วานนี้ (10 มิ.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) ร่วมกับคณะกรรมาธิการสามัญประจำวุฒิสภา 22 คณะ ได้จัดเสวนาวิชาการเรื่อง “ทางออกจากความขัดแย้งของสังคมไทย” โดยมี น.ส.ทัศนา บุญทอง รองประธานวุฒิสภา เป็นประธานกล่าวเปิดการสัมมนา รูปแบบของการเสวนาได้แบ่งเป็น 2 ช่วงคือ ช่วงเช้าเป็นการอภิปรายของ ส.ว.เลือกตั้งที่ร่วมลงนามเสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษารัฐธรรมนูญ 2550 ประกอบด้วยนายยุทธนา ยุพฤทธ์ ส.ว.ยโสธร นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว.ศรีสะเกษ นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ส.ว.ราชบุรี โดยทุกคนได้แสดงความเห็นทางเดียวกันคือสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ขณะที่ช่วงบ่ายเป็นการอภิปรายของกลุ่ม ส.ว.สรรหาที่คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้แก่ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย นายวรินทร์ เทียมจรัส และนายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการสัมมนาเริ่มดุเดือดขึ้น เมื่อนายวรินทร์ เทียมจรัส ที่มีคิวอภิปรายช่วงบ่าย ลุกขึ้นกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า ตอนเห็นหัวข้อสัมมนาก็เห็นว่าเป็นหัวข้อที่ดีมาก ที่จะหาทางออกให้ประเทศชาติ แต่นั่งฟังมากว่า 2 ชั่วโมง ยังไม่เห็นเข้าประเด็นสักที มีแต่เอาความในใจมาพูดกัน ถ้าจะจัดแบบนี้ไม่ต้องจัดก็ได้ เหมือนแทงกันข้างหลัง ตนจะไม่ ขอร่วมอภิปรายในช่วงบ่าย เพราะยิ่งพูดแทนที่จะหาทางออกกับกลายเป็นยิ่งเพิ่มความขัดแย้งมากขึ้น และเงินที่นำมาจัดสัมมนาที่จริงควรตกเป็นของประชาชน ไม่ควรนำมาใช้ระบายความในใจกัน ถ้าอึดอัดปิดห้องคุยกันก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมาเปลืองงบประมาณแบบนี้ แต่ในเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ยังติดใจมาตรา 237 และ 309 ที่เป็นเรื่องจริยธรรมของนักการเมือง กลไกทางกฎหมายตามมาตรา 309 ก็ต้องทำแบบนั้น ไม่เช่นนั้นก็ต้องออกกฎหมายนิรโทษกรรม หากไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญ 2550 พวกเราก็ต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้านกันหมดทั้ง ส.ส. ส.ว. องค์กรอิสระหรือแม้แต่รัฐบาล เพราะต่างก็มาจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ไม่มีใครลอยฟ้ามาแน่ๆ จากการลุกขึ้นกล่าวทะลุกลางปล้องของนายวรินทร์ ทำให้งานสัมมนาต้องล่มไปในที่สุด