บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2553

"บลูไดมอนด์"บลูส์ ขับขานคลอสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ

ที่มา มติชน



โดย ปิยมิตร ปัญญา piyamitara@gmail.com

ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นเรื่องแปลกนะครับ ผู้รู้เคยบอกเอาไว้ว่า นี่เป็นเรื่องที่สร้างยาก แต่ถ้าอยากทำลายน่ะ ง่ายนิดเดียว!

ผม เชื่อว่ามีไม่น้อยที่คิดว่าเรื่องราวที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทย กับซาอุดีอาระเบียตกอยู่ในสภาพต่ำเตี้ยเรี่ยดินมายาวนานร่วมๆ 2 ทศวรรษเข้าให้นี่แล้ว เป็นเรื่อง "ง่ายๆ" แล้วพาลไม่เข้าใจว่าด้วยเหตุใดอีกฝ่ายถึงได้ตั้งแง่ตั้งเงื่อนปมไว้มากมาย ถึงขนาดนั้น

มีกังขาขึ้นมาเช่นกันว่าซาอุดีอาระเบียกำลัง แทรกแซงกิจการภายในของไทย -ใช่หรือไม่? ในขณะที่อีกบางคนอาจเห็นว่าเรื่องนี้ "เล็กๆ" ไม่แยแสเสียเลยก็ไม่น่าจะเป็นอะไรมากมายไปกว่าที่เคยเป็นมา

ความรู้สึกเช่นนี้ ทำนองนี้เกิดขึ้นได้ครับ แต่หากใคร่ครวญกันด้วยเหตุและผล ยึดถือเอาสารัตถะของเรื่องเป็นที่ตั้งแล้ว

ผมเชื่อว่าทุกคนต้องเข้าใจทางการซาอุดีอาระเบีย เข้าใจว่าทำไมต้อง "แสดงออกถึงความไม่พอใจ" ในหลายๆ เรื่องหลายๆ ครั้ง

การ แสดงออกทางการทูตของซาอุดีอาระเบียอันเกี่ยว เนื่องกับกรณีนี้ทั้งหมด ไม่ใช่เป็นการแสดงออกถึง "ความรู้สึก" หากแต่เป็นการแสดงออกถึง "ความไม่เข้าใจ" และ "ความคับข้องใจ" ต่อเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ ซึ่งยิ่งนับวันยิ่งทวีมากขึ้นทุกที สั่งสมจนกระทั่งกลายเป็นเหตุแห่งความไม่พอใจและร้องขอ "ข้อเท็จจริง" เรื่อยมาจนกระทั่งทุกวันนี้

เหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้น วันใดวันหนึ่ง เวลาใดเวลาหนึ่งระหว่างวันที่ 20 มิถุนายน และ 8 สิงหาคม เมื่อ 20 ปีก่อนหน้านี้ ไม่เพียงส่งผลกระทบหลายต่อหลายด้านกับประเทศไทย ยังส่งผลสะเทือนต่อซาอุดีอาระเบียด้วยเช่นเดียวกัน

หากเลือกได้ ซาอุดีอาระเบียเองอยากเลือกที่จะฟื้นสัมพันธ์ขั้นปกติขึ้นโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

แต่ จนกระทั่งถึงวันนี้ คำถามหลายคำถามยังไม่มีคำตอบ ข้อเท็จจริงหลายประการยังไม่กระจ่าง อัญมณีสำคัญยังไม่ได้กลับคืน สภาวะอึดอัดคับข้องใจซึ่งกันและกันยังต้องดำเนินต่อไป

เพลงเศร้ายังคงขับขานคลอขนานไปกับสัมพันธ์ระหว่างกันต่อไป

--------------

เกรียงไกร เตชะโม่ง เคยให้สัมภาษณ์ไว้ครั้งหนึ่งลึกซึ้งอย่างยิ่งว่า หากรู้ล่วงหน้าว่าทุกอย่างจะเป็นเช่นนี้ เขาคงไม่มีวันลงมือขโมย "เพชรซาอุฯ" ในวันนั้นแน่นอน


เกรียงไกรพ้นโทษกลับไปทำ นาอยู่อย่างสมถะที่บ้านใน อ.เถิน จ.ลำปาง ในสภาพมือเปล่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้มาจากทรัพย์สินซึ่งไม่ใช่ของตนเองจากการตัดสินใจใน วันนั้น มลายหายไปอย่างรวดเร็ว-หมดจด

เขาคงคาดเดาได้ว่า สักวันคงมีผู้รู้เรื่องการปล้นในวันนั้นและโทษทัณฑ์จะตามมาถึง แต่ต่อให้คาดคิดอย่างไร เกรียงไกรไม่มีวันคาดหมายได้เด็ดขาดว่าการกระทำของตนเองจะก่อให้เกิดการสูญ เสียมากมายมหาศาล คร่าชีวิตคนที่ยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องคนแล้วคนเล่า และกลายเป็นอาถรรพ์ที่สิงสู่อยู่คู่กับความสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯเรื่อยมาจนถึง บัดนี้

คืนนั้นเขา ลอบปีนหน้าต่างชั้นสองของพระราชวังที่ ประทับเจ้าชายไฟซาล บิน อัลดุล ราอิช ในกรุงริยาดห์ กวาดเอาอัญมณี เครื่องประดับ เพชรพลอยและข้าวของมีค่าจากเซฟในห้องนอนของเจ้าชาย คิดเป็นมูลค่าราว 502 ล้านบาท

จัดการส่งข้าวของทั้งหมดกลับมา ก่อนที่จะลาออกจากการทำหน้าที่พ่อบ้านเดินทางกลับประเทศไทย

หนึ่ง ในจำนวนอัญมณีที่เกรียงไกรลักลอบขโมยออกมา จากวังเจ้าชายแห่งริยาดห์คือ "บลูไดมอนด์" เพชรหายากน้ำหนัก 50 กะรัต มูลค่าของมันมิอาจประเมินได้ เนื่องจากนี่คือมรดกตกทอดสำหรับทายาทสืบตระกูลเท่านั้น

น้ำหนัก ของข้าวของล้ำค่าที่เขาลักลอบนำเข้าประเทศมาด้วยหนนั้นรวมกันแล้ว ถึง 90 กิโลกรัม! จัดแบ่งใส่กระเป๋าเจมส์บอนด์ 3 ใบ ส่งทางเครื่องบินกลับมายังประเทศไทย

เกรียงไกรขโมยเพชรเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2532 เขาถูกจับกุมพร้อมของกลางส่วนที่เหลือเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2533 ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก

เรื่องราวน่าจะลงเอยด้วยดีหลังจากนั้น แต่การจับกุมเกรียงไกรกลายเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของมหากาพย์เรื่องนี้

สิ่ง ที่เกิดขึ้นตามมาในช่วงระยะเวลาเพียงไม่ถึง 5 สัปดาห์หลังจากนั้น ก็คือการหายตัวไปของบุคคลถือสัญชาติซาอุดีอาระเบีย 4 คน 3 คน ในจำนวนนั้นเป็นบุคคลระดับเจ้าหน้าที่ทูต บุคคลในระดับที่สมควรได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครองทางการทูต อีกหนึ่งคนเป็นนักธุรกิจ

การหายตัวไปกลายเป็นการอุ้ม-ฆ่า

เท่า นั้นยังไม่พอ มีนาคม 2533 ทางการไทยส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงเดินทางไปส่งมอบอัญมณีของกลางคืนถึง พระราชวังเจ้าชายไฟซาล หนึ่งเดือนให้หลัง โมฮัมเหม็ด ซาอิด โคจา อุปทูตซาอุดีอาระเบีย ส่งจดหมายอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลซาอุดีอาระเบียถึง พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น

ข้อความบ่งบอกว่า ไม่เพียงไม่มี "บลูไดมอนด์" แล้ว 70 เปอร์เซ็นต์ ของเพชรของกลางที่ถูกส่งคืนไปนั้น

ยังเป็นเพชรปลอม!

-----------------------

อับดุลลาห์ อัลเบซรี่, ฟาฮัด อัลบานี่ และ อาเหม็ด อัลซาอิฟ คือเจ้าหน้าที่ทูตประจำสถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบีย ที่กรุงเทพฯ ซึ่งถูกสังหารด้วยอาวุธปืนในท่วงทำนองของการ "ประหาร" แยกกันเป็น 2 เหตุการณ์ในกรุงเทพฯ ในวันเดียวกันคือ 1 กุมภาพันธ์ 2533

มูฮัมหมัด อัลรูไวลี่ นักธุรกิจผู้ถือหุ้นในบริษัทจัดหาแรงงานระหว่างประเทศชื่อ "ซินเซียร์ อินเตอร์เนชั่นแนล รีครูทเมนท์" ที่เชื่อกันว่าอยู่ในรถคันหนึ่งซึ่งนักการทูตรายหนึ่งที่ตกเป็นเหยื่อกระสุน หายตัวไปในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ถัดมา เชื่อว่าเสียชีวิตแล้ว

ผม เคยเข้าไปนั่งพูดคุยกับ โมฮัมเหม็ด ซาอิด โคจา เขาชี้ให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างคดีทั้งสองคดีกับคดีเพชร ชี้ให้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากลของเรื่องทั้งหมด ชี้ให้เห็นถึงความพยายามบางอย่างจากคนบางกลุ่มเพื่อ "อำพราง" ความจริงทั้งหมด

ในทรรศนะของโคจา นักการทูตเหล่านั้นถูกสังหารเพราะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับการขโมยและการปกปิด ปลอมแปลงเพชร ในขณะที่อัลรูไวลี่ ซึ่งสนิทสนมกับนักการทูตเหล่านี้ดี ถูกสังหารอาจจะเพราะล่วงรู้ทั้ง "ความลับแห่งอัญมณี" และล่วงรู้ถึงการสังหารในครั้งนั้น

อัลรูไวลี่จึงต้องตายตามไปด้วย

ในความรู้สึกของคนอย่าง โมฮัมเหม็ด ซาอิด โคจา เหตุการณ์ทั้งหมด ไม่เพียงเป็นขโมยซ้อนขโมย ปล้นซ้อนปล้นเท่านั้น

ยังเป็นการปล้นแล้วกลับไปตบหน้าซ้ำเป็นการหยามกันชนิดถึงขีดสุดด้วยการส่งเพชรปลอมกลับคืนด้วยอีกต่างหาก

-----------------

นับ เนื่องตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา การสร้างความกระจ่างให้กับคดีทั้งหมดเหล่านี้ คือภารกิจที่มีลำดับความสำคัญสูงสุดของสถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบีย ประจำประเทศไทย

นาบิล ฮุสเซน อัสชรี ก็เป็นเช่นเดียวกับ โมฮัมเหม็ด ซาอิด โคจา มีคุณสมบัติพร้อมเพียงพอต่อการไปรับตำแหน่งเอกอัครราชทูต ณ ประเทศหนึ่งประเทศใดได้สบายๆ แต่ต้องมารับเพียงตำแหน่ง "อุปทูต" ในเมืองไทย

นา บิล อัสชรี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านการประชาสัมพันธ์ ทำปริญญาเอกด้านรัฐศาสตร์ ก่อนหน้าจะเข้ามาอยู่ในแวดวงการทูต เคยเป็นทั้งผู้สื่อข่าว ทั้งคอลัมนิสต์ให้กับหนังสือพิมพ์ชั้นนำของซาอุดีอาระเบียอย่าง อัล บิลัด และ อัลจาซีร่า

ในด้านการทูตเคยขึ้นไปดำรงตำแหน่งเป็นถึง อัครราชทูตที่ปรึกษาประจำกระทรวงต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย เป็นนักการทูตซาอุดีอาระเบียผู้หนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วยุโรป จากบทบาททั้งใน องค์การพลังานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) และ ในฐานะตัวแทนของซาอุดีฯในสหภาพยุโรป

ถ้าไม่เอาดีทางการทูต นาบิล อัสชรี ไปเอาดีทางด้านกีฬาได้สบายๆ เพราะนี่คือ แชมป์เทกวนโด ระดับสายดำ ดั้ง 4 (สามารถเป็นผู้ฝึกสอนเทกวนโดได้) ที่ได้รับจากสมาพันธ์เทกวนโดโลกแห่งเกาหลีใต้ ตั้งแต่เมื่อปี 1982

แต่ เมื่ออายุความของหลายคดีที่เกี่ยวเนื่องกับเพชรและการสังหารนักการทูต ซาอุดีอาระเบียกำลังคืบคลานใกล้เข้ามา และรัฐบาลไทยรัฐบาลแล้วรัฐบาลเล่าล้มเหลวโดยสิ้นเชิงที่จะตอบคำถาม สร้างความกระจ่างให้กับคดีทั้งหมด คนอย่าง นาบิล ฮุสเซน อัสชรี ก็จำเป็นต้องเดินทางมารับตำแหน่งในไทย

"ไพรออ ริตี้" ยังเหมือนเดิม คำถามยังเหมือนเดิม "บลูไดมอนด์" อยู่ที่ไหน เพชรส่วนใหญ่ที่เหลืออยู่ที่ใคร? ใครคือผู้สังหารนักการทูตทั้ง 3 ราย? ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังในการจัดการให้เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างเป็นขั้น เป็นตอน? ใครกันหนอพยายามปกปิด? และปกปิดอะไรกัน?

นา บิล ฮุสเซน อัสซรี คาดหวังว่า ตนเองจะประสบความสำเร็จใดๆ บ้างเมื่อสามารถผลักดันจนทำให้มีการคดีฟ้องร้องและศาลประทับรับฟ้องได้ในที่ สุด

ทุกอย่างกำลังขยับขยายไปในทางที่ดี แล้วก็ให้บังเกิดมีชื่อ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ได้รับการเลื่อนตำแหน่งขึ้นมา

ผม หวนนึกถึงความรู้สึกเหมือนถูกตบหน้า ถูกหยามของ โมฮัมเหม็ด ซาอิด โคจา ในครั้งนั้น และภาวนาอยู่ในใจขออย่าให้ นาบิล อัสซรี รู้สึกอย่างเดียวกัน

ประเดี๋ยวจะร่ำลือกันไปใหญ่ว่า อาถรรพ์บลูไดมอนด์ เป็นจริง!!!

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker