กรุงเทพฯ 18 มิ.ย.– กกต.เผยมีคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งเพียง 648 สำนวน ไม่ใช่กว่า 700 สำนวนอย่างที่พันธมิตรฯ กล่าวอ้าง ระบุพิจารณาไปแล้วกว่า 300 สำนวน ส่วนใหญ่ที่ยกคำร้องเพราะไร้หลักฐาน สามารถชี้แจงได้ทุกเรื่อง ด้านประธาน กกต. ยืนยันไม่ได้เข้าข้างใคร
นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เรียกร้องให้ กกต.ตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบสำนวนของพรรคพลังประชาชน ที่ถูกยกคำร้องกว่า 700 สำนวนว่า สำนวนที่มีการร้องคัดค้านเข้ามายัง กกต. มีเพียงแค่ 648 สำนวนเท่านั้น และมีการลงมติไปแล้ว 300 กว่าสำนวน ส่วนที่มีการยกคำร้องไปนั้นส่วนใหญ่เป็นการกล่าวหากันลอยๆ พอเชิญผู้ร้องมาให้ปากคำก็ไม่มีข้อมูลหลักฐาน ดังนั้น สำนวนที่ยกคำร้องไป กกต.สามารถชี้แจงได้ทุกเรื่อง เพราะพิจารณาเท่าเทียมกันทุกพรรค ไม่เฉพาะพรรคใดพรรคหนึ่ง ยืนยันว่า เราทำงานตามกฎหมาย พยานหลักฐานและข้อเท็จจริงเป็นหลัก
เมื่อถามว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ประกาศแตกหักกับรัฐบาลจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของ กกต.หรือไม่ นายประพันธ์ กล่าวว่า การทำงานของ กกต. ยังเหมือนเดิม อยากให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงชาติบ้านเมือง ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะตอนนี้บ้านเมืองมีปัญหามาก ถ้าหากชุมนุมอยู่ในกรอบกฎหมาย ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ทำร้ายร่างกายกัน ก็คงไม่มีปัญหา
ด้านนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. กล่าวถึงการที่กลุ่มพันธมิตรฯ พยายามแยก กกต.ออกเป็น 2 ฝ่าย โดยยอมรับว่า ลำบากใจ แต่ยืนยันว่าขณะนี้ กกต.ทั้ง 5 คนยังทำงานร่วมกัน ไม่ได้แบ่งแยกการทำงาน ไม่มีการถูกชักจูง ในเรื่องความคิดเห็น เราทำงานโดยอิสระ และการพิจารณาก็ไม่ได้เข้าข้างพรรคใดพรรคหนึ่ง ซึ่งตนได้กำชับกับเจ้าหน้าที่ทุกคนให้ทำองค์กร กกต. เป็นกลางที่สุด ไม่ฝักใฝ่หรือเข้าข้างฝ่ายใด ถ้าใครมีพฤติกรรมช่วยเหลือ หรือเอนอียงก็ต้องดำเนินการจนถึงที่สุด
ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ เรียกร้องให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบสำนวนที่มีการยกคำร้องไปแล้วนั้น นายอภิชาต กล่าวว่า ยังไม่มีการหารือเรื่องนี้ในที่ประชุม กกต. อย่างไรก็ตาม ได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเรื่องสำนวนและชี้แจงให้ประชาชนทราบ
ด้านนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า การที่ระบุว่ากกต.ได้ยกคำร้อง 700 สำนวน เป็นการกล่าวหาที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง เพราะสำนวนร้องคัดค้านที่อยู่ระหว่างการดำเนินของ กกต.มีทั้งหมดเพียง 648 สำนวนเท่านั้น ซึ่ง กกต.ได้พิจารณาเสร็จสิ้นไปแล้ว 328 สำนวน ประกอบด้วย สำนวนที่ยกคำร้องคัดค้าน 248 สำนวน ยกคำร้องคัดค้านและดำเนินคดีอาญา 23 สำนวน ไม่รับคำร้องคัดค้าน 31 สำนวน ถอนคำร้องคัดค้าน 4 สำนวน เลือกตั้งใหม่โดยการใบเหลือง 16 สำนวน มีจำนวน 30 คน และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหรือให้ใบแดง 6 สำนวน จำนวน 8 คน รวมสำนวนที่พิจารณาเสร็จสิ้น 328 สำนวน
นายสุทธิพล กล่าวต่อว่า จากการสำรวจคดีทุจริตเลือกตั้งแต่ละสมัยของ กกต. ที่ผ่านมา พบว่าสำนวนส่วนใหญ่ที่ร้องคัดค้านเข้ามา ท้ายที่สุดจะถูกยกคำร้อง โดยในการเลือกตั้ง ส.ส .เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 มีการร้องคัดค้านเข้ามามีทั้งหมด 870 เรื่อง แต่ กกต.ได้ยกคำร้องถึง 535 สำนวน
“ดังนั้น ขอยืนยันการทำงานของ กกต. ทำอย่างตรงไปตรงมา ส่วนเรื่องที่จะมีการวิพากวิจารณ์ ผมคิดว่าเป็นการแสดงให้เห็นว่า กกต.มีความเป็นกลาง เพราะทางซ้ายเราก็ถูกวิจารณ์ ทางขวาเราก็ถูกวิจารณ์ หาก กกต.ทำงานเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ เพราะฉะนั้น ขอให้มั่นใจว่าการทำงานของ กกต.ตรงไปตรงมา และยินดีให้มีการตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการรื้อสำนวนที่พิจารณาเสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้วนั้น ผมคิดว่าจะทำได้ลำบาก เพราะสำนวนที่ กกต.ได้ลงมติยกคำร้องและมีการรับรองการเลือกตั้งไปแล้ว ถ้ามีการรื้อคงจะมีการหยิบยกประเด็นปัญหาขึ้นมา ดังนั้น ควรจะปล่อยให้เป็นไปตามกติกามากกว่า ส่วนสำนวนเหลือต้องพิจารณากันต่อไป” นายสุทธิพล กล่าว
เลขาธิการ กกต. กล่าวด้วยว่า กรณีพนักงานของสำนักงาน กกต. ถูกพาดพิงว่ามีส่วนรู้เห็นและวางตัวไม่เป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่นั้น ทาง กกต.น้อมรับเอาไปตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบหลักฐานว่าพนักงานของ กกต.วางตัวไม่เป็นกลาง ทำให้องค์กรและประเทศชาติเสื่อมเสีย ก็ต้องดำเนินการลงโทษทางวินัยและดำเนินคดีอาญาจนถึงที่สุด.-สำนักข่าวไทย
อัพเดตเมื่อ 2008-06-18 14:00:36