มีปัญหาอยู่ในขณะนี้ โดยอ้างถึงกาละเทศะ โดยพระปราโมทย์ ปาโมชฺโช ได้ตอบคำถามที่บรรดาผู้ที่เข้ารับฟังธรรมในครั้งนี้ อาทิ ทำอะไรก็ได้ที่ไม่เป็นทุกข์ ต้องมีการพัฒนาจิตวิญญาณให้เป็นไปตามลำดับ หากจิตเครียดจะเป็นอกุศลจิต ภาวนาให้เป็นจะไม่เป็นบ้า ซึ่งคำแนะนำของพระปราโมทย์ จะเน้นในเรื่องของการพัฒนาจิตเป็นส่วนใหญ่ เกี่ยวกับการปฏิบัติสมาธิ โดยใช้เวลานานประมาณ 30 นาที ก่อนที่หยุดการตอบปัญหาธรรมะ ได้กล่าวว่า
"อยากพาทุกคนไปทัวร์รอบวัด แต่เกรงว่าหากใครพกพายาบ้ามาด้วย เดี๋ยวอาตมาโดนอีกข้อหาพระยาบ้า"
หลัง จากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ของสวนสันติธรรมได้พา สื่อมวลชนเดินชมรอบบริเวณวัด โดยเริ่มตั้งแต่ศาลาปฏิบัติธรรม โรงอาหาร กุฎิของผู้ปฏิบัติธรรม 6 หลัง ซึ่งจะมีผู้มาปฏิบัติธรรมครั้งละ 6 คน มีช่วงวันจันทร์ถึงพฤหัสบดี และวันศุกร์ถึงวันอาทิตย์ ขณะนี้มีผู้สั่งจองมาปฏิบัติธรรมกว่า 1,000 คน รวมทั้งกุฎิสงฆ์ทั้งหมด 6 หลัง รวมทั้งกุฏิของพระปราโมทย์ ปาโมชฺโช และกุฎิของอุบาสิกาอรนุช สันตยากร ซึ่งอยู่ห่างกันมากประมาณ 120-130 เมตร โดยมีป่าปกคลุมจนมองกันไม่เห็น ได้รับการชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ของสวนสันติธรรมว่า หากเป็นพระป่าแล้วต้องการความสงบ เพื่อปลีกวิเวกจึงต้องมีการปลูกต้นไม้หนาทึบ และให้ระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะมีงูเต็มไปหมด
ต่อ มาที่ศาลาแสดงธรรม นายธนเดธ พ่วงพูล ทนายความซึ่งได้รับมอบอำนาจจากพระปราโมทย์ นายสุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา ลูกศิษย์พระปราโมทย์ ร่วมกันแถลงข่าวและตอบข้อซักถามของสื่อมวลชน
นาย ธนเดธ พ่วงพูล ทนายความกล่าวว่า กรณีการลาออกของคณะกรรมการสวนสันติธรรมนั้น ปกติจะมีกรรมการทั้งหมด 30 คน ได้ลาออกทั้งหมด 6 คน รวมทั้งที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ซึ่งผู้ที่ลาออกทั้งหมดได้ไปลาหลวงพ่อปราโมทย์ทุกคน ส่วนใหญ่จะอ้างว่าติดภารกิจไม่สามารถช่วยเหลืองานของสวนสันติธรรมได้ ส่วนที่เหลืออีก 24 คนยืนยันที่จะช่วยเหลือกันต่อไป โดยมีความเชื่อในปฏิปทาหลวงพ่อปราโมทย์ ส่วนในเรื่องของบัญชีของสวนสันติธรรมได้แจกจ่ายให้ทราบกันแล้ว ทางสวนสันติธรรมมีเงินเหลืออยู่ในขณะนี้ทั้งหมด 21,154,992.10 บาท
"ส่วน การสอบสวนทางราชการ กรมสืบสวนคดีพิเศษ รวมทั้งสำนักพุทธศาสนา ก็ยืนยันมาแล้วว่าไม่มีความผิดแต่อย่างใด" นายธนเดธกล่าวและว่า ส่วนการฟ้องร้องนั้น ในฐานะทนายความก็อยากจะดำเนินการฟ้องร้อง แต่หลวงพ่อมีเจตนาไม่ต้องการฟ้องใคร ส่วนการจะให้สวนสันติธรรมเป็นวัดนั้น รอการอนุมัติ หลังจากนั้นจะปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไป
นาย สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา ลูกศิษย์กล่าวว่า ในแนวคำสอนของ หลวงพ่อปราโมทย์นั้นฝึกให้ทุกคนมีสติ รู้กาย รู้ใจเป็นหลัก บางคนใช้เวลา 10-20 นาที เน้นรูปแบบการปฏิบัติภาวนา รู้ลมหายใจ ฝึกสติ จิตสงบ ผู้ที่เข้ามาฝึกปฏิบัติก็แล้วแต่จริตของแต่ละคน หากไม่ถูกจริตถือว่าปกติ ส่วนใหญ่จะชี้แนะและนำไปปฏิบัติเอง
"ส่วน กรณีที่หลวงพ่อปราโมทย์เขียนจดหมายและใช้คำ ว่าลูก เนื่องจาก นางฐิตินาถ ณ พัทลุง ได้มาขอกราบให้รับหลวงพ่อรับเป็นลูกสาว ในเนื้อความของจดหมายจึงใช้คำว่าลูก การที่เขียนจดหมายต้องการให้เกิดความมานะพากเพียรปฏิบัติ เพื่อให้พ้นทุกข์ตามหลักสอนของศาสนาพุทธ" นายสุรวัฒน์กล่าวและว่า การกล่าวร้ายหลวงพ่อปราโมทย์หากตรวจสอบทุกประเด็นแล้วไม่มีความจริงอะไรเลย ในการนำเสนอข่าวอยากให้มีการพิจารณาให้ดี เพราะจะส่งผลกระทบต่อพุทธศาสนา